กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 506
ชายหนุ่มรูปงามดูชั่วร้ายและนัยน์ตาหลากสี แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขามีเสน่ห์เย้ายวน โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้นที่หวานหยาดเยิ้ม ยิ่งทำให้คนลุ่มหลง เขางดงามมาก งดงามเสียยิ่งกว่าผู้หญิง แต่ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกว่าสง่าผ่าเผย

แต่หากมองให้ดี ๆ ก็จะดูออก ใบหน้าอันเรียบเนียนและบอบบางของเขา มีรอยหมัดที่ไม่สะดุดตา

กู้ชูหน่วนแน่ใจแล้ว

เป็นรอยหมัดจริง ๆ และไม่รู้ว่าใครที่ทิ้งรอยหมัดไว้บนใบหน้าของเขา

“ซือม่อเฟย เจ้าทำบ้าอะไร” กู้ชูหน่วนรู้สึกสับสนวุ่นวาย

จอมมารเอามือลูบผมสีดำสนิท ริมฝีปากสีแดงของเขายกขึ้น และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้าไม่ได้เป็นบ้า ข้ามาสู่ขอเจ้า พี่หญิง ท่านยินดีที่จะแต่งงานกับข้าหรือไม่”

กู้ชูหน่วนกลอกตาและปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ไม่แต่ง เจ้ามาทางไหนก็รีบกลับไปทานนั้น”

คนของเผ่าปีศาจต่างตกตะลึง

แม้ว่าหญิงผู้นี้จะเป็นพระชายาหาน แต่นางก็กล้าหาญเกินไป

ผู้ที่ขอนางแต่งงานคือจอมมาร แม้แต่จักรพรรดิทั่วทั้งใต้หล้าก็ยังต้องเกรงกลัวจอมมาร

แต่นางกลับไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย และปฏิเสธโดยตรง

ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ อย่างคึกคักก็ตกตะลึงเช่นกัน

ชายหนุ่มชุดแดงงดงามขนาดนั้น อีกทั้งยังนำสินสอดทองหมั้นมามากมาย นางปฏิเสธเช่นนี้……

“หญิงผู้นี้มีความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั้นคือความสุข”

“ใช่ หากเป็นพวกเรา ขอเพียงแค่เขาเต็มใจ ต่อให้จะเป็นนางสนมหรือสาวใช้ พวกเราก็จะอยู่”

“จะพูดเช่นนั้นไม่ได้ เจ้าดูตาของเขาสิ ทั้งสองข้างคนละสี ข้างหนึ่งดูเหมือนจะเป็นสีฟ้า และอีกข้างดูเหมือนจะเป็นสีม่วง”

“ใช่ นัยน์ตาของคนธรรมดาจะเป็นสีนี้ได้อย่างไร คงจะไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายหรอกนะ”

“ตูม……”

ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องดวงตาของเขาถูกลมพัดลึกลับบางอย่างพัดไป พวกนางกรีดร้องด้วยความตกใจ

จอมมารค่อย ๆ ดึงแขนเสื้อขึ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง “พวกเจ้าโชคดีที่วันนี้ข้าอารมณ์ดี เหอะ……”

คนของเผ่าปีศาจกลืนน้ำลาย

เมื่อก่อนใครที่พูดถึงเรื่องดวงตาของนายท่าน ไม่มีใครรอดชีวิต

แต่คนเหล่านี้เพียงแค่ถูกจอมมารโยนออกไป และนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ที่พูดคุยกันเรื่องดวงตาของจอมมารไม่ถูกฆ่า

ทุกคนต่างคิดว่าจอมมารจะโกรธจัด

ถึงอย่างไรเขาก็ถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน และเป็นการเสียหน้ามาก

แต่จอมมารไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แต่กลับยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เขาเดินเข้าไปใกล้กู้ชูหน่วน จากนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า “ท่านไม่แต่ง แต่ข้าจะแต่ง ข้าจะแต่งงานกับท่าน”

ทุกคน “เอ่อ……”

นี่ยังคงเป็นจอมมารจอมที่อารมณ์แปรปรวนของพวกเขาอยู่หรือไม่?

กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของซือม่อเฟยจะหนามากเช่นนี้

ชายผู้นี้สง่างาม และยังเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจ จะแต่งงานกันจริง ๆ หรือ?

“จ้าหูหนวกตาบอดหรืออย่างไร ถึงได้ไม่เห็นว่าข้าแต่งงานแล้ว”

“คนอย่างเยี่ยจิ่งหาน ไม่คู่ควรกับท่าน และมีเพียงข้าเท่านั้นที่คู่ควรกับท่าน ข้าจะเลี้ยงดูทารกในครรภ์ของท่านเอง”

“ใครกล้าเลี้ยงลูกของข้า”

เสียงอึกทึกด้วยความโกรธดังขึ้น

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งทำหน้าตาบึ้งตึง และกำลังเดินมาช้า ๆ

มองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนของชายผู้นี้ ความเยือกเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา และเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะตระหนกตกใจ และอดไม่ได้ที่จะคลานออกไป

เมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

เมื่อเห็นว่าเยี่ยจิ่งหานออกมา กู้ชูหน่วนก็อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผากของตนเอง

นางต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อไปตามหากุญแจรูปดาวดอกที่สาม

เกรงว่าคงยากที่จะหลบหนีในช่วงเวลาสั้น ๆ นางเพียงแค่ต้องการหาที่พักผ่อน

กองกำลังที่อยู่ด้านข้าง ลักษณะท่าทางดุร้าย เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ก็พร้อมที่จะรบได้ทุกเมื่อ

เยี่ยจิ่งหานและจอมมารต่างมองหน้ากัน และมีกลิ่นของดินปืนในนัยน์ตาของคนทั้งสอง

นอกจากเยี่ยจิ่งหานและจอมมารแล้ว เกือบทุกคนที่นั่นก็ถูกท่าทางหน้าตาที่ดุร้ายของครอบงำ

จอมมารหัวเราะเยาะ และสิ่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คน ฉลาดหลักแหลม

“ข้าก็คิดว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพผู้ไร้พ่าย ทำไม เมื่อวานที่สู้กันยังไม่พออีกหรือ?”

