บทที่ 137 คนแปลกหน้าในฐานะสหาย

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

“นกไนติงเกลกำลังร้องเพลง  เสียงของนางลอยอยู่ในอากาศ…”

นักกวีกำลังร้องเพลง แม้ว่าจะเป็นเมืองชายแดนเล็กๆ แต่มันก็สวยงามและน่าดึงดูดมาก ดังนั้นเมื่อลูเซียนมานั่งอีกด้านหนึ่งของโต๊ะ เด็กผู้หญิงครึ่งเอลฟ์ที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนก็แปลกใจเล็กน้อยหลังของนางยืดตัวขึ้นทันที

เมื่อลูเซียนอธิบายเจตนาของเขาให้ฟัง หญิงเอลฟ์ที่ดูมีอายุกว่านั้นก็รู้สึกสนุก “เจ้าต้องการจ้างพวกเรา”

มือเรียบสวยของนางเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะไม้

เมื่อมองไปที่ลูเซียนที่นั่งอยู่ตรงหน้านาง หญิงสาวที่ดูมีประสบการณ์คนนี้ยังคิดว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยขุนนางผู้อ่านนิยายผจญภัยมากเกินไปและมันไปกระตุ้นให้เขาออกไปสำรวจทวีป

“ใช่แล้ว” ลูเซียนพยักหน้าอย่างใจเย็น “ข้าต้องการไปที่คอร์โซ พวกเจ้าทั้งสามยินดีที่จะเป็นผู้คุ้มกันให้ข้าไหม”

หญิงสาวไม่ได้ตอบลูเซียนในทันที แต่นางเริ่มต้นด้วยการแนะนำตนเอง “ข้าคือโจแอนนานักรบผู้ใช้ดาบใหญ่ นี่คือสามีข้าไซม่อนผู้ใช้ดาบและโล่ เราทั้งคู่ต่างก็มีพลังในระดับเดียวกับอัศวินระดับสูง นี่คือเบ็ตตี้น้องสาวของข้าเป็นนักธนูที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ระดับของนางต่ำกว่าพวกเราเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก ดังนั้นอย่างที่เจ้าเห็นลูกค้าของเราค่อนข้างจะโดดเด่นเพราะราคาค่อนข้างแพง แต่ชื่อเสียงของเราค่อนข้างดี”

“ข้าได้ยินมาจากเจ้าของแล้ว” ลูเซียนกล่าว “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าโดยตรง”

“ฮ่า ฮ่า แฮนเซนส่งเสริมพวกเราอย่างดีจริงๆ” โจแอนนาหัวเราะเสียงดัง

ลูเซียนสามารถบอกได้เลยว่ามีนักผจญภัยและทหารรับจ้างจำนวนมากนั่งอยู่ใกล้ๆ พวกเขาดูค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อโจแอนนาพูด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ากลุ่มของโจแอนนาเป็นผู้คุ้มกันที่ดีมากและการจัดการทีมของพวกเขานั้นสมเหตุสมผลมาก สองคนสำหรับการโจมตีระยะใกล้และอีกหนึ่งโจมตีระยะไกล

“โจแอนนา… รับงานเถอะ! ข้าจะวางแผนจะไปที่คอร์โซเอง” เบ็ตตี้ดูตื่นเต้นมาก “ข้าได้ยินมาว่ามีนักดนตรีอัจฉริยะในดินแดนของดยุกเบิร์กที่จะมีการแสดงในคอร์โซวันนี้!”

โจแอนนาหันไปมองน้องสาวของนาง เบ็ตตี้ไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ควรจะพูดและเมื่อไหร่ไม่ควรพูด เบ็ตตี้แลบลิ้นออกมาหาโจแอนนาแล้วปิดปากแน่น แต่ดวงตาของนางมองไปที่ลูเซียนและหูแหลมๆ ของนางก็กระดิกเล็กน้อย

“โจแอนนา ท่านต้องการเท่าไร” ลูเซียนถามตรงๆ เขาไม่ได้สนใจเรื่องราคามากนักหลังจากการเดินทางตลอดสองเดือนขาก็ยังมีเงินเหลืออีกแปดสิบห้าธาเล

“อืมม…” โจแอนนาหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อนางกำลังพิจารณาราคา

“หนึ่งนาร์ต่อคนต่อวัน” ไซม่อนยิ้มและบอกราคาแทนภรรยาของเขา

โจแอนนาแทบสำลักขณะจ้องมองสามี

“ไซม่อน” นางบ่น ราคานี้ต่ำกว่าที่นางคิดไว้มาก

“เราไม่ควรเรียกเก็บเงินจากลูกค้ามากขึ้นเพียงเพราะลูกค้าร่ำรวย” ไซม่อนยิ้มให้กับโจแอนนา “มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของเรา”

