ตอนที่ 286 โชคของซูจินจินนั้นดีมาก

ผู้ชมไปดูหนังอย่างมีความสุข

ผู้จัดการซุนเช็ดเหงื่อที่เย็นยะเยือกของเขาโดยรู้ว่าเขาได้ทําหายนะครั้งใหญ่ในครั้งนี้และสิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือการปกป้องตัวเอง

“คุณหลินวิธีการของคุณฉลาดมากฉันชื่นชมมันจริงๆ”ผู้จัดการซุนพูดด้วยรอยยิ้ม“แต่คราวนี้ภัยพิบัติเกิดขึ้นจากฉัน ฉันไม่สามารถปล่อยให้คุณหลินจ่ายเงินได้ฉันจะแบกรับมันไว้เองฉันแค่ขอให้ คุณหลินให้โอกาสฉัน..”

หลินฟาน พ่นลมหายใจ:“คุณคิดว่าฉัน..ไม่สามารถจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยนี้ได้หรือไม่”

ผู้จัดการซุน ตกใจมาก จนเหงื่อเขาออกอย่างเย็นชา:“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันหมายถึง.. มันมันเป็นความผิดของฉันฉันควรรับผลที่ตามมาและชดเชยมัน…”

หลินฟาน พูดอย่างเย็นชาว่า“คุณคิดว่ามันจะจบลงหลังจากที่คุณเสียเงินไปหรือไม่คุณต้องการรับผลที่ตามมาใช่ไหมโอเคได้เก็บของแล้วออกไปซะ!”

ใบหน้าของผู้จัดการซุน ซีด และเขาเกือบที่จะร้องไห้:“คุณหลิน ขอโอกาสฉันหน่อยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองมองหน้ากัน โดยปริยายพวกเขาไม่พูดอะไรพวกเขาก้าวไปข้างหน้าและยกผู้จัดการซุนขึ้นจากซ้ายไปขวา

“เจ้านายบอก ให้ออกไปคุณกําลังพูดถึงเรื่องอะไร!”

และนั้นรปภ.ทั้งสองคนก็ลากผู้จัดการซุนออกไปอย่างหมาพวกเขาไม่อยากให้เจ้านายถูกรบกวนหากถูกตําหนิมันคงเป็นเรื่องใหญ่ ในกรณีนี้พวกเขาต้องขอโทษด้วยจริงๆรอบตัวก็เงียบสงัด

พนักงานโรงหนัง มองฉากนี้แล้วอดสั่นเทาไม่ได้

โดยเฉพาะพนักงานที่กําลังสั่นสะท้านราวกับแกลบไปทั้งตัวในเวลานี้

นับตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าหลินฟานเป็นเจ้านายคนใหม่ของที่นี่เธอก็เริ่มตัวสั่นเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยจ้องดูถูกหลินฟานมาก่อนแล้วยังไม่หมดเธอยังดุด่าแฟนของเจ้านาย

ตอนนี้เธอขอแค่ให้เจ้านายลืมเรื่องของเธอไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตามจู่ๆเธอก็รู้สึกถึงสายตาที่เย็นชามันคือหลินฟาน

พนักงาน หน้าซีดด้วยความตกใจร่างกายของเธอสั่นมากขึ้นและเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า“ฉันขอโทษ…ฉันขอโทษเจ้านาย ฉันขอโทษเจ้านายหญิง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ซูจินจินก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงผู้หญิงคนนี้เรียกเธอว่าเจ้านายหญิง!ไม่ต้องพูดถึงชื่อนี้ทําให้เธอแอบมีความสุข เล็กน้อย..

หลินฟาน พูดเบา ๆ:“คุณก็ออกไปเหมือนกันถ้าฉันไม่ใช่เจ้านาย คุณคุณจะขอโทษฉันไหมผู้ชมทั่วไปทําอะไรผิดและฉันสมควรที่โกรธคุณหรือไม่ลองคิดดูแล้วด้วยทัศนคติในการให้บริการของคุณไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่คุณสามารถไปเองได้หรือจะต้องให้ฉันเรียก รปภ.”

