บทที่ 485 ฝาก
บทที่ 485 ฝาก
ตอนนี้การประมูลดำเนินมาเพียงครึ่งวัน แต่ราคาในการประมูลกลับพุ่งสูงถึงยี่สิบล้าน เงินไม่ได้งอกออกมาจากต้นไม้ ดังนั้นทุกคนในห้องประมูลจึงเคร่งเครียดอย่างมาก
แต่ทันใดนั้นมีใครบางคนเสนอราคาที่สูงกว่าเดิม
“ห้องวีไอพีหมายเลขสามเสนอราคาหนึ่งร้อยสี่สิบล้านหยวน!”
ราวกับว่ามันเป็นการแข่งขัน เขาเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบล้านหยวน
“หึหึ! พ่อฉันบอกให้ประมูลดาบเล่มนี้ให้ได้ คราวนี้มาดูซิว่ามันจะกล้าสู้กับฉันไหม!”
ภายในห้องวีไอพี นายน้อยอ้วนพูดอย่างมีชัย
ชายชราที่อยู่ข้าง ๆ เขาอดปรามไม่ได้
“นายน้อย ท่านชุ่ยกำชับว่าต้องประมูลในราคาไม่เกินหนึ่งร้อยสิบแปดล้านไม่ใช่เหรอครับ ไม่อย่างนั้น…”
“ไม่ต้องห่วง ไอ้มาเฟียนั่นจะเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนั้น? ฉันไม่คิดว่ามันจะเสนอเพิ่มหรอก”
นายน้อยอ้วนพูดอย่างลำพองใจ แต่หลังจากพูดจบ พิธีกรก็ขานราคาที่น่าตกใจจนทำให้ใบหน้าเขาบูดบึ้งทันที!
“ห้อง…ห้องวีไอพีหมายเลขสี่เสนอราคาสองร้อยล้านหยวน!”
หลังจากพิธีกรขานราคาสองร้อยล้านหยวน ทุกคนในห้องประมูลก็ตะลึงงันทันที
“บ้าไปแล้ว!”
คนในห้องประมูลอุทาน ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเสนอราคาเพิ่มหกสิบล้านหยวนในครั้งเดียว!
ทั้งที่มีราคาเริ่มต้นเพียงแปดสิบล้านหยวนเท่านั้น!
ห้องวีไอพีหมายเลขสาม
“อะไรวะเนี่ย!”
นายน้อยชุ่ยอุทานด้วยความโมโห เขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้ว
“ตึง!”
เขาโมโหมากจนโยนเครื่องมือประมูลลงบนพื้นอีกครั้ง!
“มันบ้าหรือเปล่า! เพิ่มเงินหกสิบล้านในครั้งเดียวเนี่ยนะ? ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอคนบ้าแบบมันด้วย?”
“นายน้อยใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ผมได้ยินมาว่าคนที่อยู่ในห้องวีไอพีหมายเลขสี่ทำแบบนี้ทุกครั้ง”
เมื่อเห็นอย่างนั้นชายชรากลัวว่านายน้อยจะทำสิ่งเลวร้ายลงไป เขาจึงรีบพูดปลอบใจทันที
คิ้วของนายน้อยชุ่ยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“แกกำลังจะบอกว่าไอ้นั่นเป็นมาเฟียโง่งั้นเหรอ?”
เขาหันมองชายชราข้าง ๆ พร้อมถาม
ชายชราพยักหน้า “เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ ถ้าอ้างอิงจากของโบราณที่เคยประมูลแล้ว ดูเหมือนว่าจะชอบประมูลแบบสุ่ม”
“มันเป็นใคร?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นายน้อยชุ่ยจึงถามด้วยความสนใจ
“ดูเหมือนว่าจะชื่ออวี้ฮ่าวหราน ประธานบริษัทเครือฮ่าวหรานนะครับ”
“ตั้งชื่อบริษัทตามชื่อตัวเองเหรอ? บ้าชะมัด”
นายน้อยชุ่ยหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางครุ่นคิดในใจ
“นี่ใช่เครือฮ่าวหรานที่เพิ่งตั้งตัวเป็นศัตรูกับพ่อฉันใช่ไหม?”
