ตอนที่ 126 เสมอกัน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 126

เสมอกัน

 

“อู๋หมิง”หลังจากรถม้ามาถึงเมืองซึ่งเป็นเป้าหมาย หยุนฟางก็เรียกตัวอู๋หมิงเอาไว้ก่อนที่มันจะลาจากไปเสียก่อน

“มีอะไรเหรอ”อู๋หมิงถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเรื่องที่มันเรียกนางว่าอาวุโสนั้นทำความเข้าใจกันใหม่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร

“ทำไมเจ้าถึงไม่มาร่วมงานชุมนุมจวนตะวันคล้อย”หยุนฟางถามด้วยท่าทีสงสัย แม้จะทราบสาเหตุอยู่แล้วว่าอู๋หมิงไม่มาร่วมงานประลองเพราะมันแยกตัวออกจากอาวุโสเทียนหมิงไปก่อนที่จะได้รับบัตรเชิญก็ตาม

“งานชุมนุม?”อู๋หมิงขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดสิ่งที่นางพูด มันไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับงานชุมนุมเลย หรืออาจจะเพรมันเอาแต่ฝึกฝนวิชาในถ้ำก็ได้

“เจ้าไม่รู้งั้นเหรอ เฒ่าประทับสวรรค์เลื่อนเวลานัดชุมนุมเข้ามาใหม่”หยุนฟางถามอีกครั้ง ท่าทางของอู๋หมิงเหมือนจะไม่ทราบเรื่องงานชุมนุมจริงๆ

“ไม่เลย”อู๋หมิงว่าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย หากงานชุมนุมเกิดขึ้นจริงก็ไม่เท่ากับว่ามันไม่ได้ไปช่วยเหลืออาจารย์ในงานชุมนุมหรืออย่างไร

“น่าเสียดาย คราวนี้เป็นการประลองของคนรุ่นใหม่ ข้านึกว่าจะได้สู้กับเจ้าเสียอีก”หยุนฟางว่าพลางถอนหายใจออกมา ชื่อเสียงของเซียนดาบและเซียนกระบี่คู่คี่สูสีกันมานานหลายสิบปี บางทีฝีมือของศิษย์อาจจะเป็นสิ่งบ่งชี้ความสามารถของเซียนทั้งสองก็เป็นได้ ทำให้นางคาดหวังไม่น้อยว่าจะได้ประลองกับศิษย์ของเซียนกระบี่อย่างอู๋หมิง

“เช่นนั้นเราไม่มาประลองกันดูล่ะ”อู๋หมิงถามพลางยิ้มบางๆ ในเมื่อนางอยากสู้ทำไมไม่ลองดูในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นเดียวกัน

“……”หยุนฟางนิ่งไปพักหนึ่งเพราะไม่คิดว่าอู๋หมิงจะเป็นฝ่ายชวนนางเริ่มต่อสู้เอง

“หรือว่าเจ้าไม่อยากสู้”อู๋หมิงเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะตัวมันเองก็อยากหาใครสักคนมาวัดฝีมือเช่นกัน เพราะตั้งตัวมันฝึกอยู่ในถ้ำมันก็ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่จะทำให้มันได้ใช้ฝีมือจริงๆเลย

“ดะ ได้ เช่นนั้นเราไปนอกเมืองกันเถอะ”หยุนฟางว่าชี้ไปทางประตูเมือง การต่อสู้ของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดพลังเซียนไม่ควรเกิดขึ้นในเมืองที่ไม่ค่อนมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นนี้

“ตกลง”อู๋หมิงตอบรับพลางเดินตามหยุนฟางออกไปนอกเมืองจนกระทั่งคิดว่าออกมาไกลพอสมควร หุนฟางจึงหันหลังกลับมาทางอู๋หมิงพลางชักดาบราชันศาสตราออกมาจากฝัก การต่อสู้ครั้งนี้แม้ไม่มีผู้ชมแต่นางก็เอาจริงไม่น้อย ยิ่งอีกฝ่ายคือผู้ถือครองกระบี่ทัณฑ์สวรรค์กระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเคียงคู่ดาบราชันศาสตราด้วยแล้วยิ่งไม่ควรประมาท

กึก….อู๋หมิงไม่ได้เรียกกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมาอย่างที่หยุนฟางคิด แต่มันกลับหักกิ่งไม้กิ่งหนึ่งออกมาใช้แทนกระบี่เสียอย่างนั้น

