บทที่ 48 คุณชายรองฉิน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“พี่ซู แย่แล้วครับ!”

ซูเหมยที่กำลังจัดการกับเอกสารในออฟฟิศ ทันใดนั้น พนักงานของเธอก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้ากังวลใจ

เรื่องนี้ก็ทำให้ซูเหมยต้องขมวดคิ้วแล้วปิดแฟ้มเอกสารในมือและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ซวุ่จื่อ?”

“พี่เทียน พี่เทียนมีเรื่องกับคนของแก๊งไผ่เขียว ตอนนี้พวกเขากำลังสู้กันอยู่ครับ! พี่ซูคงต้องรีบไปดูหน่อยแล้วครับ!”

พนักงานที่ชื่อซวุ่จื่อตอบอย่างรวดเร็ว

“แก๊งไผ่เขียว?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหมยก็เกิดเฉลียวใจขึ้นมา

แก๊งไผ่เขียวก็เป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเจียงหนันที่มีชื่อเสียงพอๆ กับแก๊งเสือดำ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่พูดจริงๆ ต่อให้เหลียงเยว่หรูจะขอให้พ่อของเธอออกมาช่วยก็คงจัดการปัญหานี้ไม่ได้แน่!

ด้วยเหตุนี้ ซูเหมยก็นั่งไม่ติดแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วรีบลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

และในเวลานี้ เหลยเหลาหู่รู้สึกตกใจมาก เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่เทียนจะเก่งขนาดนี้ หนึ่งต่อยี่สิบกว่าแต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย มีเพียงนักบู๊ในตำนานเท่านั้นที่ทำได้!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเหลยเหลาหู่ก็เปลี่ยนไป และสายตาที่มองเย่เทียนก็กลายเป็นความเคร่งขรึม

เย่เทียนก็สังเกตเห็นสายตาคู่นั้นของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลย จึงคิดว่าเขายังมีลูกน้องมาอีก?

ดังนั้นเย่เทียนจึงหันมองไปที่เหลยเหลาหู่

และแน่นอนว่าเหลยเหลาหู่ก็หัวเราะออกมาดังๆ “ไม่เลวนะ ฝีมือแกใช้ได้เลยล่ะ ถ้าแกเก่งจริงก็รออยู่นี่อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ!”

ดูจากท่าทางแล้วเขาจะเรียกคนมาเพิ่มแน่

เย่เทียนหรี่ตาลง สำหรับคนที่เหมือนแมลงวันเหล่านี้ ต่อให้เขาเอาชนะได้ สักวันพวกมันก็จะกลับมารบกวนอีก

เมื่อเห็นว่าศัตรูจะเรียกคนมากเพิ่ม เย่เทียนไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่คิดว่าคืนนี้จะเคลียร์ปัญหานี้ให้จบ

“ได้สิ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะเรียกใครมา!”

เย่เทียนพูดเบาๆ สองมือกอดอกแล้วพิงอยู่ที่รถคันหนึ่ง

เหลยเหลาหู่ที่เห็นแบบนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความชั่วร้ายอีกครั้ง

เขารู้ว่าเย่เทียนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้แข็งแกร่งมากจนธรรมดาไม่สามารถจัดการกับเขาได้ เหลยเหลาหู่จึงตั้งสติและกดโทรออกเบอร์หนึ่ง

ณ เมืองเจียงหนัน ภายในคฤหาสน์อันงดงามแห่งหนึ่ง

หลังจากชายหนุ่มอายุ 20 ปีรับโทรศัพท์เสร็จเขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ และหลังจากครุ่นคิดสักพักเขาก็เดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องรับแขก

บนโซฟาในห้องรับแขกนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนอนลายการ์ตูนกำลังนั่งดูรายการสดอยู่

เธอคนนี้มีผมสีเข้มที่เงางาม ใบหน้ารูปทรงคล้ายกับเมล็ดแตงโม ลักษณะใบหน้าที่งดงามและยังมีออร่าของคนชนชั้นสูงภายในตัว

ถ้าเย่เทียนอยู่ที่นี่ด้วย เขาต้องจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือฉินโล่หยิน หลานสาวของผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยชีวิตในห้างสรรพสินค้ามาก่อน!