“ใช่ครับนายน้อย พวกเขาตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชิงปังมาแข่งขันกับพวกเรา”
ชายชราที่อยู่ข้าง ๆ ตอบตามความจริง
“ฮ่า ๆ ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น!” นายน้อยชุ่ยพูดอย่างมีความสุขก่อนถาม “ฉันได้ยินว่าไอ้ขยะนั่นเป็นพี่เขยของหลี่จิงเทียนเหรอ?”
“ครับ”
“งานนี้สนุกแน่!”
แผนการบางอย่างผุดขึ้นในความคิดของนายน้อยชุ่ยอย่างเงียบ ๆ
แน่นอนว่าดาบหยกโบราณตกเป็นของอวี้ฮ่าวหรานไปโดยปริยาย
“อืม ถือว่าเป็นของดี”
เขามองสำรวจดาบในมืออย่างละเอียดแล้วพูดด้วยความพึงพอใจ
ถึงรัศมีจะไม่แข็งแกร่ง แต่ในสายตาเขา ดาบหยกเล่มนี้ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สวยงามเลยทีเดียว
แม้จะห่างชั้นกับสิ่งประดิษฐ์อันชาญฉลาดของเหล่าทวยเทพ แต่ในโลกมนุษย์ มันถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์อันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้
ซูหว่านเอ๋อเดินเข้าไปหาเขา เธอยังคงรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย
“คุณ…คุณอยากได้มันจริง ๆ เหรอคะ?”
เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะทุ่มเงินหกสิบล้านหยวนเพื่อสิ่งนี้
แม้จะเข้าร่วมการประมูลอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ตั้งงบที่จะใช้ในการประมูลเอาไว้เพื่อสิ่งของที่ต้องการเท่านั้น
“อืม คุณลองดูใกล้ ๆ สิ”
อวี้ฮ่าวหรานโยนดาบหยกโบราณให้อีกฝ่ายดู
“โอ้ ระวังหน่อยสิคะ…มันราคาสองร้อยล้านเชียวนะ”
ซูหว่านเอ๋อรีบถลาไปรับวัตถุโบราณด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย ดวงตากลมโตราวกับไข่มุกสีดำมองชายตรงหน้าขณะบ่นพึมพำ
ทำไมสิ่งของมีค่าขนาดนี้ถึงดูเหมือนไม่สำคัญในสายตาอีกฝ่าย?
ถ้าเธอเป็นคนซื้อมัน เธอคงกอดมันไว้ในอ้อมแขน ดูแลอย่างดีแล้วพามันกลับบ้านพร้อมบอดี้การ์ดนับสิบคน
“สวยงามอะไรขนาดนี้!”
ซูหว่านเอ๋อกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอมองดาบหยกโบราณในมือด้วยสายตาชื่นชม
เห็นได้ชัดว่าเธอชอบวัตถุโบราณมาก
“ผมขอของชิ้นนี้ไปที่เก็บที่บ้านหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้จะเอามาให้คุณนะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจสิ่งของชิ้นนั้นแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณ เขาคงไม่มีวันชายตามองมันแน่นอน
แต่คำพูดเหล่านั้นกลับทำให้ซูหว่านเอ๋อตกใจอย่างมาก
“หา! คุณ…คุณเอาให้…เอาให้ฉันเหรอคะ?”
ร่างกายเธอแข็งทื่อ ดวงตาสีดำขลับจ้องอวี้ฮ่าวหรานอย่างตกตะลึง
“มันราคาสองร้อยล้านเลยนะคะ!”
