ตอนที่ 515-1 อดีตของเสวียนหั่ว

พันธกานต์ปราณอัคคี

แม้ว่าพี่น้องหารือกันดีแล้วที่จะจัดการนักพรตไป๋หมางเป็นอันดับแรก แต่การแข่งขันวายุเมฆาที่ทั้งโลกจับตามองกำลังใกล้เข้ามา ดวงจิตของมั่วชิงเฉินยังไม่ได้คืนสู่สภาพเดิมดี เรื่องนี้ต้องรอหลังการแข่งขันวายุเมฆา

เรื่องสำคัญอันดับแรกของมั่วชิงเฉิน ก็คือเร่งฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าการเข้าคู่บำเพ็ญจะมีผลอย่างพิเศษต่อการบำรุงรักษาดวงจิตดั้งเดิม แต่เวลาเพียงสั้นๆ ไม่กี่เดือน ไม่เพียงพอที่จะทำให้นางกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากลางคืนจะต้องเข้าคู่บำเพ็ญเพื่อรักษาดวง ตื่นขึ้นมาอีกครั้งวันใดก็ยังไม่รู้ มั่วชิงเฉินอยู่ในที่พำนักยอดเขาลั่วเถาฟง ลงมือจัดเก็บของกำนัลที่ได้รับจากงานมงคล

ของกำนัลเหล่านี้มาจากสำนักพรรคต่างๆ มีทั้งของล้ำค่า มีทั้งของทั่วไป มั่วชิงเฉินใช้จิตกวาดสำรวจ แล้วแบ่งประเภทจัดเก็บไว้ในกำไลเก็บของ จากนั้นก็หันสายตาไปมองยังของสองสามอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ

หยิบถุงใบเล็กใบหนึ่งขึ้นมาเป็นอันดับแรก ถุงเล็กใบนี้เป็นสิ่งที่หลัวอวี้เฉิงมอบให้ ปากต้วนชิงเฉิงมามอบ

เมื่อนึกถึงการจากไปโดยไม่บอกลารวมถึงคำพูดก่อนจากไปของหลัวอวี้เฉิง ทั้งยังมีเบื้องหลังอันเป็นความลับของตระกูลหลัว มั่วชิงเฉินก็รู้สึกจิตใจสับสนขึ้นมาทันที ใช้ปลายนิ้วหนูไปบนถุงใส่ของที่ดูธรรมดนั้น สักครู่ใหญ่จึงใช้จิตกวาดสำรวจ นี่คือตุ๊กตาไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ มีห้าเฉดสีไม่ซ้ำกัน

ในถุงใบเล็กยังมีแถบหยกสีเขียวอันหนึ่ง บนนั้นบันทึกวิธีปลุกเสกรวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษของตุ๊กตาไม้ชุดนี้อย่างละเอียด มั่วชิงเฉินอ่านอย่างตั้งใจ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างห้ามมิได้

หลัวอวี้เฉิง เป็นผู้มีความสามารถจริงๆ ตุ๊กตาไม้ชุดนี้ ตุ๊กตาห้าธาตุที่ยากจะได้พบ

ตุ๊กตาทั้งห้า  หากเอาออกมาเพียงหนึ่งตัว ความสามารถเพียงแค่พอๆ กับผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐาน แต่หากออกมาพร้อมกันทั้งห้าตัว ธาตุทั้งห้าก่อกำเนิดซึ่งกันและกัน หักล้างเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน ความสามารถโดยรวมของตุ๊กตาไม้ทั้งห้าตัวนี้คงพอจะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณทีเดียว

หากเผชิญหน้ากับคนอื่น เว้นเสียแต่ฝ่ายตรงข้ามจะมีวิธีทำลายการควบคุมตุ๊กตาห้าธาตุของนางได้ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่ต่างกับการต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณห้าคน

ของขวัญชิ้นนี้ ช่างล้ำค่ายิ่งนัก!

