บทที่ 90 ไปช่วยเขา โดย Ink Stone_Romance
จางเป่าถัง ฟางจิ่นซิ่วกับเฉินชียังคงจำได้ เป็นสหายของจูจั้น มาหาหมอที่โรงหมอจิ่วตั้งแต่แรกสุด
“จะช่วยได้อย่างไร” เฉินชีเอ่ย ผายมือ “นี่เป็นบัญชาของฮ่องเต้ ตอนนี้คนที่ช่วยจูจั้นได้ก็มีแต่บิดาของเขาแล้ว”
ข่าวของที่นี่ต้องส่งไปยังเจิ้นเป่ยแล้วแน่
“มีเฉิงกั๋วกงอยู่ ฮ่องเต้ไม่มีทางเอาชีวิตท่านชายจริงๆ” เฉินชีเอ่ยต่อ
“นั่นก็ไม่แน่” คุณหนูจวินว่า “ฮ่องเต้ไม่เอา ลู่อวิ๋นฉีอาจเอา อย่างไรก็แค่หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต”
หากตัดทายาทของเฉิงกั๋วกงได้ กำจัดความหยิ่งยโสของเฉิงกั๋วกงได้สิ้นเชิง หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิตนี่คุ้มเกินไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีชีวิตของใต้เท้าน้อยหวงอีก
จูจั้นปรากฏตัวในเหตุการณ์ คนที่บอกว่าม้าตื่นก็คือเขา คนที่สังหารม้าตื่นก็คือเขา เขาพูดว่าใช่ได้ คนอื่นก็พูดว่าไม่ใช่ได้ อย่างไรก็แค่พูดเท่านั้น
บวกกับใต้เท้าน้อยหวงกำลังกล่าวโทษเฉิงกั๋วกง หากบอกว่าจูจั้นทำเรื่องเช่นนี้ออกมาก็ไม่น่าแปลกใจสักนิดเช่นกัน
เหมือนเมื่อตอนนั้นที่เจิ้นเป่ยเขาโยนเกี้ยวของผู้ตรวจการลงน้ำ
ผู้ตรวจการคนนี้ถูกเฉิงกั๋วกงเกลี้ยกล่อมไม่ให้ฟ้องอีก แต่หวงเฉิงเกรงว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้แล้ว
อย่างไรเขาไม่ใช่ถูกโยนลงน้ำ แต่บุตรชายของเขาตาย
เขาก็มีบุตรชายคนนี้เพียงคนเดียว
“ไม่แน่ว่าองครักษ์เสื้อแพรท้ายที่สุดอาจบอกว่าหลานสาวของว่านต้าชุนเป็นจูจั้นจงใจเตรียมไว้ก็ได้นะ” เฉินชีเอ่ยเสียงเบา
เป็นไปได้อย่างยิ่ง
คุณหนูจวินกับฟางจิ่นซิ่วเงียบไป
“ดังนั้นตอนนี้ไม่ใช่พวกเราจะแก้ไขได้แล้ว” เฉินชีเอ่ย
“เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะแก้ไขได้จริงๆ” คุณหนูจวินเงียบไปครู่หนึ่งเอ่ยขึ้น “แต่มีเรื่องที่ข้าทำได้ เขาถูกโทษโบย ข้ารักษาบาดแผลให้เขาได้”
รักษาบาดแผล?
เฉินชียิ้มฝืดเฝื่อนนิดหนึ่ง
“เจ้าไปตรวจโรคให้คนอื่นที่ไม่มีแค้นไม่มีเคืองกับลู่อวิ๋นฉี เขายังหาเรื่อง เขาจะให้เจ้าไปพบท่านชายได้อย่างไร” เขาเอ่ย ส่งสายตาให้ฟางจิ่นซิ่วด้วย
ฟางจิ่นซิ่วเงียบงันครู่หนึ่ง
“ไม่มีใครช่วยได้ เจ้าอยากพบท่านชายจูก็ได้แต่ไปหาลู่อวิ๋นฉี” นางเอ่ย
ใช่สิ
คุณหนูจวินมองไปด้านนอกประตู นี่เป็นทางที่เร็วที่สุดง่ายที่สุด
“ดี เอาอย่างนี้แหละ” นางเอ่ย ลุกขึ้นมา
เฮ้ย…เฉินชีตะโกนในใจ กลายเป็นดีได้อย่างไร?
