สวรรค์ดึกดำบรรพ์

นอกสวรรค์

จุดสูงสุดของตำหนักราชาเทพ

เทพแห่งความเย็นยะเยือกยืนอยู่ตรงนั้นขณะมองดูโลก

เขากำลังครุ่นคิด ไม่ขยับไปไหน

เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน เขาเหมือนกับรูปปั้น ไม่จากไปไหน

เทพทุกองค์รู้ว่าราชาเทพองค์ใหม่กำลังครุ่นคิดถึงโชคชะตาของทั้งเผ่าพันธุ์

ราชาเทพองค์ใหม่ประกาศความคิดของตัวเองต่อสาธารณะ

เพื่อหลีกเลี่ยงความตายในการต่อสู้จนไม่มีใครสามารถก้าวต่อไปได้ เขาถึงขั้นตระเตรียมราชาเทพองค์ใหม่ขึ้นมา

เทพลี่อยู่ตรงหน้าของเทพทุกองค์ ขณะสาบาน เขาเดินรอยตามเทพแห่งความเย็นยะเยือกเพื่อขัดขืนชะตากรรมต่อไป

ตอนนี้ อีกสิ่งหนึ่งได้เกิดขึ้น

เทพแห่งความเย็นยะเยือกได้ขอกับเทพจินเยี่ยนผู้มาจากอนาคตไว้เรื่องหนึ่ง เมื่อถึงช่วงพิธีราชาภิเษก เขาจะต้องเป็นผู้สวมมงกุฎ

นี่หมายความว่าราชาเทพองค์ใหม่จะจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต จดจำทุกความเจ็บปวดของเผ่าพันธุ์เทพ

เขาสาบานว่าจะเปลี่ยนชะตากรรมในอนาคตของเผ่าพันธุ์เทพ

เทพจินเยี่ยนตอบตกลงอย่างมีความสุข

ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ แต่ในช่วงเวลานี้ เทพจินเยี่ยนเองก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน

จนถึงตอนนี้ เผ่าพันธุ์เทพทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกการกระทำและความคิดที่จะต่อต้านหายไปไม่เหลือชิ้นดี

ในใจของเทพทุกองค์ ราชาเทพได้รับการสนับสนุนอย่างไร้ปัญหา

ที่ใดสักแห่งในความว่างเปล่า

“ทำไมกัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แท้ๆ นี่คิดจะทำจริงงั้นหรือ” มนุษย์แสงถาม

“เพราะข้าเห็นเผ่าพันธุ์เทพที่ต่างออกไปจากตัวเขา ข้าจะเป็นสักขีพยานแล้วสืบทอดวิญญาณของราชาเทพก่อนส่งต่อไปสู่อนาคต” เทพจินเยี่ยนกล่าว

“ทั้งหมดนี้คุ้มค่า” เขาเสริม

มนุษย์แสงเงียบ

“ข้าขอตัวไปข้างนอกสักพัก” เขากล่าว

“จะไปไหนน่ะ” เทพจินเยี่ยนถาม

“ในยุคโบราณ พวกเราเองก็ต้องเตรียมการหลายสิ่ง นอกจากการตระเตรียมขั้นสุดท้ายเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ยังมีความลับบางอย่างในเผ่าพันธุ์บรรพกาลด้วย” มนุษย์แสงกล่าว

“ความลับแบบไหนกัน”

“อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกปกปิดเอาไว้ ก่อนจะได้เห็น ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

“แล้วอย่างไรต่อ”

“เพราะฉะนั้นข้าจะไปตามหาความลับ จากนั้นจะกลับมาที่นี่”

ใบหน้าของเทพจินเยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงใหม่ได้เกิดขึ้นกับชะตากรรมของเผ่าพันธุ์เทพ ทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบันทึกประวัติศาสตร์

“ทำไมเจ้าต้องทำแบบนั้นล่ะ” เทพจินเยี่ยนถามเสียงขรึม “เจ้าน่าจะรวบรวมเจตจำนงของเทพบรรพกาลไปแล้วนี่ ทำไมถึงทิ้งการสำรวจความลับสุดยอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ให้ข้ากันล่ะ”

มนุษย์แสงกล่าวว่า “เมื่อชะตากรรมของเผ่าพันธุ์เทพพบเจอกับความหวังใหม่ ข้าก็จะไปตามหาความลับนั่น นี่คือข้อตกลงสุดท้ายของเทพในยุคบรรพกาล”

“แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะ” เทพจินเยี่ยนกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ

“นั่นก็เพราะเผ่าพันธุ์เทพไม่เคยมีความหวังยังไงล่ะ สิ่งนั้นจึงไม่ถูกกระตุ้นขึ้นมา” มนุษย์แสงกล่าว

