ตอนที่ 240 แปลกประหลาด / ตอนที่ 241 สภาพแวดล้อมของห้องพักที่แปลกประหลาด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 240 แปลกประหลาด

 

 

ชุยหังยังปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก เมื่อก่อนซุนซิ่งอยู่ที่โรงเรียน คือนักเรียนที่มีปัญหาผู้ซึ่งทำให้คุณครูปวดหัว การควบคุมอารมณ์ไม่ได้ดีอะไร

 

 

เพราะร่างกายที่ดีพร้อม เมื่อคนยกพวกตีกัน ก็มักจะให้เขาช่วยเหลือ เขาก็มาเสมอไม่ปฏิเสธใดๆ

 

 

แล้วเวลานั้น เขาก็ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่นัก ใส่เสื้อผ้าโดยทั่วไปค่อนข้างจะลวกๆ หยาบๆ

 

 

แต่พอวันนี้ได้เห็นซุนซิ่ง เสื้อผ้าเป็นระเบียบมาก ทั้งการพูดจาก็แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

 

 

‘หรือว่าเพราะผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกาย? นี่คือคนรักของเขาจริงๆ เหรอ’

 

 

ขณะที่ชุยหังกำลังสงสัยอยู่นั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาก่อน

 

 

“สุดหล่อ สวัสดี ฉันชื่อโจวอิ๋นเย่ว์ ฉันรับปากแล้วว่าจะมารับนาย คำพูดต้องเป็นคำพูดใช่ไหมล่ะ”

 

 

เสียงของเธอ เพียงครู่เดียวชุยหังก็ฟังออก เธอก็คือผู้หญิงที่พูดกับตัวเองอยู่ในสายวันนั้น

 

 

เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์ของเธอกลับแตกต่างจากภาพจินตนาการของชุยหังไปโดยสิ้นเชิง

 

 

ซุนซิ่งสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร ส่วนผู้หญิงคนนี้คงจะสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนติเมตรมั้ง

 

 

“สุดหล่อ ฉันเป็นคนฝูเจี้ยน เป็นน้องสาวของซุนซิ่ง นายเป็นเพื่อนร่วมชั้นของซุนซิ่ง ก็ต้องเป็นคนจี๋หลินแน่ๆ แล้วนายชื่ออะไรเหรอ” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นมาก

 

 

ได้ยินเสียงใสดั่งระฆังเงินของเธอ ชุยหังยังคงมึนงงนิดหน่อย

 

 

ผู้หญิงคนนี้มีความกระฉับกระเฉงแบบคนทางใต้ ทั้งยังตัวเล็กปุ๊กปิ๊ก แต่ว่าก็เจาะจมูกด้วย ทำให้ชุยหังรับไม่ค่อยได้นิดหน่อย

 

 

“ฉันชื่อชุยหัง…”

 

 

“หล่อจริงๆ!” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยขึ้นในทันใด

 

 

ชุยหังค่อนข้างอึดอัดใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเจอผู้ชายเลยใช่ไหม

 

 

แต่ว่าแน่นอนว่าเขาไม่สะดวกใจจะพูดอะไร ไม่ได้หลับมาทั้งคืน ตอนนี้เขาง่วงมาก

 

 

เขาพูดกับซุนซิ่งเสียเลย “บ้านอยู่ที่ไหน ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว กลับไปนอนได้ไหม”

 

 

โจวอิ๋นเย่ว์กลับพูดว่า “ไม่ไกลๆ พวกเราเดินกลับไปก็ได้แล้ว ฉันจะได้พานายไปทำความคุ้นเคยกับลักษณะทางกายภาพของที่นี่พอดีเลย”

 

 

หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาควงแขนชุยหังอย่างเป็นธรรมชาติมาก

 

 

ชุยหังหลีกหนีโดยจิตใต้สำนึกทันที เขายังไม่เคยเดินควงแขนผู้หญิงมาก่อน รู้สึกแปลกๆ หน่อยๆ มาตลอด

 

 