ท่านชายในสายตาลู่อวิ๋นฉีนับว่าเป็นคู่ปรับ บุรุษคนไหนยินดีมองเห็นสตรีที่ตนชอบไปใกล้ชิดสนิทสนมกับบุรุษอื่น
เจ้าไปดูเขา เกรงว่าเขาคงตายเร็วกว่าเดิม
อีกอย่าง เจ้าอยากพบจูจั้นต้องขอร้องลู่อวิ๋นฉี ขอร้องลู่อวิ๋นฉีเชียวนะ…เฉินชีมองคุณหนูจวิน ตรงหน้าภาพที่เคยเห็นผุดขึ้นมาแล้ว
ชนบทของหยางเฉิงมีผู้มีอิทธิพลชั่วช้าคนหนึ่งต้องตาภรรยาของผู้อื่น จงใจสร้างความลำบากให้บุรุษคนนี้ ภรรยาตัวน้อยเพื่อผู้ชายของตนลำบากอ้อนวอน ท้ายที่สุดเพื่อช่วยผู้ชายของตนเองจำยอมแก่อำนาจมืดของผู้มีอิทธิพลชั่วช้า
มองดูคุณหนูจวินเดินไปทางข้างนอก เขารีบลุกขึ้นยืน
“ไปตอนนี้เลยรึ?” เขารีบร้อนเอ่ยถาม
คุณหนูจวินส่ายศีรษะ
“ย่อมไม่” นางเอ่ย
ใช่สิ ต้องวางแผนให้ยาว เฉินชีถอนหายใจ
“ข้าจะไปทำยาที่จะให้เขาใช้ก่อน” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ
ลมหายใจเฮือกหนึ่งของเฉินชีกลั้นเก็บไปอีกครั้งหวิดสำลักแล้ว ยังจะพูดอะไรอีกก็ถูกฟางจิ่นซิ่วถลึงตาใส่ ฉับพลันไม่เอ่ยวาจาอีก มองคุณหนูจวินเข้าไปในห้องอบ
“มีอะไรต้องใช้เล่า?” เฉินชีตอนนี้ถึงเอ่ยขึ้น “ได้ใช้หรือเปล่ายังไม่แน่เลย”
“ยาทำแล้วอย่างไรก็ต้องได้ใช้” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย
หากเป็นก่อนหน้านี้เฉินชีรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่ผิด แต่ตอนนี้เวลานี้ไม่มั่นใจขนาดนั้นแล้ว
“อย่างไรก็ดีกว่าสิ่งใดก็ไม่ทำ” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยอีก
คุณหนูจวินไปหาลู่อวิ๋นฉีจะพบจูจั้นได้หรือไม่ ฟางจิ่นซิ่วไม่ได้คาดหวัง เพียงแต่อย่างไรก็ต้องให้นางทำบางสิ่งถึงจะดี ไม่เช่นนั้นนั่งอยู่คนเดียวคิดว้าวุ่นง่ายกว่า
อย่างไรจูจั้นก็เกิดเรื่องต่อหน้านาง นอกจากนี้ยังบังเอิญขวางไม่ให้นางช่วยรักษาคนที่ไม่อยากรักษาด้วย
ต่อให้ไม่เจตนา สำหรับนางก็มีความเกี่ยวโยง
ความคิดแล่นผ่าน ฟางจิ่นซิ่วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
อะไรคือต่อให้ไม่เจตนา แน่นอนย่อมไม่เจตนา หรือเพื่อแก้ไขสถานการณ์ลำบากที่ไม่อยากช่วยแต่ไม่อาจไม่ช่วยตอนนั้นของนาง จูจั้นถึงสังหารใต้เท้าน้อยหวงเสียงั้นหรือ?
นี่บ้าบอเกินไปแล้วกระมัง?