“และคุณลูกค้า” ไซม่อนหันไปหาลูเซียน “ข้ามีเงื่อนไขสองสามข้อ”

“ว่ายังไง?” ลูเซียนพยักหน้า

“ท่านต้องจ่ายเราเป็นรายวัน” ไซม่อนหยุดพูดสักครู่แล้วเหลือบมองเบ็ตตี้ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “และเงินที่จะจ่ายให้เบ็ตตี้ก็ให้จ่ายที่ข้า เพราะนางยังประหยัดไม่เป็นและเรากำลังออมเงินสำหรับการฝึกเป็นอัศวินในอนาคตของนาง”

ในบางเมืองทางใต้ตอนกลางของทวีป การฝึกอัศวินไม่ได้ฟรีเหมือนในอัลโต้ เหล่าขุนนางหลายคนก็ใช้วิธีนี้ในการหาเงินอย่างจริงจัง และการฝึกฝนเป็นอัศวินก็ไม่ใช้เรื่องเลวร้ายเลย เพราะสามัญชนก็สามารถมีโอกาสได้เป็นอัศวินฝึกหัด หรือแม้แต่ทำให้ชนชั้นทางสังคมสูงขึ้น

เบ็ตตี้หน้ามุ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ แต่นางปฏิเสธไม่ได้ว่าไซม่อนพูดถูก

“ไม่มีปัญหา” ลูเซียนเห็นด้วย “งั้นพวกเรามาทำตามสัญญากัน”

นักผจญภัยและทหารรับจ้างทั้งหมดที่ลงทะเบียนกับสมาคมนักผจญภัยจำเป็นต้องทำสัญญากับลูกค้าของพวกเขา

ลูเซียนส่งเอกสารประจำตัวของเขาเองให้กับแฮนเซน ลูเซียนดูเนื้อหาแล้วเซ็นสัญญาที่เจ้าของโรงแรมทำขึ้น

“ขอบคุณขอรับ” ลูเซียนพยักหน้าอย่างสุภาพกับแฮนเซน

แฮนเซนแปลกใจมากเมื่อมองเอกสารประจำตัวของลูเซียน แต่เขาก็ซ่อนสีหน้าของเขาในทันที

“ด้วยความยินดีท่านอีวานส์” จากนั้นแฮนเซนก็ตรวจสอบเอกสารของลูเซียนอย่างรอบคอบ ความจริงที่ว่ามีนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่มาโรงแรมของเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะโม้ต่อหน้าแขกและลูกหลานของเขาได้ในอนาคต

โจแอนนารับเงินสามนาร์ที่จ่ายล่วงหน้าแล้วประทับรอยนิ้วมือลงบนกระดาษ

“เจ้าใจดีมากเลย” โจแอนนายิ้มหวาน “ข้าจะเรียกเจ้าว่าอีวานส์ได้ไหม”

ในทางตรงกันข้ามคนคุ้มกันสามคนของลูเซียนไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ กับตัวตนของลูเซียนเพราะพวกเขาไม่รู้หนังสือ

“แน่นอน” ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย

“อีวานส์อีกคน!” เบ็ตตี้ยิ้มกว้าง “เจ้ารู้ไหมว่ามีนักดนตรีหนุ่มที่มีความสามารถและหล่อเหลาในอัลโต้ที่มีนามสกุลอีวานส์ด้วย! ข้าได้ยินมาว่าเขาเดินทางข้ามทวีป ข้าสงสัยว่าเขาจะมาที่จิบูตีหรือไม่!”

“ฝันไปเถอะ! นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่จะมาที่ประเทศที่ห่างไกลและยากจนแห่งนี้หรือ” โจแอนนาพูดกับนาง “แค่ปลุกพรแล้วเข้าร่วมกองกำลังอัศวินไวโอเล็ตได้ เราทุกคนก็จะสามารถย้ายไปอัลโต้”

ลูเซียนหัวเราะ “เบ็ตตี้ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านอีวานส์หน้าตาดี?”

“พวกนักกวีพูดอย่างนั้น!” เบ็ตตี้ตอบอย่างร่าเริง

ข้างนอกโรงแรม เมื่อลูเซียนกำลังจะขึ้นรถม้าก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวสิ ได้โปรดรอก่อน!” ชายหนุ่มโบกไม้โบกมือ

ชายในชุดคลุมสีขาวน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบปี เขามีผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าบนใบหน้าผอมๆ ของเขา

“สวัสดีขอรับ ท่านอีวานส์! ข้าสามารถเข้าร่วมเดินทางด้วยคนได้หรือไม่” เขายิ้ม “ข้อต้องการไปที่คอร์โซด้วยและข้าก็เต็มใจจ่ายเงินให้หนึ่งในสามของผู้คุ้มกัน”

นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนต้องการร่วมเดินทางกับลูเซียนและเขาก็ระมัดระวังเรื่องนี้อยู่เสมอ

“เจ้าดูไม่เหมือนคนขาดเงิน ทำไมเจ้าถึงต้องการร่วมเดินทางกับข้า” ลูเซียนถามตรงๆ

โจแอนนา ไซม่อนและเบ็ตตี้ไม่สนใจ พวกเขาจะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษเกินกว่าหน้าที่

“แฮนเซนบอกกับข้าว่าท่านเพิ่งได้ผู้คุมที่ดีที่สุดในสมาคมไป” ชายหนุ่มยักไหล่ “ส่วนนักผจญภัยและทหารรับจ้างคนอื่น ๆ …พวกเขาดูเหมือนโจรมากกว่าข้าเสียอีก”

“นั่นเป็นเรื่องจริง” เบ็ตตี้หัวเราะ

ชายหนุ่มหยิบบัตรประจำตัวและเอกสารของเขาออกมาแล้วส่งให้ลูเซียน

“สมาคมนักดนตรี… เบิร์ต ไวส์…” ลูเซียนอ่านเอกสารอย่างเงียบๆ เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มเป็นนักดนตรีด้วยเหมือนกันและนั้นทำให้เขาลดระดับความระมัดระวังลงเล็กน้อย

“ทำไมเจ้าถึงอยากไปที่คอร์โซ”

“ข้าจะไปเยี่ยมสมาคมนักดนตรีที่นั่น” เบิร์ตตอบ “ ร่วมถึง เอ่อเพื่อไปศึกษาด้วย”

“เอาล่ะ” ลูเซียนส่งคืนเอกสารให้เขา “ยินดีต้อนรับ เราเป็นเพื่อนร่วมทางกันตอนนี้ สิ่งหนึ่งที่ข้าต้องเตือนเจ้าก็คือข้ากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจดังนั้นโปรดเงียบให้มากที่สุด ข้าต้องการพักผ่อน”

“แน่นอน” ไวส์พยักหน้า

“เจ้าเป็นนักดนตรีหรือไม่?” เบ็ตตี้ถามอย่างตื่นเต้น

“ข้ายังเรียนอยู่” ไวส์ยังค่อนข้างสุภาพอีกด้วย

“เยี่ยมมาก! เจ้ารู้จักซิลเวียหรือไม่? เจ้ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” ดวงตาของเบ็ตตี้เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น นางเอาแต่พูดจนกระทั่งรถม้าเริ่มเคลื่อนที่ออกไป

ไวส์ขึ้นรถม้าและยิ้มให้ลูเซียน “เป็นหญิงสาวที่น่าหลงใหลมากจริงๆ แล้วข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีมากนัก”

ลูเซียนยิ้มแล้วหลับตาลง เขาพร้อมที่จะเริ่มต้นการวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนตร์ของเขาแล้ว

อย่างไรก็ตามในเวลานี้มีนักท่องเที่ยวคนอื่นมาขอร่วมเดินทางกับพวกเขา เป็นผู้หญิงธรรมดาที่กำลังอุ้มเด็กที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกของนางไว้

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ท่านอีวานส์ ชื่อของข้าคือลีน่า ข้ากำลังจะไปเมืองสายหมอกที่อยู่ระหว่างเมืองฟันมังกรและคอร์โซ” นางพูดกับลูเซียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าขอร่วมทางไปกับท่านได้มั้ย ข้าจ่ายเองได้”

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีเด็กมาด้วย ลูเซียนจึงไม่ขัดข้องอย่างไงเสียรถม้าก็ค่อนข้างกว้างอยู่แล้ว

ในที่สุดรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่ ไซม่อนอยู่ข้างหน้าของรถม้าตามด้วยโจแอนนาและเบ็ตตี้ที่ประจำคนละด้านของรถม้า

ทันทีที่พวกเขาออกจากเมืองชายร่างเตี้ยแต่แข็งแรงก็มาขัดขวางพวกเขา

“คริส! ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่” โจแอนนาถามอย่างตื่นตัว

“ข้าจะกลับไปที่คอร์โซด้วย! แค่นั้นแหละ!” คริสตอบเสียงดัง “ถ้าเจ้าอยากประหยัดเงินเจ้าก็ส่งเบ็ตตี้มาให้ข้าเพื่อฝึกเป็นอัศวิน รู้ไหมข้าเคยฝึกอัศวินมาก่อน!”

ในขณะที่คริสกำลังคุยโม้อยู่แต่ดวงตาของเขากลับจ้องมองรถม้า อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในรถม้ายังคงนิ่งเงียบ

รถม้าได้มุ่งหน้าไปที่คอร์โซอย่างราบรื่นท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง

……………………………………….