เอียนซึ่งไปล่าทุกวันเป็นเวลาสองเดือน เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่เขาใกล้เคียงกับเลเวล 170
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นรายอื่นไม่ได้อยู่เฉยๆเช่นกัน
เลเวลของผู้เล่นที่ลงการจัดอันดับมีมากกว่า 170
ข้อมูลของเอียนยังคงเป็นแบบส่วนตัว ดังนั้นชื่อของเขาจึงไม่ได้อยู่ในการจัดอันดับ แต่ถ้าเขาเปลี่ยนตัวเองลงในรายชื่อการจัดอันดับด้วยเลเวลปัจจุบันของเขา สามารถเดาได้ว่าเขาจะอยู่ในอันดับที่ 10-15
หากผู้จัดอันดับคนอื่นๆที่ซ่อนข้อมูลของพวกเขาไว้เป็นส่วนตัวเช่นเดียวกับเอียนถูกคำนวณด้วยเช่นกัน เขาจะอยู่ในอันดับที่ 15-20
‘อืมม… ถึงอย่างนั้น ฉันก็ขึ้นมาเยอะแล้วในตอนนี้’
แม้ว่าเขาจะอยู่ใน 20 อันดับแรก แต่มันก็เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่ได้มีความแตกต่างถึง 5 เลเวลในตอนนี้กับผู้จัดอันดับที่ 1 และ 2
เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าเขาสร้างและเริ่มตัวละครใหม่ในสถานการณ์ที่ผู้เล่นอันดับต้นๆมีเลเวลประมาณ 100-110 มันเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเอียนไม่รวมถึงเลเวลของลอเรนซึ่งอยู่ในอันดับที่ 1 ในการจัดอันดับซัมมอนเนอร์อย่างเป็นทางการนั้นอยู่ในช่วงเลเวล 140 กลางๆ ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มซัมมอนเนอร์เดียวกันก็ตาม เขาอาจถูกมองว่าไร้คู่แข่งอย่างแท้จริง
‘ตอนนี้เลเวลของคาร์เซอุสมากกว่า 140 … ถึงเวลาที่ฉันจะไปทำเควสต์อาชีพแล้ว’
เนื่องจากขีดจำกัดเลเวลของเควสต์เชื่อมของนักรบเซลามัสซึ่งเป็นเควสต์ลับคือ 200 มันยังห่างไกลและเอียนกำลังวางแผนที่จะเคลียร์เควสต์ทั้งหมดที่เขายังไม่ได้ทำภายในครั้งเดียว
‘ตอนนี้ฉันคิดแล้วมันน่าสนใจจริงๆอาจเป็นเพราะ Taming Master เป็นอาชีพลับ แต่กระบวนการเพิ่มเลเวลของฉันจนถึงตอนนี้แตกต่างจากเส้นทางการพัฒนาทั่วไปจริงๆ’
โดยทั่วไป เมื่อเลเวลมากกว่า 50 ผู้เล่าจะได้รับเควสต์ในหอคอยของอาชีพที่เกี่ยวข้อง
และในขณะที่แก้ปัญหาเควสต์เหล่านั้นทีละอัน พวกเขาก็เพิ่มเลเวลขึ้นอย่างช้าๆ แต่ในกรณีของเอียนที่เขาทำเควสต์และเหตุการณ์แปลกๆทุกประเภท เขาจบลงด้วยการไม่ทำเควสต์อาชีพใดๆจากหอคอยอาชีพเลย
‘ฉันจะทำเควสต์อาชีพให้หมด ฉันควรเพิ่มค่าความเป็นผู้นำของฉัน’
แม้จะทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อเพิ่มความเป็นผู้นำของเขาในช่วงเวลานั้น เอียนก็สามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงได้เพียงหนึ่งตัวหลังจากที่เขาอัญเชิญคาร์เซอุส
เมื่อใดก็ตามที่เควสต์อาชีพถูกเคลียร์ ค่าสถานะอาชีพที่เกี่ยวข้องจะได้รับเป็นรางวัล ดังนั้นสำหรับเอียนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
‘เอาล่ะ แต่ว่าฉันใกล้ถึงที่นั่นหรือยัง?’