ชายหนุ่มคนนั้นจึงเดินเข้าไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเขินๆ ว่า “พี่ ผมขอยืมใช้บอดี้การ์ดของพี่หน่อยสิ?”

เมื่อฉินโล่หยินได้ยินเช่นนี้ เธอก็ขมวดคิ้วแล้วถามด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด “ทำไม? เจอปัญหาอะไรอีกแล้ว?”

“ไม่ใช่ผม แต่เหล่าเหลยน่ะสิที่มีเรื่อง” ชายหนุ่มดูเหมือนจะเกรงกลัวฉินโล่หยินเล็กน้อย เขาจึงรีบอธิบายเพราะกลัวเธอจะเข้าใจผิด

“เหลยเหลาหู่เหรอ?”

ฉินโล่หยินรู้สึกเอะใจแล้วมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ และเธอก็คิดในใจว่าน้องชายของเธอไปรู้จักเหลยเหลาหู่ได้อย่างไร

แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะแก๊งไผ่เขียวเป็นเหมือนคนรับใช้ของตระกูลฉินของพวกเธอ และในเมื่อเหลยเหลาหู่มาขอความช่วยเหลือจากน้องชายเธอแล้ว แสดงว่าพวกเขาต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่

เนื่องจากบอดี้การ์ดของเธอเป็นนักบู๊ระดับเหลืองที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก!

การที่จำเป็นต้องใช้บอดี้การ์ดของเธอนั้น เหลยเหลาหู่คงต้องเจอกับนักบู๊เหมือนกันแน่เลย?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉินโล่หยินก็ยืนขึ้น “เธอรอพี่ก่อนนะ พี่ไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวไปด้วยกัน”

ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัว ซูเหมยก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุ

และเมื่อเห็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย รูม่านตาของเธอก็หดตัวลง

อันธพาล 20 กว่าคนใบหน้าฟกช้ำกันหมด พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ข้างหลังเหลยเหลาหู่เหมือนกำลังเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ แม้เย่เทียนจะยืนอยู่คนเดียว แต่ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาข้างหน้าเลย!

ฉะนั้น ต่อให้เธอจะไม่อยู่ในช่วงเกิดเหตุ เธอก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเย่เทียน

และสิ่งนี้ก็ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจในฝีมือของเย่เทียน ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเอาชนะหลี่จุนได้ และยังกำจัดบอดี้การ์ดสองคนของหูไห่อย่างง่ายดายด้วย แต่ในตอนนี้ทุกอย่างกลับรุนแรงขึ้น หลังจากที่ชายยี่สิบกว่าคนนี้ต้องแพ้ให้กับเขา!

แล้วเย่เทียนต้องมีฝีมือที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?

“เย่เทียน เกิดอะไรขึ้น?”

ซูเหมยรีบเดินเข้ามาถามเย่เทียน

เย่เทียนยักไหล่แล้วตอบลอย ๆ ว่า “เปล่า ก็พวกแมลงวันมาก่อกวนผม”

เมื่อเหลยเหลาหู่ที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำนี้ก็โกรธจนลุกเป็นไฟ เขาเป็นถึงหนึ่งในสามปรมาจารย์หางเสือ ของแก๊งไผ่เขียวเชียวนะ แต่กลับถูกเย่เทียนเรียกเป็นแมลงวันได้อย่างไร?

ได้แต่ทน! รอคุณชายรองฉินมาก่อน แล้วมันต้องเจอดีแน่!

ซูเหมยขมวดคิ้วและยิ่งไม่เข้าใจในตัวของเย่เทียนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนเย่เทียนนั้น เขายืดตัวตรงอย่างกะทันหันแล้วยิ้มพูดว่า “การรอคอยมันช่างน่าเบื่อจริงๆ เลยนะ หรือว่าเรามาหาอะไรแก้เบื่อกันดีกว่า?”

ในขณะที่พูด สายตาที่มุ่งร้ายของเขาก็มองไปที่เหลยเหลาหู่และซุนปินกับหวางจื้อเฟย

เมื่อรับรู้ถึงสายตาที่มุ่งร้ายของเย่เทียน หวางจื้อเฟยก็รู้สึกว่าเขากำลังถูกงูพิษจ้องมองอยู่ และความเหน็บหนาวก็เริ่มเกาะกินจากฝ่าเท่าของเขา

“แก แกคิดจะทำอะไร! อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้น……”

“ไม่งั้นอะไร? ยังกล้าข่มขู่ผมเหรอ?”