เจี้ยงเสวี่ยแทบอยากจะเข้าไปแล้วลากเขาออกมา

ไอ้ขี้ข้าต่ำช้าและไร้ยางอาย

ลอบจู่โจมในขณะที่นายท่านพิษเหมันต์กำเริบ นี่มันอะไรกัน?

หากพิษเหมันต์ของนายท่านไม่ได้กำเริบ พลังในร่างกายของเขาก็คงจะไม่ถูกพระชายาดูดไปมากขนาดนั้น และจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเข้าไปพัวพันกับแผนการของเขา?

“ซือม่อเฟย เจ้าช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก”

เยี่ยจิ่งหานจ้องมาไปที่เขา และพูดออกมาอย่างจริงจัง

ประโยคง่าย ๆ ที่ทำให้จอมมารโกรธมาก

เขาเอามือลูบผมอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป และนัยน์ตาที่อันตรายของเขาก็หรี่ลง “เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกว่าเจ้าช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก”

“กระจก”

เสียงตะโกนดังกึกก้อง คนรับใช้นำกระจกมาให้อย่างสั่นเทา

ซือม่อเฟยส่องกระจก มองซ้ายมองขวา เขาเห็นรอยหมัดบนใบหน้าของตัวเอง และรอยยิ้มที่มีก็หายไป

เสียงดังฉ่า

เขาฉีกผ้าสีแดงเพื่อมาปกปิดใบหน้าอันหล่อเหลาและไร้ที่ติ

“เยี่ยจิ่งหาน ข้าไม่ชอบให้ใครมาต่อยแตะต้องหน้าของข้าเป็นที่สุด”

“งั้นหรือ แม้แต่หน้าเจ้ายังไม่ต้องการ แล้วยังกลัวว่าผู้อื่นจะมาแตะต้องหน้า” เยี่ยจิ่งหานพูดเหน็บแนม ตราบใดที่ผู้คนที่อยู่ที่ไม่ได้ตาบอด ย่อมเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

มีเพียงจอมมารเท่านั้นที่ฟังไม่ออก และตอบกลับว่า “ท่านถอดหน้ากากออกสิ ให้ผู้อื่นได้เห็นใบหน้าที่เขียวช้ำของเจ้า”

กู้ชูหน่วนรู้ว่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ และเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่

เพราะไฟสงครามได้ปะทุขึ้นแล้ว

รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง

กู้ชูหน่วนต้องการย่องออกไปจากที่นี่อย่างเงียบ ๆ

ทันใดนั้น เยี่ยจิ่งหานก็ตะโกนออกมา “พระชายา บอกชายผู้นี้ไปว่าเจ้าเป็นพระชายาของข้า และนอกจากข้าแล้ว เจ้าจะไม่มีวันแต่งงานกับใครอีก”

กู้ชูหน่วนก้าวเท้าขึ้นและแทบไม่อยากจะวางเท้าลง

“ท่านอ๋อง ข้าไม่ตอบได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ได้”

จอมมารกล่าวว่า “พี่หญิง ท่านบอกเขาไปว่า ท่านรังเกียจเขามานานแล้วใช่หรือไม่ ต้องการหย่ากับเขา แล้วมาแต่งงานกับเขา”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว “เจ้าหมาน้อย ข้าไม่ตอบได้หรือไม่”

“ไม่ได้”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออก

พวกเขาจะทะเลาะกัน แต่อย่าดึงนางเข้าไปเกี่ยวได้หรือไม่

ผู้คนของเผ่าปีศาจ “……”

ผู้คนในจวนหานอ๋อง “……”

เจ้าหมาน้อย แน่ใจนะว่าเรียกจอมมาร?

หญิงผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?

กล้าดีอย่างไรถึงมาเรียกจอมมารว่าเจ้าหมาน้อย?

เขาสามารถกระทืบเท้าเพื่อระบายความโกรธได้ดังใจ และใต้หล้าจะต้องสั่นสะเทือน

ผู้คนต่างคิดว่าเมื่อจอมมารได้ยินกู้ชูหน่วนเรียกเขาว่าเจ้าหมาน้อยแล้วจะโกรธ

แต่สีหน้าของจอมมารกลับเป็นปกติ และดูเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธเพราะสามคำนั้นเลย

เอ่อ……

หรือว่าจอมมารจะไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนกำลังด่าว่าเขาเป็นหมา?

หรือว่าจอมมารเพียงแค่มุ่งเป้าไปที่เทพแห่งสงคราม จนไม่ได้ยินสิ่งที่กู้ชูหน่วนพูด?

ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าจอมมารไม่ได้ยิน เขาจึงไม่โกรธ

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “พวกท่านพูดคุยกันต่อเถิด ข้าง่วงแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน”

“กู้ชูหน่วน เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้”

“มีะไรอีกเจ้าคะ?”

“บอกเขาไปว่าบุตรชายของข้า ไม่ใช่ใครอยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงได้”