เอียนเงยหน้าและมองไปที่ธงที่สะบัดจากไกลๆ
และเขายิ้ม
“ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว”
เอียนมองไปหาคาร์เซอุส
“โมจิลพร้อมแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเอียนพูด คาร์เซอุสพยักหน้า
“ถ้าเจ้าขอให้ข้าสู้ ข้าก็พร้อมเสมอ”
อย่างไรก็ตาม จุดที่ผิดปกติก็คือร่างมนุษย์ที่คาร์เซอุสได้ใช้กลายร่างไม่ได้เป็นร่างปกติของเขา
รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นต้นฉบับของเขาของนักดาบผมสีดำที่มีหน้าตาที่เฉียบคมได้เปลี่ยนเป็นร่างของนักธนูที่มีรูปลักษณ์ที่บอบบางกว่า
และรูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากร่างซามูเอลจิน
คาร์เซอุสกลายร่างเป็นร่างซามูเอลจิน
ไคซาร์ได้พูดอะไรบางอย่างออกมา
“เฮ้ เจ้ามังกร เจ้ารู้แม้แต่วิธีใช้ธนูงั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำเหล่านั้น คาร์เซอุสจ้องไปที่ไคซาร์
“แน่นอน ไม่มีอาวุธไหนที่ข้าไม่รู้วิธีใช้มัน”
ในขณะที่มองไปที่คาร์เซอุสผู้ซึ่งแสดงออกอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ เอียนก็ดึงอาวุธที่ถืออยู่บนหลังของเขาออกมา
อาวุธนั้นไม่ใช่หอกหรือธนู แต่เป็นดาบใหญ่
นั่นเพื่อซ่อนตัวตนของเอียน
“ถ้างั้น… เราเริ่มกันเลยไหม?”
เอียนและไคซาร์รวมถึงคาร์เซอุส
สถานที่ที่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปนั้นไม่ใช่ที่อื่นนอกจากกิลด์สเปนดอร์
หลังจากทำให้คาร์เซอุสกลายร่างเป็นซามูเอลจินหัวหน้ากิลด์ของกิลด์โอ๊คลัน แผนของเอียนคือการสร้างความหายนะให้กับค่ายของกิลด์สเปนดอร์และสร้างการแบ่งแยกระหว่างสองกิลด์
ขณะที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ไคซาร์ถามเอียน
“แต่ว่าเจ้าหนูลอร์ด หากพวกนั้นไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะเข้าใจว่ามีอะไรแปลกๆ ดังนั้นพวกเขาจะตกหลุ่มได้อย่างง่ายดายงั้นหรอ?”
เอียนแสยะยิ้มขณะที่เขาตอบกลับ
“ตามจริงแล้วฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะตกหลุมพรางเพราะเรื่องนี้เช่นกัน”
“ถ้างั้น?”
“ฉันแค่ต้องการที่จะปล่อยมันออกมาและสร้างความหายนะให้ฝ่ายเป็นการชั่วขณะ”
ขณะที่จ้องไปที่ธงของกิลด์สเปนดอร์ เอียนพูดต่อ
“หากพวกเขาตกหลุมมันและการแบ่งแยกเกิดขึ้นมันยากกว่า เนื่องจากแนวรับแนวหน้าจะแตกง่ายเกินไป”
เอียนประเมินว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 4 เดือนถึงครึ่งปีเพื่อให้อาณาจักรลัสเปลล่มสลาย
‘หากลัสเปลล่มสลายเร็วเกินไป เราจะไม่มีเวลามากในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเรา’
เพราะเป็นกรณีนี้ เอียนกำลังวางแผนที่จะทำให้พวกเขาโกรธอย่างมากในขณะที่ป่วนไปรอบๆก่อนจะวิ่งหนี
“วันนี้เป็นสเปนดอร์ พรุ่งนี้จะเป็นโอ๊คลัน”
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงค่ายของกิลด์โอ๊คลัน แผนก็คือให้คาร์เซอุสมีบทบาทภายนอกเป็นมาร์ติน หัวหน้าของกิลด์สเปนดอร์
* * *
Thud- Thud- Thud-!