เย่เทียนยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน เมื่อกี้เขาแค่พูดเล่น แต่กลับทำให้หวางจื้อเฟยกลัวจนหลุดปากออกมา ถ้าอย่างนั้นเย่เทียนก็ไม่ปฏิเสธที่จะสั่งสอนเขา

ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็เดินไปข้างหน้า และก่อนที่หวางจื้อเฟยจะพูดต่อ ทั้งหน้ามือและหลังมือของเขาก็ตบไปที่ใบหน้าของหวางจื้อเฟย จนใบหน้าของเขาบวมช้ำขึ้นมาทันที

“มึงแมร้ง……”

หวางจื้อเฟยโกรธจนลุกเป็นไฟและมองเย่เทียนด้วยความอาฆาต

ผัวะ!

และสิ่งที่เขาได้ไปคือเสียงตบที่คมชัดจากเย่เทียน

จากนั้น เย่เทียนก็หันกลับมาแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คนต่อไป

“แก……แกอย่าเข้ามานะ!”

ซุนปินสะดุ้งตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะโหดร้ายขนาดนี้ เมื่อเห็นเย่เทียนจ้องมองมาที่เขา เขาก็ถึงกับขนหัวลุกและพยายามจะหนีไปหลบอยู่ข้างเหลยเหลาหู่

แต่ถึงอย่างนั้น เย่เทียนก็ไม่ได้ปล่อยโอกาสให้เขาหนีไปได้ เขาจึงกระชากคอเสื้อของซุนปิน แม้ซุนปินจะหนักหลายสิบกิโลกรัม แต่ก็ถูกเย่เทียนยกขึ้นเหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง

“แก แกปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!”

ซุนปินรู้สึกได้ว่าสองเท้าของเขาห้อยอยู่ในอากาศ และภาพของการถูกเย่เทียนทุบตีก่อนหน้านี้ก็ลอยกลับมาอีกครั้ง เขาจึงพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ

“คุณเป็นคนเรียกคนพวกนี้มาสินะ? ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งก่อนยังไม่พอแน่เลย!”

รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน และมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ตบไปที่ใบหน้าของซุนปิน

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนในที่เกิดเหตุก็เงียบไป

จัดการกับอันธพาลที่มีมากกว่ายี่สิบคนแล้วยังไม่พอ ตอนนี้จะจัดการกับทายาทเศรษฐีอย่างหวางจื้อเฟยและซุนปินด้วย!

เด็ดเดี่ยวจริงๆ!

“ว้าว เขาหล่อมากเลยนะ!”

“ฉันอยากมีลูกกับเขา!”

ผู้หญิงมากมายถึงกับเปล่งหัวใจสีแดงออกมาจากดวงตาและมองไปที่เย่เทียนอย่างหลงใหล

ในทางกลับกัน เหลยเหลาหู่กลับกลัวจนสีหน้าหม่นหมอง เพราะหลังจากที่เย่เทียนจัดการกับสองคนนั้นแล้ว ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร คนต่อไปก็คือเขา!

หลังจากเสียงกรี๊ดมากมายหยุดลง ซุนปินก็ถูกโยนทิ้งราวกับสุนัขที่ตายไปแล้ว

และตามที่คาดไว้ไม่ผิด เย่เทียนหันกลับมาแล้วมองไปที่เหลยเหลาหู่

เหลยเหลาหู่ถึงกับใจหายและพยายามจะพูดอะไร

ด้วยเสียงดังเอี๊ยด รถหรูสีดำคนหนึ่งที่มีป้ายทะเบียนพิเศษได้หยุดอยู่ข้างถนน

จากนั้นคนสองคนก็เปิดประตูลงจากรถทีละคน

เหลยเหลาหู่ที่เห็นแบบนี้ก็รู้ว่าฟางเส้นสุดท้ายของเขามาแล้ว เขาจึงตะโกนร้องเรียกว่า “คุณชายรองฉิน ช่วยด้วยครับ……”