พนักงาน ไม่กล้าพูดอะไรเธอหน้าแดงก้มหน้าลงเงียบๆแล้วเบือนหน้าหนี

เธอเสียใจ หากเธอรู้ว่าหลินฟานเป็นเจ้านายและซูจินจินเป็นภรรยาของเจ้านายแม้ว่าเธอจะมีความกล้าถึง 10 เท่าเธอก็ไม่กล้ากลอกตาใส่พวกเขา

ไล่คนที่ถูกไล่ออกทั้งหมดไปและในที่สุดสิ่งต่างๆก็ได้รับการแก้ไข
หลินฟาน เหลือบมองพนักงานที่เหลือ

“ฉันหวังว่า พวกคุณ จะเรียนรู้จากพวกเขาและอย่าทําสิ่งนี้อีก ในอนาคต” หลินฟานกล่าวพนักงานทุกคนพยักหน้าหลังจากวันนี้ได้เกิดอะไรขึ้นบ้างพวกเขาจะกล้าทํามันอีกในอนาคตได้อย่างไร?

ซู จินจินมองไปที่หลินฟานด้วยความชื่นชมและได้เห็นกระบวนการทั้งหมดของหลินฟานในการจัดการเรื่องนี้ด้วยสายตาของเธอเองหลินฟานสงบและแน่วแน่ซึ่งทําให้เธอชื่นชมเขามาก ดูเหมือนว่าเธอจะได้เรียนรู้บางอย่างจากเรื่องนี้ซึ่งสามารถนําไปปรับใช้กับตัวเธอเองในการบริหารผู้คนในอนาคต…

หลินฟาน น่าทึ่งมากเขาหล่อมากเขาดีกว่าเมื่อสามปีที่แล้วมาก เขาช่างเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ…

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของ ซู จินจินก็เต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง…

หลินฟาน หันไปหา ซู จินจิน : “จินจินเข้าไปข้างในกันเถอะหนังกําลังจะเริ่มแล้ว”

“โอเค..” ซู จินจิน เห็นด้วย และเข้าไปดูหนังกับ หลิน ฟาน

พนักงานทุกคนต่างมองด้วยความอิจฉาซูจินจินซูจินจินโชคดีมาก ที่ได้พบแฟนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเช่นเจ้านาย

ในตอนแรก เมื่อพวกเขาคิดว่าหลินฟานเป็นผู้ชายที่มีกลิ่นเหม็น พวกเขาทั้งหมดคิดว่าหลินฟานโชคดีที่ได้พบแฟนที่สวยงามเช่น ซูจินจิน
ตอนนี้อารมณ์มันเปลี่ยนไปแล้วและใครๆก็คิดว่าซูจินจินโชคดี…

หลินฟาน และซู จินจิน เข้าไปในโรงภาพยนตร์ หนังได้เริ่มขึ้นแล้ว และพวกเขาพบที่นั่งที่จะนั่งลง

“The Richest Man in Xihong City (PHÀITE)” นี้เป็นหนังตลก ประสบการณ์ของตัวเอกหวังโต๋วหยูค่อนข้างคล้ายกับหลินฟาน และมันก็ …

อย่างไรก็ตาม หวัง โต้วหยู จําเป็นต้องทํางานให้เสร็จเพื่อสืบทอดความมั่งคั่งของลุงและเขาต้องใช้เงินหนึ่งพันล้านภายในหนึ่งเดือน เป็นผลให้หวังโต้วหยูเริ่มใช้เงินอย่างบ้าคลั่งเช่นการ ลงทุนในโครงการแปลกๆและทุกฉากก็ดูตลก

“หวัง โต้วหยู โหวตให้โครงการนี้” และหนังเรื่องนี้มันก็กลายเป็นแนวคลาสสิคไป

หลินฟาน คิดว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ได้แย่ ดูตลก ประสบการณ์ของ หวัง โต้วหยู โดนใจเขามากและตั้งแต่เขาได้ระบบมา เขาก็ใช้เงินอย่างบ้าคลั่ง…ไป.. เช่นกัน

นอกจากนี้ เพื่อปกปิดการมีอยู่ของระบบเขายังสร้างลุงหลินเป่ยซวนขึ้นมา..

นี่มันบ้าอะไร!

หวังโต๋วหยูเขาเป็นเหมือนหลินฟาน!

หลังจากดูหนังเสร็จทั้งสองก็ออกจากโรงหนังไปเวลาล่วงเลยมาถึง 19.00 น.และข้างนอกก็มืดแล้ว

“จินจิน ผมหิวแล้วไปหาข้าวกินกันไหม”หลินฟานแนะนํา

ซู จินจิน อดไม่ได้ที่จะถาม“โอเคมีอะไรที่อยากกินไหม?”