ปราสาทของลอร์ดของกิลด์โอ๊คลัน
และคนที่นั่งอยู่ที่ห้องของลอร์ดซึ่งเป็นจุดสูงสุดในปราสาทซา มูเอลจินหรี่ตาของเขาแคบลงด้วยเสียงที่สั่นสะเทือนขณะที่เขายืนขึ้น
“อะไรวะเนี่ย? ใครมันทำอะไรแบบนี้…!”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดต่อไปอีก
Gulp-.
ในขณะที่เปิดประตูห้องของลอร์ดเปิดกว้าง มาร์ตินก็ก้าวเข้าไปข้างใน
และทันทีที่เขาเดินเข้าไป เขาก็ทุบลงบนโต๊ะในห้องของลอร์ด
Bang-!
“ซามูเอล นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่!”
ในขณะที่มองมาร์ตินซึ่งโกรธเป็นควัน เมื่อเขาระเบิดด้วยความโกรธ ซามูเอลจินซึ่งงุนงงเบิกตากว้าง
“ไม่นะ มาร์ติน เกิดอะไรขึ้น? ฉันไปทำอะไร…?”
ซามูเอลจินสับสนอย่างมาก แต่เขาตอบอย่างใจเย็น มาร์ตินก็ตัดสินใจและพูดต่อไป
“เมื่อเย็นวานนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของผู้คุมค่ายทหารในเมืองของเราถูกสังหารหมู่”
เช่นนั้น ดวงตาทั้งสองของซามูเอลจินเบิกโพลงขณะที่เขาถามกลับ
“ห้ะ? แต่แน่นอนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากค่ายไคม่อนเมื่อวานนี้ตอนเย็น…”
มาร์ตินพยักหน้าขณะที่เขาตอบกลับ
“ใช่น่ะสิ เนื่องจากคนที่ฆ่าทหารของเราไม่ใช่อาณาจักรไคม่อน”
“ห้ะ? ถ้างั้นใครทำอย่างนั้นกันล่ะ…!”
มาร์ตินชี้นิ้วไปที่ซามูเอลจินขณะที่เขาพูด
“นายแน่ๆ ทหารและผู้เล่นที่รอดชีวิตบอกว่าเป็นหน้าของนาย ซามูเอลจิน”
* * *
เมื่อเขาทำแผนนี้เป็นครั้งแรกเพื่อที่จะเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังที่สุด เอียนก็มาพร้อมกับไคซาร์และคาร์เซอุสและเริ่มปั่นไปรอบๆทั้งสองค่ายไปมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีปัญหาไม่มากนัก เขาจึงมาพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหมดของเขาแทนการโจมตีขนาดเล็กและเขาก็สั่งการพวกเขาอย่างเป็นระบบ
เอียนจ้างผู้ติดตามจำนวนมากจากศูนย์ทรัพยากรมนุษย์มาจนทุกวันนี้และด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะมีเพียงผู้ติดตามของเขาเท่านั้น เขาก็สามารถสร้างการโจมตีขนาดยี่สิบคนได้
หลังจากตั้งค่าห้องแชทที่ผู้ติดตามสามารถอยู่ได้ เอียนก็ให้คำสั่งอย่างเป็นระบบ
เป้าหมายของเอียนไม่ใช่ว่าจะพังทั้งสองกิลด์
นั่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำด้วยพลังการต่อสู้ของเอียนคนเดียว
Ping- Ping-!
