ตอนที่ 241 ตกไปในบ่วงเอง

ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาแผ่วเบา มือที่ถือตะเกียบเอาไว้ก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างงั้น ความอยากอาหารที่มีก็พลันลดลง หญิงสาววางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “แม่นางซู ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”

‘แม่นางซู’ เพียงแค่สามพยางค์ที่เอ่ยเรียกนางออกมา! ซูหวานหว่านที่ได้ยินแบบนี้หัวใจของนางก็พลันชาวาบ แต่เมื่อต้องสบตากับฉีเฉิงเฟิง การแสดงออกของสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป สีหน้าของนางนิ่งเฉยราวกับน้ำแข็งเย็นยะเยือก พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้ามีเรื่องที่อยากจะขอร้องข้า เจ้าก็เอ่ยออกมาเถิด แต่ว่าข้าไม่อาจจะตอบตกลงได้อย่างแน่นอน!”

“แม่นางซู ข้าได้ยินมาว่าอาการของฮูหยินเฉียวแย่ลง เจ้าช่วยกลับไปดูแลนางได้หรือไม่ ข้าจะจ่ายเงินค่ารักษาในการดูแลนางเอง” ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมาพร้อมกับยกชาขึ้น หลุบตาลงและไม่สบตามองซูหวานหว่าน

“เจ้ารีบร้อนเพื่อช่วยแม่ยายของเจ้ารึ?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มประชดประชัน “ทำไม? เจ้ากลัวว่าอาการป่วยของนางจะส่งผลกระทบต่อวันแต่งงานของพวกเจ้าอย่างงั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว” ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาของเขากะพริบเล็กน้อย ซูหวานหว่านไม่รู้ว่าเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับนางมากขนาดไหน เรื่องที่ฉีหลงเต๋อที่พยายามจะทำอะไรนาง ชายหนุ่มจึงพยายามให้ซูหวานหว่านกลับเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลเฉียว เช่นนั้นจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก

“เฮอะ” ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม พร้อมกับมองลงไปยังถ้วยชาที่เย็นชืดข้าง ๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาสาดใส่ฉีเฉิงเฟิง “ในชีวิตนี้ สิ่งที่ข้ารู้สึกเสียใจมากที่สุดก็คือการได้พบกับเจ้า สำหรับคำขอร้องของเจ้า ข้าขอปฏิเสธ! เจ้าควรไสหัวออกให้พ้นหน้าข้าจะดีกว่า! มิฉะนั้น…ข้าจะสาดชาร้อน ๆ ใส่เจ้าแน่!”

“…”

ฉีเฉิงเฟิงเงียบไป ซูหวานหว่านไม่ยอมฟังสิ่งที่เขาพูดเลย เขาควรหาวิธีใดที่จะทำให้ซูหวานหว่านฟังเขาดี…

ฉีเฉิงเฟิงพยายามครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ข้าง ๆ ชายผู้นั้นสวมชุดยาว อยู่ข้างหลังซูหวานหว่านและกระซิบเบา ๆ ว่า “แม่นางซู… เจ้ากำลังทะเลาะอะไรกับฉีเฉิงเฟิงอย่างงั้นหรือ? ตอนที่ข้าได้พบกับก็ยังรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่ดี ๆ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นทำให้ต้องทะเลาะกันขนาดนี้!”

ซูหวานหว่านหันหลังกลับไปก็พบว่าเป็นคุณชายถัง นางดึงคุณชายถังให้นั่งข้าง ๆ ตนเองพร้อมกับยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เหตุใดเจ้ายังเรียกข้าว่าแม่นางซูอยู่อีก ในเมื่อเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ตอนนี้ข้านั้นก็กำลังจะเป็นภรรยาของเจ้า ลืมไปแล้วหรือ? เจ้าควรจะเรียกข้าให้มันดีกว่านี้หน่อย”

“พวกเรา…” คุณชายถังมองดูท่าทางของซูหวานหว่าน เขาก็รับรู้ได้ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างฉีเฉิงเฟิงและซูหวานหว่าน ชายหนุ่มเบนตาไปมองฉีเฉิงเฟิงด้วยสายตารังเกียจ

คุณชายถังคว้ามือของซูหวานหว่านมาจับเอาไว้ พร้อมกับสบตาซูหวานหว่านด้วยแววตาเปล่งประกาย และเอ่ยออกมาน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน “มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรทำตัวห่างเหินกับเจ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น หว่านเอ๋อร์”

รอยยิ้มของซูหวานหว่านพลันจางหายไปหลังจากได้ยิน คุณชายถังรู้งานอย่างดีมากว่านางกำลังประชดฉีเฉิงเฟิง!