มั่วชิงเฉินถอนหายใจ แล้วเก็บตุ๊กตาห้าธาตุเข้าไปในกำไลเก็บของ

การปลุกเสกตุ๊กตาห้าธาตุนั้นใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ในวันเดียว พลังทั้งหมดของงานในตอนนี้ทุ่มเทให้กับการฟื้นฟูดวงจิต ได้แต่เก็บไว้ในภายหลัง

หลังจากนั้น ก็คือของขวัญจากเหล่าเจินจวินระดับก่อกำเนิดสองสามท่านในสำนัก

เหิงตั๋วเจินจวินมอบตำรารับชุดหนึ่งให้ เรียกว่าเคล็ดวิชาควบทอง

เคล็ดวิชานี้ไม่ใช่เคล็ดวิชาซึ่งผู้บำเพ็ญเพียรจะฝึกฝนด้วยตนเองอย่างที่เห็นทั่วไป แต่เป็นเคล็ดวิชาหลอมอาวุธ ขอเพียงเป็นอาวุธจู่โจมที่ทำด้วยโลหะ ก็สามารถหลอมด้วยเคล็ดวิชาควบทองได้ อย่างเช่นลูกธนูทองและก้อนอิฐของมั่วชิงเฉิน

ดูคำแนะนำบนเคล็ดวิชาก็รู้ได้ว่า เมื่อเรียนรู้วิชาควบทองสำเร็จ ก็จะมีสระทองเล็กๆ เกิดขึ้นในกาย  สระทองจะเปลี่ยนพลังวิญญาณในกายให้กลายเป็นทองคำเหลว แล้วถูกอาวุธซึ่งหล่อหลอมในสระทองนี้ดูดซึม เป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ของวิเศษสำหรับการโจมตีที่ทำจากโลหะก็จะคมกริบมากยิ่งขึ้น คมจนไม่อาจต้านทาน

ในเคล็ดวิชายังกล่าวถึงว่า เคล็ดวิชาควบทองนี้พัฒนามาจากเคล็ดวิชาโบราณที่ชื่อว่าควบทองแหวกฟ้า อานุภาพไม่ได้เทียบเท่าหนึ่งในหมื่นของมัน หากมีโอกาสได้เคล็ดวิชาควบทองแหวกฟ้า ถึงจะได้รู้ว่า อะไรที่เรียกว่าไร้เทียมทาน

ยังดีที่เคล็ดวิชาควบทองนั้นมีอานุภาพเบาบาง การฝึกฝนจึงง่าย มั่วชิงเฉินประเมินดู จากระดับการฝึกบำเพ็ญของนางในตอนนี้หากคิดจะเรียนรู้วิชาควบทอง คงใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แน่นอนว่าความยากของวิชาควบทองไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้  แต่อยู่ที่การรักษาการคงสระทองหล่อหลอมของวิเศษเอาไว้

เคล็ดวิชาชุดนี้คือของขวัญที่เหิงตั๋วเจินจวินมอบให้กับคู่บ่าวสาว แต่ถ้าว่างมั่วชิงเฉินกลับรู้สึกว่าเคล็ดวิชาชุดนี้ดูเหมือนจะเตรียมมาเพื่อเยี่ยเทียนหยวน เขาเป็นร่างวิญญาณคู่โลหะไฟ ของวิเศษล้วนแต่เป็นภาพโลหะไฟ

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังรู้สึกว่าของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าไม่น้อย  เคล็ดวิชาควบทองถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เคล็ดวิชาอันสูงส่ง แต่เมื่อดูแล้ว ก็เป็นสิ่งที่มอบให้กับลูกศิษย์สายตรงเท่านั้น

เก็บเคล็ดวิชาควบทองเอาไว้รอฝึกพร้อมกันกับเยี่ยเทียนหยวน มั่วชิงเฉินหยิบหีบหยกที่เสวียนหั่วเจินจวินมอบให้ขึ้นเมือง แล้วเปิดดู ข้างในมีหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่ง  ใช้จิตกวาดสำรวจแล้วก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

ในตอนนี้หัวใจเต้นตุบ แล้วพูดออกมาว่า “เหม่ยจิ่ง นักพรตลั่วหยางมาที่นี่ใช่ไหม”

นับแต่ได้ดื่มสุราซึ่งกลั่นด้วยวิธีพิเศษโดยเฉพาะและยังผสมเลือดของทั้งสองลงไปแล้ว ทั้งสองคนก็มีปฏิกิริยารับรู้อย่างประหลาดอย่างหนึ่งระหว่างกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้กัน ไม่ต้องใช้จิตสัมผัสก็สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้

เสียงอันอ่อนโยนของเหม่ยจิ่งมาจากนอกประตู “ใช่เจ้าค่ะ ท่านนักพรตลั่วหยางเพิ่งมา ได้ยินว่าท่านอยู่ในห้องจึงไม่ได้เข้าไป แล้วก็ถูกคุณชายถังลากตัวไปดื่มเหล้า”