“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร”หยุนฟางขมวดคิ้วด้วยใบหน้าแดงก่ำ หรือว่ามันคิดจะประลองกับนางด้วยกิ่งไม้ มันเห็นว่านางเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไร

“ข้าไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ”อู๋หมิงยิ้มพลางตั้งท่ากระบี่ด้วยท่าทีสบายๆ

“ไม่ได้ล้อเล่น? งั้นหมายความว่าเจ้าดูถูกข้าจริงๆสินะ”หยุนฟางจ้องมองอู๋หมิงด้วยท่าทีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตอนแรกนางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสุภาพบุรุษเสียอีก ไม่นึกเลยว่ามันจะหยามนางออกมาโต้งๆได้

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน หากท่านสามารถหักกิ่งไม้ได้ ข้าจะเอากระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา”อู๋หมิงยิ้มพลางชี้กิ่งไม้มาทางหยุนฟาง ชื่อเสียงอันโด่งดังของกาบราชันศาสตรานั้นเกิดขึ้นเพราะความแข็งแกร่งของมัน อาวุธส่วนใหญ่ที่ปะทะกับมันตรงๆมักจะหักลงอย่างง่ายดาย การที่อู่หมิงเอากิ่งไม้ออกมาสู้ไม่เท่ากับดูถูกผู้ถือครองอาวุธวิเศษหรอกหรือ

“ได้”หยุนฟางตอบด้วยท่าทีคุกรุ่น เพียงพริบตากลิ่นไอเซียนของนางก็โถมเข้ามาหาอู๋หมิงอย่างรวดเร็วพร้อมท่าดาบที่ฟันใส่กิ่งไม้ของอู๋หมิงหมายจะตัดมันให้ขาดเสียตอนนี้

วูบ…อู๋หมิงเอี้ยวตัวเล็กน้อยพลางเสือกเท้าเข้าไปหาหยุนฟางอย่างรวดเร็วและเรียบลื่น ต่างจากอู๋หมิงยามปกติที่มักจะใช้ความเร็วดุจดังสายฟ้าเข้าต่อสู้ ระยะเวลาไม่กี่เดินที่อู๋หมิงขังตัวในถ้ำฝึกฝนเพลงกระบี่จากตำราไร้สาระกลับเปลี่ยนมันไปได้เช่นนี้เลยหรือ

โครม!! ดาบในมือหยุนฟางฟาดใส่อู๋หมิงจนเกิดคลื่นดาบขนาดใหญ่สร้างความเสียหายให้พื้นตรงหน้าอย่างรุนแรง แต่หากมันไม่ได้โดนตัวอู๋หมิงเลยแม้แต่น้อย

เพี๊ย! กิ่งไม้ตีลงบนมือของหยุนฟางจนดาบราชันศาสตราตกลงพื้น ทำเอาหยุนฟางถึงกับใจหายวาบ เมื่อครู่เป็นการเคลื่อนไหวแบบใดกัน แม้จะดูธรรมดาแต่กลับหลบการโจมตีของนางได้ราวกับอ่านกระบวนท่าของนางออกจนหมด

ฟุบ! หยุนฟางก้มลงเก็บดาบก่อนจะตีลังกาออกมาจากระยะของอู๋หมิง แต่พริบตาเดียวร่างของอู๋หมิงก็ปรากฏตรงจุดที่นางกำลังจะร่อนลงทันที ทำให้นางแสดงท่าดาบออกไปตรงจุดที่อู๋หมิงยืนอยู่

กึก…วูบ… ราวกับภาพที่ไป๋จูเหวินสะท้อนกระบวนท่าดาบของนางกลับมาอีกครั้ง อู๋หมิงใช้กิ่งไม้รับดาบราชันศาสตราเอาไว้แต่ยังไม่ทันที่คมของดาบราชันศาสตราจะได้เฉือนกิ่งไม้ อู๋หมิงก็เพียงสะบัดกิ่งไม้ไปด้านหลังโน้มเอาทั้งดาบทั้งร่างของหยุนฟางเปลี่ยนทิศทางไปในทันที แต่โชคดีที่หยุนฟางยังคงสติเอาไว้ได้ นางรีบหมุนตัวกลับมายืนบนพื้น ก่อนจะใช้ไม้ตายของนางในทันที

