บทที่ 1307+1308

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1307+1308 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1307 ปฏิเสธโทษสถานหนัก สารภาพโทษสถานเบา

หลัวจั่นอวี่นิ่งงัน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดอะไรดี

เจ้าหอยยักษ์ที่เลือกปฏิบัติตัวนั้น!

เมื่อสักครู่เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันนำทางไปหากู้ซีจิ่ว มันไม่เพียงไม่ยอม แถมยังทำหน้าเหลืออด เขาพูดไม่กี่ประโยคก็จะเอาเปลือกหอยมาหนีบให้ได้ ทำวางท่าว่าตนยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า

ยามนี้ตี้ฝูอีสั่งเพียงไม่กี่คำ มันวิ่งพรวดพราดยิ่งกว่าสายลม! อีกทั้งยังวิ่งอย่างมั่นคงยิ่งตามคำสั่งของตี้ฝูอี เขาไม่เคยเห็นเจ้าหอยยักษ์วิ่งอย่างมั่นคงขนาดนี้มาก่อน!

ฝูงชนมองหน้ากันเหลอหลา ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

หลัวจั่นอวี่สูดลมหายใจเข้าเบาๆ “ข้าได้ยินมาว่าทูตสวรรค์ฝ่าซ้ายยึดมั่นในคำสัญญา เมื่อเขาสัญญาว่าจะไม่ถือสาหาความเรื่องวันนี้ ก็จะไม่เอาความทุกคนอีก ในเมื่อเขาเข้ามาแล้ว บางทีอาจมีวิธีพาทุกคนออกไปจากที่นี่จริงๆ”

ฝูงชนต่างเห็นพ้อง หลัวจั่นอวี่ยังไม่วางใจ “ข้าจะไปดูสักหน่อย” แล้วก็ไล่ตามไปด้วย

……

เจ้าหอยยักษ์รู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีคราบเลือดทั่วทั้งกาย บาดเจ็บสาหัส ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

เลือดบนร่างของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหอมหวนยิ่งนัก! หอมยิ่งกว่าเนื้อพระถังซัมจั๋งที่เจ้านายเคยพูดถึงอีก! หากเขาไม่ได้นั่งอยู่ในเปลือกของมัน ห่างไกลจากมันไปสักเล็กน้อย มันคงยังทนไหว ยังทำเป็นเหมือนไม่ได้กลิ่นได้ แต่ตอนนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่บนริมฝีปากมัน…

ความรู้สึกนั้นราวกับเด็กน้อยจอมตะกละรักการกินของหวานคนหนึ่งที่คอยปกป้องช็อกโกแลตชิ้นใหญ่อันหอมหวาน  ชวนให้น้ำลายสอ

น่าแปลก เหตุใดเลือดของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถึงได้หอมหวานน่ากินเพียงนี้?

มันไม่เคยลิ้มรสโลหิตที่ทำให้ต่อมรับรสของมันพลุ่งพล่านได้ขนาดนี้จากผู้อื่นมาก่อน…

แน่นอน มันไม่มีความกล้ามากพอจะกลืนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายลงไป! ทำได้เพียงแค่เลียริมฝีปากอยู่เงียบๆ และยังเลียคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้าของเขาคำแล้วคำเล่า เพื่อสนองความต้องการ…

โดยปกติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้ใกล้ชิดกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ และยากนักที่เจ้าหอยยักษ์จะได้ใกล้ชิดตัวเขา ยามนี้เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ได้เข้าใกล้ขนาดนี้

หัวใจดวงน้อยของเจ้าหอยยักษ์เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ไม่ใช่กระสับกระส่ายด้วยความรักใคร่ หากแต่กลัวทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะรู้ว่ามันมีความคิดอยากกินเลือดเนื้อของเขา…

เห็นได้ชัดว่าเจ้าหอยยักษ์คิดมากไปแล้ว หลังจากที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้ามาในเปลือกหอยก็เริ่มนั่งสมาธิ ถึงขั้นไม่สนใจเจรจาพาทีกับมัน

ตอนที่กู้ซีจิ่วพามันทั้งสามตัวออกมา ไม่ได้พูดกับพวกมันว่าตัวเองกำลังหนีการแต่งงาน เพียงบอกว่าจะไปเก็บสมุนไพร ต่อมาพวกเขาถูกขังไว้ที่นี่ เจ้าหอยยักษ์รู้สึกมาตลอดว่าปัญหานี้ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นมา จึงทำตัวเป็นลูกไล่คอยเอาอกเอาใจและเชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้ซีจิ่ว ไม่กล้าถามเรื่องตี้ฝูอีแม้แต่น้อย…