สรุป ตอนนี้อย่างไรก็ต้องให้นางทำบางอย่าง ไม่เช่นนั้นจิตใจยิ่งย่ำแย่
ตอนนั้นตนเองก็เป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่ต่อมาฟางเฉิงอวี่นำของขวัญกลับมาให้ตนเอง อนุภรรยาหยวนผลักตนเองเดินออกมาทำงาน ยังไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอย่างไร
“ข้าจะไปทำบัญชี” นางเอ่ย “รายการบัญชีหน่อฝีพักนี้มากเกินไปแล้ว”
อ้อใช่ อย่างน้อยยังมีหน่อฝีนะ
เฉินชีพยักหน้า
หน่อฝีรวบรวมมาจากท่านหมอที่ปลูกฝีในที่ต่างๆ แล้วใช้ประโยชน์อีกครั้ง ฝีกำเนิดหน่อฝี หน่อฝีกำเนิดฝี แม้หน่อฝีราคาไม่มาก แต่จำนวนที่ใช้มากเกินไปแล้วจริงๆ
“ข้าก็ต้องไปหารือเรื่องตรวจตราหน่อฝีกับใต้เท้าเฒ่าเฝิง” เขาเอ่ย “ต่อให้ไม่มีคนมาให้พวกเราโรงหมอจิ่งหลิงตรวจรักษา คนใต้หล้าก็ไม่อาจไม่ใช้หน่อฝี ขอเพียงการปลูกฝียังไม่หยุดลงวันหนึ่ง โรงหมอจิ่งหลิงก็ไม่เลิกวันหนึ่ง”
เฉินชีสั่งคนเตรียมรถ แต่คนเพิ่งเดินออกมาก็มองเห็นรถม้าหรูหราคันหนึ่งขับมาท่ามกลางองครักษ์กลุ่มหนึ่ง
รถม้าองครักษ์เช่นนี้มีเพียงเชื้อพระวงศ์ถึงใช้ได้ คนเดินทางบนถนนรีบหลบหลีก
โอรสของฮ่องเต้องค์ก่อนไม่น้อย แต่ที่ตายก็ตาย ที่แต่งตั้งไปต่างเมืองก็แต่งตั้งไปต่างเมือง วันนี้ที่เหลืออยู่ที่เมืองหลวงมีเพียงเสียนอ๋องคนเดียว
เพราะอายุน้อย ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากไทเฮายิ่งนัก ดังนั้นจึงรั้งอยู่ที่เมืองหลวง แม้ชื่อมีคำว่าดีงาม แต่กลับไม่เคยทำเรื่องดีงามอะไร
กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นไม่ทันไรก็เข้าวังไปหาไทเฮาฮ่องเต้ร้องไห้ว่าจนต้องการเงิน ในราชสำนักก็ถูกกล่าวโทษหลายครั้ง ก่อเรื่องกับพวกผู้ตรวจการจนความสัมพันธ์ตึงเครียดนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีที่แล้วตอนต้นๆ ปี ปลอมตัวไปหอคณิกาแย่งหญิงคณิกาอันดับหนึ่งกับคนอื่นจนทะเลาะกัน บรรดาผู้ตรวจการก็พากันถวายรายงานให้ขับเขาออกจากเมืองหลวง ฮ่องเต้โกรธจัดลงโทษอยู่พักหนึ่ง ท้ายที่สุดไทเฮาออกหน้าถึงขวางไว้ได้ หลังเรื่องนี้เสียนอ๋องทำตัวดีขึ้นมาก หลายวันนี้ไม่ออกมาเที่ยวเล่นแล้ว
วันนี้ทำไมออกมาได้ ยังโอ้อวดเช่นนี้ หรือว่าจะไปหาหญิงคณิกาอันดับหนึ่งอีกแล้ว?
คนบนถนนหลบออกไปสองด้านชี้มือชี้ไม้พูดคุย
เฉินชีก็หยุดหลบไปเช่นกัน สีหน้ามีความอิจฉาอยู่บ้าง
นี่เป็นอ๋องที่แท้จริง ไม่ใช่ลู่อวิ๋นฉีหรือบุตรชายเฉิงกั๋วกงขุนนางลูกหลานชนชั้นสูงเช่นนี้เทียบได้
รถม้าของเสียนอ๋องขับเร็วรี่บนถนนค่อยๆ ใกล้เข้ามากลับไม่ได้ขับผ่านไปแต่หยุดลง
เฉินชีอึ้งนิดหนึ่ง มองดูรถม้าตรงหน้าตนเอง
หรือว่ารถม้านี่ขวางทางเสียนอ๋องหรือ?
ขันทีคนหนึ่งลงมาจากบนรถ
“คุณหนูจวินอยู่หรือไม่ฮึ?” เขาเอ่ยถาม เงยหน้ามองป้ายสำนัก
มา โรงหมอจิ่วหลิง? มาหาคุณหนูจวิน?
เฉินชีตะลึง รีบขานรับว่าอยู่
“ท่านขันที…” เขาคำนับแล้วจะเอ่ยถามอีก
คำพูดไม่ทันออกจากปาก ขันทีคนนั้นก็หมุนตัวไม่สนใจเขาแล้ว
“ท่านอ๋อง ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยไปทางด้านในรถอย่างนอบน้อม “คุณหนูอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
พร้อมกับเสียงนี้ ม่านรถก็เลิกขึ้น บุรุษหนุ่มอ้วนฉุสวมอาภรณ์หรูหราเดินลงมา
……………………………………….