ลูกศรบินทะลุผ่านคอของทหารยามและผู้เล่นที่เฝ้าอยู่ด้านนอกค่ายทหารกิลด์อย่างโหดเหี้ยม
เป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือรบกวนทั้งสองกิลด์จนกว่าพวกเขาจะเหนื่อยและมันก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
มันเป็นครั้งที่ห้าแล้ว
กองทหารด้านหลังของสเปนดอร์และโอ๊คลันได้รับความช่วยเหลืออย่างไร้ประโยชน์โดยที่ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขานั้นอ่อนแอ
พลังการต่อสู้ส่วนใหญ่ของพวกเขาได้รับการลงทุนในแนวหน้าเพื่อต่อต้านกองกำลังพันธมิตรของอาณาจักรไคม่อนและในตอนท้ายสมาชิกกิลด์และทหารนั้นอยู่ในเลเวลที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบคนที่อยู่ที่นั่น
แต่การดึงกองกำลังหลักไปด้านหลังเพียงเพราะเอียนนั้นเป็นไปไม่ได้
หากพลังการต่อสู้ของทั้งสองกิลด์ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในแนวหน้าของกองกำลังพันธมิตรลัสเปลถอนกำลังแนวป้องกัน แนวหน้าของกองกำลังพันธมิตรของอาณาจักรลัสเปลซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าพังทลายทันที
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เนื่องจากเอียนรบกวน สเปนดอร์และโอ๊คลันตกอยู่ในภาวะที่ลำบากและเอียนสามารถนำสิ่งที่รบกวนจิตใจพวกเขาเกี่ยวกับกิลด์ทั้งสองเข้าไปในหัวใจของพวกเขาได้อย่างแท้จริง
* * *
“เฮ้อ เฮ้อ… น้องพี่ไม่ไหวแล้ว เราพักกันสักหน่อยไหม?”
“เข้าใจแล้วครับพี่ ถ้างั้นพักสักหน่อยเราค่อยเดินต่ออีกครั้ง”
หลังจากสงครามปิดล้อมทั้งหมดของเมืองไพโรเสร็จสิ้น ฮูนี่ย์ได้รับอิสรภาพมาครึ่งหนึ่งจากไคซาร์
แม้ว่าตามจริงแล้วแทนที่จะได้รับอิสรภาพ ไคซาร์แค่สูญเสียความสนใจในฮูนี่ย์
‘ฮึบ เมื่อฉันได้รับพลังของผู้อมตะ ฉันจะไปฆ่าเจ้าไคซาร์ก่อนเลย!’
การตัดกุญแจมือที่ผูกเขาไว้กับไคซาร์เป็นความท้าทายครั้งแรกที่ฮูนี่ย์ต้องทำให้เสร็จ
และฮูนี่ย์ก็มั่นใจ
นี่เป็นเพราะเมื่อสิ้นเดือนแห่งความพยายามอย่างสิ้นหวัง เขาก็เห็นจุดจบของเควสต์ผู้อมตะ
แน่นอนว่าฮูนี่ย์ยังไม่รู้เกี่ยวกับเลเวลของไคซาร์ซึ่งตอนนี้มากกว่า 260 ไปแล้ว
คาโนเอลซึ่งนั่งถัดจากฮูนี่ย์ได้พูด
“คิ ถึงอย่างนั้นต้องของคุณน้องชาย ฉันเลเวล 130 แล้ว”
“ฮ่าฮ่า ฉันเลเวลมากกว่า 160 แล้ว พี่ชาย”
ตั้งแต่คาโนเอลซื้อไอเทมคำมั่นสัญญาของราชาแห่งความมืดให้ฮูนี่ย์ทั้งสองก็สนิทกันอย่างมาก
ฮูนี่ย์เรียกว่าคาโนเอลซึ่งอายุแก่กว่าประมาณสามปีว่าพี่ ขณะที่คาโนเอลเรียกฮูนี่ย์ว่าน้องชาย ขณะนั้นพวกเขากลายเป็นความสัมพันธ์แบบพี่ชายน้องชาย
รวมไปถึงนักรบแห่งความตายบัลลัมซึ่งอยู่ข้างๆฮูนี่ย์เสมอ ทั้งสามคนนี้เป็นที่พึ่งของกันและกันขณะที่แบ่งปันเควสต์ผู้อมตะเมื่อพวกเขาเอาชนะการเดินทางที่โหดร้ายไปได้
“นั่นแหละ แต่ฉันคิดว่าความสามารถในการควบคุมของพี่นั้นดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน”
“ต้องขอบคุณนายนั้นแหละ”
เขาขี้โม้นิดหน่อย แต่ฮูนี่ย์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในไคลันที่เอียนยอมรับ
แน่นอนว่าความสามารถในการพูดนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสามารถในการควบคุมที่ไม่รวมค่าสถานะและไอเทม
และคาโนเอลซึ่งเป็นคนที่จริงจังกับเกมที่ไม่ได้เล่นอย่างเดียว ได้รับการสอนจากฮูนี่ย์และค่อยๆได้รับความสามารถนั้น
ทั้งสองคนที่ซ่อมข้าวของเสร็จในขณะที่พักอยู่ประมาณสิบนาทีก็เริ่มเดินต่อในดันเจี้ยน
“บัลลัม ฆ่าโครงกระดูกนักธนูที่อยู่ด้านหลังให้ที!”