วูม….พลังเซียนและคลื่นกระบี่นับร้อยพุ่งตรงมายังอู๋หมิงในทันที คราวนี้หยุนฟางไม่ต้องเดินพลังเซียนคุ้มกันร่างเหมือนตอนไป๋จูเหวินทำให้พลังทำลายของท่าทัพดาบของนางรุนแรงกว่าของไป๋จูเหวินเสียอีก แถมนางยังเก็บพลังเอาไว้สู้ต่อได้อีกต่างหาก

เปรี้ยง! พริบตานั้นราวกับมีปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้ามาปะทะดาบของนางอย่างจัง ทำให้ท่าที่กำลังจะใช้ออกต้องชะงักเอาไว้ พริบตาต่อมาร่างของอู๋หมิงก็ปรากฏขึ้นข้างๆหยุนฟางพร้อมกิ่งไม้ในมือ

เพี๊ย! หยุนฟางยกดาบขึ้นโจมตีก็โดนกิ่งไม้ของอู๋หมิงตีแขนอย่างจังทำให้นางไม่สามารถโจมตีได้

เพี๊ย! คราวนี้หยุนฟางโดนตีที่ข้อมืออีกครั้งทำให้การโจมตีไร้ผลอีกจนได้

เพี๊ย! คราวนี้อู๋หมิงตีที่ด้านไร้คมของดาบราชันศาสตรา แต่ผลที่ออกมาก็ทำให้กระบวนท่าของหยุนฟางไร้ผลไปอยู่ดี เหตุการณ์ตรงหน้าทำเอาหยุนฟางสับสนเป็นอย่างมาก แต่ละดาบที่นางฟันออกไปล้วนมาจากวิชาที่นางฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ลำพักศิษย์คนอื่นๆของยอดฝีมือในงานชุมนุมยังเพียงหลบก็ยากแล้ว แต่อู๋หมิงกลับกำลังตีนางราวกับกำลังจะสั่งสอนนาว่าท่าดาบของนางนั้นไม่ได้เรื่อง

“พอเท่านี้ดีกว่ามั้ง”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มบางๆราวกับมันกำลังเล่นสนุกอยู่ทำเอาหยุนฟางยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“เจ้า…”หยุนฟางว่าพลางถอยห่างออกมาจากอู๋หมิง กระบวนท่าของนางโดนอ่านออกหมดเลยทั้งๆที่ปกติแล้วแทบจะไม่มีใครอ่านกระบวนท่าของนางออกแท้ๆ เจ้าศิษย์ของเซียนกระบี่คนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่

วูบ…พริบตานั้นหยุนฟางก็ราวกับมองเห็นภาพไป๋จูเหวินทับซ้อนกับอู๋หมิง ทั้งๆที่พลังวิญญาณของอู๋หมิงอ่อนด้อยกว่านางแท้ๆ แถมมันยังไม่มีพลังอสูรเช่นเดียวกับไป๋จูเหวินเสียด้วย ทำไมมันถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

“……”อยู่ๆหยุนฟางก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างออก ไม่ใช่ว่าอู๋หมิงตรงหน้านางนั้น…ยังไม่ได้ใช้พลังเซียนเลยไม่ใช่หรืออย่างไร

อยู่ๆหยุนฟางก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ นางกำลังแพ้ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่งั้นเหรอ… เช่นนั้นไม่เท่ากับนางแพ้แล้วหรืออย่างไร หรือว่านางควรจะยอมแพ้ดี….

ฟุบ! ร่างของหยุนฟางทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเหนือกว่า แต่นี่ก็เป็นเพียงการประลอง นางจึงอยากจะหางทางเอาชนะอู๋หมิงให้ได้ในตอนนี้ ก่อนที่นางจะต้องเจอกับมันในการต่อสู้แบบเอาชีวิตในสักวันหนึ่ง

วูม…… คลื่นดาบขนาดใหญ่พุ่งลงมาพร้อมร่างของหยุนฟางที่กำลังร่อนลงมาจากท้องฟ้า กระบวรท่าราชันดาบเป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของนาง แม้จะน่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ในการต่อสู้กับไป๋จูเหวินเพราะพลังไม่พอ แต่คราวนี้อู๋หมิงไม่มีทางใช้กิ่งไม้รับการโจมตีของนางได้แน่ๆ

วูบ..อยู่ๆหยุนฟางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอเซียนของอู๋หมิงที่อยู่ด้านล่าง แม้จะเล็กน้อยแต่มันก็ทำให้นางยิ้มออกมา ในที่สุดมันก็เอาจริงเสียที