โจวอิ๋นเย่ว์ยิ้มหัวเราะสักพัก ก่อนจะเอ่ย “สุดหล่อยังขี้อายมากเลยนะ นายถืออะไรมา ฉันช่วยนายถือไหม”

 

 

“ขอบใจนะ อันนี้เบา เธอถืออันนี้แล้วกัน” ชุยหังถือโอกาสส่งกล่องที่บรรจุปลาตะเพียนให้

 

 

ตรงกันข้ามซุนซิ่งกลับไม่ค่อยพูดจาเท่าไหร่ ระหว่างทางมีแต่โจวอิ๋นเย่ว์ที่ถามโน่นถามนี่ถามนั่นไม่หยุด

 

 

“สุดหล่อ นายเดินทางมาไกลขนาดนั้นมาหาซุนซิ่งได้ ความสัมพันธ์ของพวกนายต้องดีมากเลยใช่ไหม”

 

 

ชุยหังยิ้มหัวเราะ แล้วเอ่ยขึ้น “อืม ดีมาก เพื่อนร่วมชั้นม.ปลาย ฉันติดต่อไม่มาก ซุนซิ่งเป็นหนึ่งในนั้น”

 

 

“สองวันมานี้ซุนซิ่งเอาแต่พร่ำบอกกับพวกเราตลอด พูดว่าเขามีเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งจะมาหา พวกเราต่างก็ตั้งตารอกัน” โจวอิ๋นเย่ว์บอกไป

 

 

ชุยหังชักจะมึนงงแล้ว พวกเรา?

 

 

‘ซุนซิ่งพวกเขาอยู่ที่นั่น ตกลงแล้วมีกี่คนกันแน่’

 

 

อีกอย่างซุนซิ่งบอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุด นี่มันเกินจริงเกินไปหน่อยไหม

 

 

‘ตอนนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้เล่นกับเขาคงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเลียนแบบตามพวกนั้นทั้งหมด รู้เพียงแค่หาแฟนกับโดดเรียน หลังรวมกลุ่มเล่นเกมออนไลน์กันทั้งคืนหรอกใช่ไหม’

 

 

แต่ว่าในเมื่อคนเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว ชุยหังต้องยินดีที่จะไว้หน้าเธออยู่แล้ว ดังนั้นจึงหัวเราะชอบใจไปตลอดทาง

 

 

ระหว่างทางมีครั้งหนึ่ง โจวอิ๋นเย่ว์อยากจะคล้องแขนชุยหัง ชุยหังก็ยกมือขึ้นมา แกล้งทำเป็นเสยผม แล้วเบี่ยงตัวไปอีกทาง

 

 

ในใจเขากำลังคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ เอะอะก็ชอบควงแขนชาวบ้านเขาไปทั่วเหรอ

 

 

“พวกเราพักกันอยู่ที่ไหนเหรอ” หลังจากชุยหังเดินไปสักพัก รู้สึกว่ายังไม่ถึงบ้าน ก็ค่อนข้างจะเหนื่อยแล้ว

 

 

“ใกล้แล้ว ผ่านห้างโลตัสข้างหน้าตรงนั้น แล้วเลี้ยวไปก็ถึงแล้ว ถ้านายเหนื่อย พวกเราก็พักกันที่ห้างข้างหน้าตรงนั้นสักพักแล้วกัน”

 

 

ชุยหังชักจะสงสัยแล้ว พวกเราเดินกันมาครู่หนึ่งแล้ว พวกเขาพูดไม่ใช่เหรอว่าบ้านอยู่ใกล้มาก

 

 

ตามวิถีทางที่เดินไป พวกเขาควรจะนั่งรถสิ ถึงจะถูกต้อง

 

 

อีกอย่างทำไมซุนซิ่งเอาแต่ห่างตัวเองตั้งไกลขนาดนั้น คือจะให้ผู้หญิงคนนั้นพูดไม่ปากข้างกายเขางั้นเหรอ

 

 

สุดท้ายครั้งนี้ที่ตัวเองมา สิ่งที่ต้องเผชิญคืออะไรกันแน่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 241 สภาพแวดล้อมของห้องพักที่แปลกประหลาด

 

 