“เอ๊ะ เอ้อหลาง อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ควรจะยับยั้งชั่งใจบ้าง ข้ารู้สึกอายไปหมดแล้ว” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างกระเง้ากระงอดพร้อมมองไปที่คุณชายถัง หญิงสาวคีบเนื้อที่ไม่ติดมันขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และป้อนให้คุณชายถังกินแล้วกล่าวว่า “อาหารจานนี้อร่อยดี เจ้าลองชิมเสีย”

คุณชายถังอ้าปากออกเล็กน้อย แต่ซูหวานหว่านก็ชักมือกลับพร้อมกับป้อนอาหารเข้าไปในปากของตัวเอง แล้วพูดออกมาอย่างโกรธ ๆ ว่า “เมื่อครู่เจ้าทำผิด ข้าจะลงโทษเจ้า เจ้าไม่ต้องกินเลย!”

“เอาล่ะ เอาล่ะ! ข้าผิดเอง! หว่านเอ๋อร์ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!” คุณชายถังพูดออกมา พร้อมกับดึงมือของซูหวานหว่านให้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเราไปเดินดูของที่ร้านกันดีหรือไม่ ข้ารู้จักร้านขนมหนึ่งอร่อยมาก และอยากให้เจ้าได้ลิ้มลอง พวกเราไปกันเถอะ”

หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น คุณชายถังก็หยิบเงินออกมาสองสามเหรียญแล้ววางลงบนโต๊ะ เรียกให้เด็กในร้านมาเก็บเงิน จากนั้นเขาก็พาซูหวานหว่านเดินออกไปในทันที

ก่อนที่เขาจะเดินก่อนไปก็พลันสังเกตเห็นรอยร้าวเล็กน้อยในถ้วยชาที่ฉีเฉิงเฟิงกุมเอาไว้ ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ภายในใจ

เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านอาหาร คุณชายถังได้พาซูหวานหว่านไปยังร้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘โจวจี้ฮวาฉ่า’ พวกเขานั่งพร้อมกับสั่งชาดอกไม้มาหนึ่งกา และขนมอีกสองสามอย่าง คุณชายถังอดไม่ได้อยากจะะเอ่ยปากถาม แต่ก็ถูกซูหวานหว่านชิงถามออกมาเสียก่อน “บ้านของคุณชายถังอยู่ที่เมืองหลวงแห่งนี้อย่างงั้นรึ?”

“ใช่แล้ว” คุณชายถังพยักหน้า “ในเมืองชนบทที่เจ้าเจอข้าในตอนนั้นก็เพราะว่าพ่อของข้าต้องการส่งข้ากับพี่ไปฝึกให้เติบโตด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเราจึงเปิดร้านอาหารแข่งขันว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน แต่ว่าในตอนนั้นข้าคิดว่าตัวเองกำลังจะแพ้แล้ว ทว่าเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยร้านอาหารเจวียเซ่อให้กลับมารุ่งเรืองได้ และตอนนี้เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ข้าก็รู้สึกว่าซูหวานหว่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมสำหรับข้ามากจริง ๆ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม และอยากถามว่าตระกูลถังยิ่งใหญ่ขนาดไหน หากแต่ก็ไม่กล้าถามออกมา นางจึงเปลี่ยนมาถามคุณชายถังว่าในเมืองหลวงนี้มีสถานที่สวย ๆ ที่ใดบ้าง แต่ก่อนที่นางจะเอ่ยถาม ก็มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาและพูดขัดจังหวะ “คุณชายถัง! ข้าเดินตามหาเจ้าซะทั่ว แต่ข้ากลับมาพบเจ้าอยู่กับผู้หญิงขี้เหร่คนนี้ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

สีหน้าของคุณชายถังเจื่อนลงเล็กน้อย เหลือบไปมองที่ซูหวานหว่านอย่างเงียบ ๆ และต้องการอธิบายว่า “ข้าและนาง…”