เปรี้ยง!!! พริบตาเดียวคลื่นดาบของนางก็สลายหายไปจนหมด นาไงม่ทราบว่าอู๋หมิงทำได้เช่นไร แต่ภาพตรงหน้าของนางกลับปรากฏร่างของอู๋หมิงที่กำลังยืนยิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตรอยู่บนพื้นเท่านั้น แม้จะน่าเจ็บใจ แต่นางสู้มันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

หมับ….อู๋หมิงรับร่างของหยุนฟางเอาไว้ด้วยสองมือ พลางส่งยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด

“เท่านี้ข้าก็ต้องใช้กระบี่ทัณฑ์สวรรค์แล้วสินะ”อู๋หมิงว่าพลางมองกิ่งไม้ในมือของมัน ยามนี้กิ่งไม้ในมือของมันหักไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับกันดาบในมือของหยุนฟางเองก็ตกอยู่บนพื้นไปนานแล้ว แถมท่าในตอนนี้ก็ออกจะไม่เหมือนคนที่กำลังต่อสู้กันเสียด้วย

“ไอ้เจ้าบ้า ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้”หยุนฟางโกรธจนหน้าแดงอีกครั้งพลางพยายามดันอู๋หมิงให้ปล่อยนางลงกับพื้น อยู่ๆมันมาถือวาสาสะอุ้มนางได้อย่างไร

“…….”หลังจากหยุนฟางดิ้นจนหลุดออกจากแขนของอู่หมิงมาได้ นางก็เก็บดาบราชันศาสตรากลับเข้ามิติของนางพลางมองค้อนอู๋หมิงด้วยท่าทีไม่พอใจ นอกจากอาจารย์แล้วนางยังไม่เคยให้ใครมาอุ้มเช่นนี้มาก่อน นับว่าเรื่องเมื่อครู่สร้างความอับอายให้นางไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะมันฝีมือสูงกว่านางอย่างเห็นได้ชัดนางคงตบหน้ามันไปสักทีแล้วแท้ๆ

“ทำไมพวกเจ้าถึงเก่งกันนักนะ ไป๋จูเหวินก็คนแล้ว ยังจะมีเจ้าอีก หลังจากนี้ความมั่นใจของข้าคงไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว”หยุนฟางโวยวายพลางจ้องมองไปที่อู๋หมิง

“ไป๋จูเหวิน…”อู๋หมิงทวนคำพลางเลิกคิ้วอย่างสนใจ

“เจ้ารู้จักมันด้วยงั้นหรือ”หยุนฟางถามเมื่อเห็นท่าทีประหลาดใจของอู๋หมิง

“แน่นอน ข้ารู้จักมัน ที่เจ้าบ่นถึงมันเช่นนี้เพราะเจ้าแพ้มันมาอย่างนั้นหรือ”อู๋หมิงถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินฝีมือสูสีกับอู๋หมิงมาตลอดอาจจะพูดได้ว่าไป๋จูเหวินฝีมือก้าวนำมันไปเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ แต่หลังจากฝึกวิชาในถ้ำมามันก็มีทักษะวิชาก้าวหน้าไปมาก มันอยากรู้จริงๆว่ายามนี้ไป๋จูเหวินหรือมันจะแข็งแกร่งกว่า

“เทียบกับข้าแล้ว ใครแข็งแกร่งกว่ากัน”ในเมื่อหยุนฟางเคยสู้กับไป๋จูเหวินมาแล้ว อู๋หมิงย่อมอยากทราบความต่ำสูงของแต่ละฝ่าย แต่คำถามสั้นๆแค่คำถามเดียวของอู๋หมิงกลับทำให้หยุนฟางนิ่งเงียบไปพักใหญ่

“ข้าบอกไม่ได้”หยุนฟางส่ายหน้าช้าๆ ทั้งไป๋จูเหวินทั้งอู๋หมิงต่างทำให้นางพ่ายแพ้หมดรูปทั้งคู่ จะบอกว่าใครเหนือกว่าคงเป็นเรื่องยากทีเดียว

“เจ้ากับมัน…บางทีอาจจะสูสีกันกระมัง”หยุนฟางตอบเสียงเบาพลางมองไปทางอู๋หมิง แต่อู๋หมิงกลับยิ้มอย่างพึงพอใจเสียอย่างนั้น

“งั้นเหรอ ไป๋จูเหวินเองก็เก่งขึ้นสินะ”อู่หมิงว่าพลางโยนกิ่งไม้ทิ้งไปอย่างอารมดี มันชักอยากจะเจอไป๋จูเหวินเร็วๆเสียแล้ว