หลินฟาน กล่าวว่า“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันคุณตัดสินใจเองแล้วกัน”

ซู จินจิน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน:“ฉันนึกถึงสถานที่หนึ่งขึ้นมา”

ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ดูโทรมๆ

หลินฟาน และซู จินจินยืนอยู่หน้าร้าน

ซู จินจินยิ้ม และกล่าวว่า“ฉันไม่นึกเลยว่าร้านนี้จะยังคงเปิดอยู่ หลังจากผ่านไปหลายปีขนาดนี้!”

หลินฟาน ยิ้ม ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้เป็นหนึ่งในสี่ร้านอาหารหลักในประเทศจีนซาเซียน!ดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศระดับไฮเอนด์ แต่จริงๆแล้วมันเป็นเพียงแค่ร้านอาหารราคาถูกสามารถพบเห็นได้ทุกที่บนถนนที่

ร้าน ซาเซียน ตรงหน้านี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่หลินฟานและซู จินจิน เคยมาที่นี่เพื่อกินกัน บ่อยๆ

ในเวลานั้นหลินฟานยากจนมากและเขาไม่ต้องการใช้เงินของซู จินจิน ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะมาที่นี่เพื่อกินเมื่อพวกเขาออกเดทกันตราบใดที่พวกเขาใช้เงินเพียงสิบหยวนพวกเขาก็
อิ่มได้

สามปีต่อมา หลินฟานกลายเป็นมหาเศรษฐีร้านเล็กๆแห่งนี้ยังคงอยู่แต่ดูโทรมกว่าเดิม

“จินจิน ทําไมคุณถึงคิดว่าจะพาผม มาทานอาหารเย็นที่นี่”หลินฟานถามซู จินจิน หน้าแดงเธอน่าหลินฟานมาที่นี่ด้วยความคิดเล็กน้อย เธอต้องการให้หลินฟาน

จดจําประสบการณ์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นความทรงจําร่วมกันของพวกเขา

ซู จินจิน หน้าแดงและพูดว่า“ฉันไม่ได้กิน มานานแล้วจู่ๆก็อยากกิน..”

หลินฟานกล่าวว่า“โอเคผมเองก็ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน”

ทั้งสองจึงก้าวไปข้างหน้าและผลักประตูเข้าไป

ร้านไม่ใหญ่มาก มีเพียงไม่กี่โต๊ะ

มีแขกน้อยมากชายโสดสองคนสวมเสื้อผ้าราคาถูกและหญิงเดี่ยวคนหนึ่งแบ่งออกเป็นสามโต๊ะได้

เมื่อเห็นหลินฟานและซูจินจินเข้ามาพวกเขาทั้งสามก็แปลกใจเล็กน้อย

ไม่มีทาง หลินฟานหล่อเกินไป ซู จินจินก็สวยเกินไปพวกเขาออกไปเป็นคู่เช่นนี้ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนพวกเขาก็ถูกกําหนดให้เป็นศูนย์กลางของความสนใจ

“คุณสองคนอยากกิน อะไรคะ”

เจ้าของร้านผู้หญิง ที่มีรอยยิ้มอบอุ่น เข้ามา และเอ่ยถาม พวกเขา

หลินฟาน และซู จินจิน มองหน้ากันและยิ้มอย่างรู้เท่าทันพวกเขายังคงรู้จักเจ้าของร้านผู้หญิงคนนี้แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านหญิงจะจําพวกเขาไม่ได้.. “ผมอยากกินข้าวหมูแดงใส่ไข่”หลินฟานพูด เขาเคยกินแบบนี้บ่อยๆ

ซู จินจิน อดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “ฉันไม่เอาข้าวหมูแดงขอแค่ข้าวซี่โครงหมูชามเดียวค่ะ”“โอเคคุณสองคนรอเดี๋ยวนะ”เจ้าของร้านยิ้มแล้วไปทํางานในครัวเธอพึมพําอยู่ในใจเธอรู้สึกเสมอว่า สองคนนี้ดูคุ้นๆแต่จ๋าไม่ได้สักพักใช้เวลาไม่นานนักสําหรับข้าวหมูแดงและข้าวซี่โครงหมูและเจ้าของร้านก็พูดขึ้นว่า“คุณทั้ง
สองทานช้าๆ”

เมื่อมองไปที่ทั้งสองคนเจ้าของร้านก็ลังเลเธอรู้สึกว่าพวกเขา ช่างคุ้นเคยมากๆ แต่เธอก็นึกไม่ได้สักระยะ

“แม่คะ มีบางอย่างเกิดขึ้น!”

แต่ในขณะนั้นก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและพูดกับเจ้าของร้านด้วยความเป็นห่วง