“ไปเรียกเขามาก่อน” มั่วชิงเฉินกัดฟันพูด

เหม่ยจิ่งนิ่งอึ้ง รีบพูดตอบว่า “เจ้าค่ะ”

เยี่ยเทียนหยวนรีบเดินเข้ามา แล้วประทับจุมพิตลงบนหน้าผากมั่วชิงเฉิน “ชิงเฉิน เรากำลังทำอะไรอยู่”

มั่วชิงเฉินหน้าบึ้งตึง ชี้ไปยังหีบหยกบนโต๊ะ “ศิษย์พี่ เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ ว่านี่คืออะไรกัน”

เยี่ยเทียนหยวนชำเลืองไปที่หีบหยกทีหนึ่งเอ๊ะ  นี่มันคือของขวัญที่ท่านบรรพบุรุษมอบให้มิใช่หรือ

ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นฉับพลันในใจ เขาใช้จิดกวาดสำรวจ

“บทว่าด้วยสมดุลแห่งสวรรค์และเหตุซึ่งผู้บำเพ็ญหญิงมีครรภ์ยาก”

“ความรู้สึกของผู้บำเพ็ญหญิงผู้ปรารถนาบุตร”

“ภาพบรรยายท่วงท่าเพื่อให้มีบุตรง่ายสำหรับผู้บำเพ็ญหญิง”

“วิธีให้กำเนิดลูกรากวิญญาณที่โดดเด่น”

……

เยี่ยเทียนหยวนดูหนังสือแต่ละเล่ม สีหน้าชะงักนิ่งไปเล็กน้อย และแล้ว ก็ตัวแข็งไปราวกับหิน ขยับไหว

“เยี่ยเทียนหยวนนี่มันอะไรกันหรือ” มั่วชิงฉินกัดฟัน มองไปยังเยี่ยเทียนหยวนที่กำลังนิ่งเหม่อ ภาพของรอยยิ้มทะเล้นของเสวียนหั่วเจินจวินปรากฏขึ้น มีก้อนอิฐหนึ่งลอยผ่านไปเขาไป

“ลืมไปเสียได้ ท่านบรรพบุรุษกำชับไว้ว่านี่ให้ข้าเก็บไว้ดูเอง…” เยี่ยเทียนหยวนผู้ซึ่งถูกชื่อหนังสือทำให้ประดักประเดิดจนวางตัวไม่ถูก พูดออกมาอย่างกับสัตย์ซื่อ

ในวันที่ได้รับของขวัญ ชายหนุ่มผู้นี้ก็มอบให้กับมั่วชิงเฉินอย่างว่าง่าย

มั่วชิงเฉินหายใจหอบอย่างแรง นางพูดว่า เสวียนหั่วเจินจวินจะพิเรนทร์เพียงใด ก็ไม่น่าที่จะทำกับนางถึงเพียงนี้

เยี่ยเทียนหยวนตบบ่ามั่วชิงเฉินเบาๆ “ท่านบรรพบุรุษไม่ได้คิดร้าย เพียงแต่การกระทำอาจจะค่อนข้าง…ไม่เหมาะสม…อีกหน่อยก็ชินเอง…”

มั่วชิงเฉินถอนหายใจอย่างสุดวิสัย “ศิษย์พี่ ท่านบรรพบุรุษช่างดื้อดึงกับลูกหลานเสียจริง”

เยี่ยเทียนหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “นี่คงอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่ท่านบรรพบุรุษได้ประสบมา”

“หือ?” ได้ยินเรื่องราวมีลับลมคมใน มั่วชิงเฉินก็สนใจขึ้นมา

เยี่ยเทียนหยวนสีหน้าหนักแน่นเยือกเย็น เล่าเรื่องราวในอดีตออกมา

หลายพันปีก่อน ตระกูลเยี่ยเป็นเพียงตระกูลสามัญธรรมดาในโลกมนุษย์ เสวียนหั่วเจินจวินเกิดมาพร้อมกับร่างวิญญาณแต่ไม่มีผู้ใดรู้ แต่ตัวเขาฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายก็แข็งแรงกว่าเด็กทั่วไป ความสามารถโดดเด่นทั้งบุ๋นและบู๊ จนกระทั่งอายุได้สิบกว่าขวบก็กลายเป็นหนุ่มเจ้าชู้ หน้าตาหล่อเหลา เป็นที่ปลาบปลื้มของหญิงสาว