“สุดหล่อ นายหิวหรือเปล่า เอางี้ไหมพวกเราไปหาอะไรกินสักหน่อยกันก่อน” ต่อให้เสียงของโจวอิ๋นเย่ว์จะน่าฟังแค่ไหน ภายใต้สภาวะที่ชุยหังง่วงนอนเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่อยากฟังได้เช่นกัน

 

 

“ได้ หาอะไรกินๆ ไปพลางแล้วกัน” ชุยหังเอ่ยอย่างไม่มีแรง

 

 

“คือว่านายวางใจได้นะ พี่ใหญ่ฉันมีเงิน เขาจะเลี้ยงนายเอง” โจวอิ๋นเย่ว์พูดขึ้น

 

 

ชุยหังครุ่นคิด พลางเอ่ย “ขึ้นรถเกี๊ยวลงรถก๋วยเตี๋ยว ไปกินก๋วยเตี๋ยวสักหน่อยแล้วกัน”

 

 

“นายคิดดีแล้ว ผ่านหมู่บ้านนี้ไป ก็จะไม่มีร้านนี้แล้ว” จู่ๆ ซุนซิ่งก็เอ่ยสักประโยคขึ้นมา

 

 

ขณะนั้นชุยหังไม่ได้เข้าใจ ยังพูดต่ออีกว่า “อืม แน่ใจแล้ว ไปกันเถอะ”

 

 

พวกเขาเดินซอกแซกกันอยู่ตั้งนาน กว่าจะถึงร้านก๋วยเตี๋ยว หลังจากนั้นก็สั่งหมี่ผัดมาสามที่

 

 

ซานตงที่นี่ของไม่แพงอย่างที่คิด หมี่ผัดจานโตเต็มๆ จาน ราคาแค่ไม่กี่สิบหยวนเอง

 

 

แต่ว่าเมื่อถึงตอนสุดท้าย ซุนซิ่งก็ควักแบงค์ร้อนออกมาใบหนึ่งเลย คาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่จะพูดว่าไม่มีเงินทอน

 

 

แน่นอนว่าชุยหังจะให้โจวอิ๋นเย่ว์ผู้หญิงคนนี้จ่ายเงินไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงใช้เงินของตัวเองจ่ายออกไป

 

 

“กลับบ้านได้แล้วใช่ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

เขาง่วงแล้วจริงๆ เมื่อครู่นี้ขณะกินอาหาร เขาแทบจะจับตะเกียบทิ่มเข้าไปในตาในจมูกแล้ว

 

 

“รอย่อยสักพัก นายจะรีบอะไร” ซุนซิ่งพูดมาประโยคหนึ่ง

 

 

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พาเขาไปลานจัตุรัสใกล้ๆ ห้างโลตัสที่อยู่ใกล้ๆ ละแวกนั้น

 

 

“สุดหล่อ นายมาไกวชิงช้าให้ฉันหน่อยสิ” โจวอิ๋นเย่ว์นั่งบนชิงช้า พลางพูดกับชุยหัง

 

 

ชุยหังทำอะไรไม่ได้ แต่ก็เกรงใจที่จะปฏิเสธ จึงจำใจต้องเดินเข้าไป ไกวชิงช้าพอเป็นพิธีไม่กี่ครั้ง

 

 

หลังจากนั้นเขาก็มองซุนซิ่ง แล้วเอ่ยถามคำถามที่ตัวเองคิดว่าโง่ดักดาน “พวกนายสองคนลืมพกกุญแจมาใช่ไหม”

 

 

โจวอิ๋นเย่ว์ยิ้มหัวเราะอยู่ข้างหลัง แล้วพูดว่า “สุดหล่อ นายฉลาดจริงๆ นายรู้ได้ยังไง”

 

 

ชุยหังอยากจะคุกเข่าให้พวกเขาจริงๆ วุ่นวายกันมาตั้งนาน ตอนนี้พวกเขามีบ้านก็กลับไปไม่ได้เหมือนกัน

 

 

“วางใจเถอะ เมื่อกี้นี้ฉันโทรหาพี่จยาแล้ว เธอบอกว่าอีกเดี๋ยวก็จะกลับมา แล้วพวกเราก็จะกลับบ้านได้เลย” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยบอก

 

 

ชุยหังเอ่ยถาม “พี่จยาคือใครเหรอ”

 

 

“เป็นคนขายเครื่องสำอาง ดีกับพวกเรามาก ดูแลพวกเราเป็นพิเศษเลย”

 

 

ชุยหังไตร่ตรองในใจ บ้านของพวกเขาใหญ่แค่ไหนกัน ตกลงแล้วอยู่ได้กี่คน

 

 

‘อีกอย่างทำไมอยู่แบบคละชายหญิงล่ะ’

 

 

“ไม่ไหวแล้ว ฉันง่วงนอนมากแล้วจริงๆ พวกนายเล่นกันไปเถอะ ฉันจะเอนหลังสักพัก” ชุยหังคร้านจะคิดอะไรแล้ว ออกจากเมืองเอ้อมา ยิ่งห่างไกลจากหลูจื้อ ใจเขาก็ชาไปหมดแล้ว

 

 

เขาหาเก้าอี้ยาว แล้วเอนหลังนอนลงตรงนั้นทันที

 

 

ซุนซิ่งกับโจวอิ๋นเย่ว์มองหน้ากัน เหมือนจะแลกเปลี่ยนความเห็นกันอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

ชุยหังเองก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว มองดูก็แทบจะหลับในไปแล้ว จู่ๆ โจวอิ๋นเย่ว์ก็เข้ามาพูดกับเขา “สุดหล่อ พี่จยาถึงบ้านแล้ว พวกเรากลับบ้านได้แล้ว”

 

 

ชุยหังคิดในที่สุดก็กลับบ้านไปนอนหลับดีๆ ได้สักที ตัวเองจะอกแตกตายแล้วจริงๆ

 

 

หลังจากนั้นเขาก็มองตามหลังซุนซิ่งไปด้วยความดีใจ แล้วหลบเลี่ยงโจวอิ๋นเย่ว์ที่จะเข้ามาควงแขนเขาอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“สุดหล่อ มหา’ ลัยนาย ห้องพักในหออยู่กันกี่คนเหรอ” หลังจากพวกเขาเดินเข้ามาเขตที่อยู่อาศัยเล็กๆ โจวอิ๋นเย่ว์ก็เอ่ยถามขึ้น

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “หกคน ทำไมเหรอ”

 

 

“งั้นห้องพักของพวกนายก็ไม่มีคนเยอะเท่าพวกเรา พวกเราคึกคักกันนะ ทุกคนทำการค้าที่นี่กันหมดเลย ดูแลช่วยกันไป คนเยอะก็สนุกไม่เบา นายไม่ถือสาหรอกใช่ไหม”

 

 

ชุยหังรู้สึกขัดแย้งในใจอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ว่าในเมื่อมาถึงแล้ว จะยังพูดอะไรได้อีก

 

 

“ไม่ถือสา ดีมากเลย”

 

 

“งั้นอยู่ที่นั่นพวกนายพักกันยังไง”

 

 

“เตียงไง เตียงสองชั้น” ชุยหังรู้สึกว่าคำถามของโจวอิ๋นเย่ว์ยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

 

 

โจวอิ๋นเย่ว์พูดต่อ “บ้านที่พวกเราอยู่พรีเมียมกว่า เป็นทาทามิเบดเตียงเก็บของอเนกประสงค์นำเข้าจากญี่ปุ่น หน้าหนาวอุ่น หน้าร้อนเย็น กันความชื้น กันความร้อน แล้วยังรักษาอาการปวดในข้อ ปวดเอว ปวดขาได้”

 

 

ขณะชุยหังมึนงงแล้ว คนกลุ่มนี้ เงื่อนไขปัจจัยมีดีได้ขนาดไหนกัน

 

 

ในที่สุดก็ถึงอะพาร์ตเมนต์ของพวกเขาแล้ว ชุยหังอดจะเอ่ยถามไม่ได้ “พวกเราพักชั้นไหน”

 

 

“ชั้นหนึ่ง นับกลับหลัง”