ตอนนี้มันแบกตี้ฝูอีไว้ในเปลือกหอย ในใจยังคงกระวนกระวายไม่น้อย

มันรู้สึกว่าตัวเองทำให้เจ้านายต้องถูกขังอยู่ในนี้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องรอคอยอยู่ด้านนอกเนิ่นนานนัก จึงหาวิธีเข้ามาตามหาภรรยา

เจ้านายไม่ได้ทำให้มันต้องอับอาย ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงที่มันก่อเรื่องในครั้งนี้ ทว่าหากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรู้เข้า ไม่แน่เขาอาจจะกะเทาะเปลือกหอยของมันด้วยความโกรธก็เป็นได้!

แต่มันก็ไม่อาจโป้ปด เพราะหากเจ้านายกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจอหน้ากัน อาจบอกเล่าเรื่องราวกันอย่างชัดเจน ถึงเวลานั้นไม่แน่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอาจจะเอาความมันได้!

เจ้านายเคยพูดไว้ว่าอะไรนะ?

ปฏิเสธโทษสถานหนัก สารภาพโทษสถานเบา หากยอมรับความผิดโทษหนักอาจกลายเป็นเบา…

ดังนั้นเจ้าหอยยักษ์จึงเริ่มสารภาพผิดอย่างระมัดระวัง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ครั้งนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากฝนตกหนักเกินไป ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง ข้ากลัวฟ้าผ่าเป็นที่สุด จึงใช้วิชาดำดินที่ท่านเคยสอนมุดดำดินลงมา หวังหลบพายุฝนฟ้าคะนองให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยออกมา โดยที่ข้าไม่ทันได้คิดว่าจะหลงทาง ส่วนเจ้านายกับลู่อู๋น้อยก็เมามาย ข้าจึงทำได้เพียงดำดินสุดชีวิต ไม่ทันได้ระวังก็มุดมาถึงที่นี่แล้ว…”

————————————————————————————-

บทที่ 1308 นี่เป็นเหตุบังเอิญจริงๆ หรือ?

นิ้วมือของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่นั่งสมาธิอยู่ขยับเล็กน้อย เจ้าหอยยักษ์กลัวว่าเขาจะลงโทษตัวเอง “หลายวันมานี้ ข้าอยากชดใช้ความผิดมาตลอด จึงขุดหาทางออกไปอีก ผลก็คือสถานที่แห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ ข้าดำดินไปหลายทิศทางก็ไม่พบทางออก…”

ในที่สุดตี้ฝูอีลืมตาขึ้น มองเจ้าหอยยักษ์ที่ประจบประแจง เขาหรี่ตาเล็กน้อย “นางเมางั้นรึ? เล่ามาตั้งแต่ต้น!”

เจ้าหอยยักษ์ไม่กล้าปิดบัง เล่าเรื่องที่กู้ซีจิ่วพาพวกมันมาป่าทมิฬอย่างตรงไปตรงมาทั้งหมด วาทศิลป์ของเจ้าหอยยักษ์ไม่เลวทีเดียว เล่าเรื่องเหล่านี้ออกมาได้อย่างมีเหตุมีผล ชัดเจนแจ่มแจ้ง

ตี้ฝูอีมองดูเจ้าหอยตัวนี้ ในที่สุดก็เข้าใจว่ากู้ซีจิ่วพาเจ้าสามตัวนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร!

ที่แท้เป็นเจ้าหอยยักษ์ที่จับพลัดจับผลูเข้ามา!

ทว่า นี่เป็นเหตุบังเอิญจริงๆ หรือ?

ป่าทมิฬแม้ไม่รู้วันรู้คืน แม้ฝนตก ทว่าแทบจะไม่มีฟ้าผ่า พบเจอได้ไม่เกินครั้งสองครั้งต่อปีเท่านั้น

แต่เจ้าหอยยักษ์ตัวนี้กลับได้พบเจอ!

เสียงฟ้าผ่าที่ทำให้เจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ตกใจจนมุดดินมั่วซั่วได้จะต้องอันตรายเป็นอย่างมาก บางทีอาจไม่ใช่ฟ้าผ่าธรรมดา แต่เป็นอัสนีสวรรค์! อัสนีสวรรค์ชนิดนี้สามารถประทับลงบนเปลือกหอย และถูกเจ้าหอยยักษ์พามุดลงดินไปด้วย ประจวบกับวันนั้นเป็นเวลาที่ใจกลางค่ายกลค่อนข้างเปราะบางที่สุด จึงทำให้เจ้าหอยยักษ์ที่นำพาอัสนีสวรรค์ขุดทำลายเขตแดนใต้ต้นถันภังคี จนกระทั่งเข้ามาใจกลางค่ายหล