“ผมไม่อยากเก็บไว้นานน่ะ เลยจะส่งให้คุณเก็บไว้”
อวี้ฮ่าวหรานพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ
“แล้ว…แล้วคุณประมูลมาทำไมเหรอคะ?”
ซูหว่านเอ๋อมีสีหน้างุนงงมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินอย่างนั้น หลังจากประมูลวัตถุโบราณ เขามักจะเก็บสิ่งนั้นไว้กับตัวเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้ทุกครั้ง
“แปลกจัง…”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงพึมพำออกมา
ต่างจากซูหว่านเอ๋อเวลาได้รับวัตถุโบราณชิ้นใหม่ลิบลับ เธอมักมองชื่นชมมันตลอดทั้งเดือนโดยไม่เบื่อเลย
“แต่…ฉันไม่อยากได้ ฉันเป็นหนี้คุณแล้วยี่สิบห้าล้าน…และลุงหลินก็ยังไม่ได้ชดใช้เงินทั้งหมด”
ซูหว่านเอ๋อเงียบอยู่นาน ก่อนอธิบายพร้อมนึกถึงหน้าที่เธอยืมมาจากเขาพร้อมส่ายศีรษะด้วยความทุกข์ระทม
“ถ้าเป็นหนี้มากกว่านี้ ฉันคงต้องขายตัวแล้วล่ะค่ะ…”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร งั้นผมเก็บไว้เองก็ได้ครับ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ ขณะสังเกตเห็นแววตาผิดหวังในสายตาของอีกฝ่าย
“ค่ะ เอ่อ…เจ้านี่ขายได้มากที่สุดแค่หนึ่งร้อยแปดสิบล้านหยวน คุณจะไม่ขาดทุนเหรอคะ”
ซูหว่านเอ๋อปกปิดอารมณ์อ่อนไหวได้อย่างดีเยี่ยม
อย่างน้อยเธอก็พูดในสิ่งที่คิด อวี้ฮ่าวหรานเห็นอย่างนั้นจึงยกยิ้มมุมปาก
“ฮ่า ๆ ผมไม่สนใจเงินจำนวนแค่นั้นหรอก ได้ทำตัวเป็นอัศวินบ้างก็ไม่เลวนะครับ ที่บ้านของผมไม่มีที่เก็บแล้ว ผมขอฝากไว้ที่คุณก่อนแล้วกัน”
ซูหว่านเอ๋อนิ่งอึ้งไม่ตอบสนอง
“หือ?”
เธอไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้…
“พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถดูแลของพวกนี้แทนผมได้ คุณจะไม่รังเกียจผมใช่ไหมครับ?”
อวี้ฮ่าวหรานพูดติดตลก
“ฉัน…ไม่รังเกียจแน่นอนค่ะ…”
ซูหว่านเอ๋อเอียงศีรษะพร้อมกะพริบตา เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นี่ไม่เรียกว่ามอบให้เธอหรอกเหรอ?
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงลุกยืนขึ้นและเตรียมตัวเดินจากไป
เขาไม่รังเกียจที่จะให้ของขวัญแก่ผู้หญิงตรงหน้าเลย อย่างไรก็ตามการกระทำนี้ของเขายิ่งทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจมากกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุโบราณสองสามชิ้นที่เธอเคยให้หรือปิ่นหยกดำลึกลับ สิ่งของเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการฝึกตนทั้งสิ้น
ถ้าให้พูดตามตรงก็คือความช่วยเหลือนี้ไม่สามารถตอบแทนได้ด้วยเงินหนึ่งหรือสองร้อยล้านเหรียญได้ เมื่อเดินออกจากห้องวีไอพี เขาก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองอยู่
หลังจากหันมองรอบ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็เห็นว่าชายรูปร่างอ้วนและมีท่าทางเหมือนทายาทเศรษฐีเดินออกจากห้องวีไอพีหมายเลขสาม
ข้างหลังนายน้อยมีบอดี้การ์ดกว่าสิบคนและชายชราหนึ่งคน