“ยงย๋ง ลมหายใจ!”
Kyaaooh-!
ตอนนี้ทั้งสองคนทำงานร่วมกันได้ค่อนข้างดี ในตอนแรกแทนที่จะเป็นสมาชิกในปาร์ตี้ คาโนเอลก็มีชีวิตเหมือนกับกระเป๋าสัมภาระของฮูนี่ย์
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่กระเป๋าสัมภาระอีกต่อไป
และประมาณ 1 ชั่วโมงผ่านไปเช่นนั้น
ในตอนท้ายของดันเจี้ยนที่ยาวเหยียดปรากฏขึ้นในที่สุด
“เฮ้อ เราอาจจะพบดันเจี้ยนที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม?”
จ้องมองที่คาโนเอลผู้พูดด้วยเสียงสั่น ฮูนี่ย์หายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพยักหน้า
“อาจจะอย่างงั้น คราวนี้ต้องไม่ผิดพลาด”
Stomp- Stomp-.
ฮูนี่เดินช้าๆแล้ววางมือลงบนแผ่นหินที่วางไว้ที่ท้ายดันเจี้ยน
และเขาหลับตาในขณะที่เขาวางลูกบอลคริสตัลที่มีพลังของผู้เป็นอมตะผนึกไว้บนแผ่นหิน
และคาถาที่จะทำให้แผ่นเหล็กดังขึ้น ออกมาจากปากของฮูนี่ย์
“พลังแห่งความมืด… จงตื่นขึ้น!”
Whoong-!
เมื่อคำพูดของฮูนี่ย์สิ้นสุดลง เสียงดังกังวานกึกก้องไปทั่วดันเจี้ยน
ภายในลูกบอลคริสตัลสีดำ แสงน้อยๆก็เริ่มที่จะรั่วไหลออกมาและทั้งสองคนกลั้นหายใจขณะที่พวกเขาดูฉากนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากแสงที่กระจายออกมาเป็นคลื่น ควันดำก็ปรากฏขึ้นและเริ่มสร้างรูปร่างยักษ์
ได้ยินเสียงที่ดังและแปลกมากพอที่จะดังไปทั่วทั้งดันเจี้ยนและในเวลาเดียวกันก็มีหน้าต่างเควสต์โผล่ขึ้นมาต่อหน้าฮูนี่ย์
กริ๊ง-
หนึ่งพันปีก่อน มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดเพื่อปลุกพลังแห่งราชาผู้เป็นอมตะผู้สร้างอาณาจักรของอมนุษย์ในใต้ดิน
ท่านปฏิบัติเควสต์ทั้งหมดที่ได้รับจากวิญญาณแห่งผู้อมตะอย่างมีเกียรติและท่านได้รับการยอมรับให้ท้าทายราชาแห่งความมืดให้กลายเป็นผู้อมตะคนต่อไป
คราวนี้ ปลุกผู้อมตะซึ่งหลับอยู่ในชั้นที่ 100 ของดันเจี้ยนและควบคุมให้เขาปฏิรูปเป็นราชาแห่งความมืด
ระดับความยากเควสต์ : SSS
เงื่อนไขเควสต์ : ผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับจากจิตวิญญาณของผู้อมตะ
เวลาจำกัด : ไม่มี
รางวัล : เปลี่ยนอาชีพเป็นนักเวทย์มนตร์มืด (ราชาแห่งความมืด)
(รางวัลอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับอาชีพของผู้เล่นที่เข้าร่วมในเควสต์)
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าของฮูนี่ย์ผู้อ่านเนื้อหาเควสต์ด้วยความโกลาหล ประโยคของระบบอีกหนึ่งประโยคก็โผล่ขึ้นมาอีก
“…?”