อัสนีสวรรค์ เจ้าหอยยักษ์ที่รู้วิชาดำดินแถมยังเป็นจอมหลงทาง ช่วงเวลาที่ใจกลางค่ายกลเปราะบางที่สุด

ปัจจัยสำคัญเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุบังเอิญที่ไม่คาดคิดว่าจะมาประจวบเหมาะกัน เกรงว่านี่คงไม่ใช่ความบังเอิญธรรมดา หากแต่เป็นลิขิตสวรรค์…

เจ้าหอยยักษ์เห็นเขาไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดวางแผนอันใดอยู่ จึงถูๆ เขาอย่างเอาอกเอาใจ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านตั้งใจเข้ามาที่นี่กระมัง? ทั่วทั้งร่างกายบาดเจ็บก็เป็นกลยุทธ์ทุกข์กาย[1]? เพื่อทำให้เจ้านายของข้าสงสาร? หากนางเห็นเข้าต้องสงสารเป็นแน่ ท่านบาดเจ็บขนาดนี้ยังใช้กระบวนท่าทำให้คนเหล่านั้นตะลึงงันได้อีก ยอดเยี่ยมจริงๆ”

มันพูดจาไร้สาระไม่รู้จบ ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย พูดเพียงแค่หกคำว่า “หยุดไร้สาระ รีบไป!”

ดังนั้น เจ้าหอยยักษ์จึงปิดปากเงียบ ตั้งใจเร่งรีบ มันต้องชดใช้ความผิดหาทางพาท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไปส่งให้ถึงข้างกายภรรยาโดยเร็ว…

ประสาทสัมผัสรับกลิ่นของเจ้าหอยยักษ์ว่องไวยิ่งนัก บวกกับการนำทางของลู่อู๋น้อย มันจึงพบเส้นทางที่กู้ซีจิ่วเคยผ่านได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นติดตามกลิ่นอายของนางไปด้านหน้า เมื่อกลิ่นอายของเจ้านายชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหอยยักษ์ก็โล่งใจ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย พวกเราใกล้จะเจอนางแล้วขอรับ น่าจะห่างจากที่นี่ไปไม่เกินยี่สิบลี้…”

“โฮก…” เสียงคำรามประหลาดของสัตว์ร้ายส่งผ่านมาจากไกลๆ ในฉับพลัน

เจ้าหอยยักษ์เงยหน้ามองดู ตกใจยกใหญ่!

เงาสายรุ้งทอดยาวปรากฏขึ้นกลางอากาศดังเกลียวไหม เกล็ดส่องแสงวิบวับ เป็นประกายบนท้องฟ้าดังสายรุ้งวันฝนพรำ…

เจ้าหอยยักษ์หยุดฝีเท้าอันรวดเร็วลงโดยสัญชาตญาณ เปลือกหอยสั่นสะท้าน!

มังกรปีศาจเงาสีรุ้ง!

นั่นมันมังกรปีศาจเงาสีรุ้ง สัตว์ขั้นแปดนี่! เหตุใดจึงมีสัตว์ขั้นสูงเช่นนี้ที่หลังเขานี้ได้? ขั้นสูงสุดมิใช่ขั้นเจ็ดเท่านั้นหรือ?!

มังกรปีศาจเงาสีรุ้งนั้นเปล่งเสียงดังลากยาวแทบจะสะท้านโลก หลังจากเสียงลากยาวนั้น เจ้าหอยยักษ์เห็นเงาดำรอบกายมังกรปีศาจกระโดดไปมาดั่งลอยละล่อง ลำแสงอันทรงพลังแทบจะตัดอากาศขาดจากกัน

ทั้งที่อยู่ห่างจากพวกมันตั้งไกล ทว่าพายุลมแรงพัดกรรโชกผ่านภายในภูเขา ขนาดเจ้าหอยยักษ์ยังต้องกลั้นหายใจเอาไว้!

เจ้านาย! เงาดำนั่นคือเจ้านายกู้ซีจิ่วของมัน!

นางต่อสู้กับมังกรปีศาจนี้ อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะพ่ายแพ้…

แน่นอนว่ารอบตัวของนางยังมีคนอื่นอยู่ด้วย

————————————————————————————-

[1] กลยุทธ์ทุกข์กาย เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากสามัญสำนึกของมนุษย์ทั่วไป เพราะย่อมไม่มีผู้ใดอยากทำร้ายตนเอง หากบาดเจ็บก็เชื่อว่าคงเกิดจากการถูกทำร้าย