“เจ้ากับนางมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เจ้ากล้าบอกมาต่อหน้าข้าหรือไม่?” หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเท้าเอว น้ำลายของนางกระเด็นออกมาในขณะที่พูด ซูหวานหว่านค่อย ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าใบหน้าของตัวเองขณะลอบมองใบหน้าของหญิงสาวนางนั้น นางมีใบหน้าเล็กและงดงามมาก แต่คิ้วของนางถูกทาด้วยสีเข้มดูฉูดฉาดเกินไป

คุณชายถังกระแอมก่อนจะกระซิบด้วยถ้อยคำที่ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น “แม่นางซู เมื่อครู่ข้าได้ช่วยเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เจ้าต้องช่วยข้าบ้างแล้วล่ะ”

เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณชายถังไม่ชอบสตรีนางนี้ ซูหวานหว่านรู้สึกงุนงง และกลุ่มคนข้าง ๆ ก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยกัน “หญิงคนนี้ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ ‘หลิวหยุนเอ๋อร์’ หรอกรึ นางกำลังมาตอแยไล่ตามคุณชายรองแซ่ถังอยู่ ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ!”

“ใช่แล้ว! มาไล่ตามผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไงกัน หากไม่ใช่เพราะว่าคุณชายรองแซ่ถังได้ไปเข้าร่วมงานร้องเพลงในวันนั้น คงจะไม่เกิดข่าวลือเช่นนี้ขึ้น!”

“…”

ดูเหมือนว่าคุณชายถังจะไม่ชอบหลิวหยุนเอ๋อร์ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูหวานหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจับมือของคุณชายถังแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “แม่นางคนนี้ เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอันใดอยู่? เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ากับเอ้อหลางมีความสัมพันธ์กันอย่างไร พวกเราสองคนตัดสินใจที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแล้ว ข้ากับเอ้อหลางรักกัน เขาเอาใจข้าเป็นอย่างมาก ข้าเชื่อว่าความรักของเขาที่มีต่อข้าจริงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก! ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะปล่อยข่าวลืออะไรออกไปก็ไม่อาจที่จะทำให้พวกเราสองคนแยกออกจากกันได้!”

หลังจากนั้น ซูหวานหว่านพยายามกลั้นน้ำตาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศกว่า “แม่นาง ข้าขอร้องล่ะ อย่ามาทำลายการแต่งงานของข้ากับคุณชายรองเลย”

ทุกคนที่มองดูอยู่ต่างเอ่ยชื่นชม “ถึงแม้ว่าแม่นางคนนี้จะไม่ได้ดูสวยโดดเด่นเหมือนกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิว แต่นิสัยของนางนั้นดี อีกทั้งนางยังคงเชื่อในตัวของคุณชายถังมาก จะหาผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนกัน!”

“ใช่แล้ว!”

“…”

หลิวหยุนเอ๋อร์รู้สึกโกรธเคือง สายตาของนางจับจ้องไปที่คุณชายถัง และถามออกมาว่า “เจ้าชอบนางจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ ช่วยบอกข้าหน่อยเถอะ หากมันเป็นความจริง ข้าจะเป็นคนไปเอง”

คุณชายถังคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นปลายหูของเขาแดงขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่”

“เจ้า…” หลิวหยุนเอ๋อร์วิ่งหนีออกไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เมื่อเห็นหลิวหยุนเอ๋อร์ออกไปแล้ว คุณชายถังกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวหรูหราเดินเข้ามา ทำให้คุณชายถังลุกขึ้นมาทันที ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไรกัน?”

“เจ้าเด็กคนนี้! เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ว่าเจ้ามีหญิงสาวที่ถูกใจแล้ว? ใครก็ได้มาพาแม่นางคนนี้กลับไปที พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานแต่งงาน! แม่คนนี้อยากจะอุ้มหลานมานานแล้ว!” ฮูหยินคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาพึงพอใจ

ว่าอย่างไรนะ ซูหวานหว่านตกใจ นางนั้นแค่แสดงเท่านั้น เหตุใดถึงโดนจัดงานแต่งงานจริง ๆ เสียแล้วเล่า