“นี่เจ้าสนใจงั้นหรือ” เทพจินเยี่ยนถาม

“ราชาของเผ่าพันธุ์เทพไม่เคยไปยืนบนจุดสูงสุดของวิหารเพื่อคิดถึงโชคชะตาของทั้งเผ่าพันธุ์เป็นเวลาหลายวันมาก่อน ราชาของเผ่าพันธุ์เทพไม่เคยสาบานว่าจะขัดขืนต่อการกลั่นแกล้งของเผ่าพันธุ์บรรพกาล ราชาของเผ่าพันธุ์เทพไม่เคยแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์ก่อนที่ตนจะสวมมงกุฎ แถมยังยอมเป็นราชาเทพอีกทั้งที่รู้ว่าจะตายได้ทุกเมื่อ”

มนุษย์แสงกล่าวต่อว่า “ข้าไม่เคยเห็นภาพเช่นนั้นในประวัติศาสตร์มาก่อน ดังนั้นเวลามาถึงแล้ว ข้าต้องไปค้นหาความลับนั่น”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมอย่างมีนัย ร่างดังกล่าวค่อยๆ หายไปจากความว่างเปล่า

เทพจินเยี่ยนยืนอยู่เพียงลำพังสักพักใหญ่

เขาถอนหายใจออกมา “คาดไม่ถึงว่าการมาถึงของข้าจะทำให้ความลับนั่นเกิดการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ โชคดีที่นี่เป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น”

หลังจากเงียบสักพักใหญ่ เขาอดที่จะพึมพำอีกครั้งไม่ได้

“น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น”

กู่ฉิงซานย่อมไม่รู้ถึงการโต้เถียงและการออกความเห็นของเทพ

เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของตำหนัก สายตากวาดมองความว่างเปล่าราวกับกำลังคิดบางสิ่ง แต่เขาถึงกับกำลังมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม

เขากำลังคิดถึงความหมายของข้อความที่แจ้งบนหน้าต่างระบบ

“พละกำลังส่วนตัวพัฒนาขึ้น ระดับการ์ดของท่านได้รับการอัปเกรดแล้ว”

“การ์ดสีเทา: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน”

“ระดับ: การ์ดสีเทาระดับสูงสุด”

“คู่หู: นางฟ้าแห่งการพิพากษา ชี”

“กองการ์ดที่ครอบครอง: กองการ์ดหลบหนี”

ข้อมูลทั้งหมดหายไปในฉับพลัน

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นใต้การ์ด

“ท่านได้รับการ์ดสีเทาระดับสูงสุดแล้ว”

“สิ่งที่การ์ดสีเทามี: ขยายความเสียหาย มีโอกาสเลื่อนขั้น”

การ์ดที่มีพื้นหลังสีเทาปรากฏขึ้นในหน้าต่างระบบ

ตรงหน้าการ์ด มีดเล่มยาวถูกวาดขึ้นมา คมมีดยาวส่องประกายเย็นเยือกเป็นครั้งคราว

“สกิลการ์ด: ขยายความเสียหาย”

“หลังจากสวมใส่การ์ดใบนี้ เมื่อใดก็ตามที่ท่านสร้างความเสียหายใส่ศัตรู ศัตรูจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นสามเปอร์เซ็นต์”

“หมายเหตุ: นี่คือสกิลการ์ดติดตัวระดับสีเทา เมื่อต่อสู้ ต้องทำการสวมใส่การ์ดใบนี้จึงจะแสดงผล”

“เพราะเป็นการ์ดสีเทา มันจึงกระตือรือร้นที่จะแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ท่านอยากอัปเกรดเป็นระดับมรกตหรือไม่”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า ‘อัปเกรด’

การ์ดสีเทาหมุนอย่างต่อเนื่องและเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันค่อยๆ แผ่แสงสีมรกตออกมา

เมื่อการ์ดหยุดหมุน มันกลายเป็นการ์ดสีมรกตบริสุทธิ์

“สกิลการ์ด: หลั่งโลหิต”

“หลังจากสวมใส่การ์ดใบนี้ เมื่อใดก็ตามที่ท่านฟันร่างของศัตรูด้วยอาวุธมีคม สิ่งที่ปกคลุมศัตรูเอาไว้ เช่น เลือดเนื้อ เหล็กกล้า จิต พลังจิตหรืออื่นๆ มันจะค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างของศัตรูเป็นเวลาสิบวินาที”

“หมายเหตุ: นี่คือสกิลการ์ดติดตัวระดับมรกต ตราบที่ท่านเสียบไว้กับหน้าต่างระบบเทพสงคราม มันจะทำงานเสมอ”

ช่องเสียบการ์ดมรกตโปร่งแสงปรากฏขึ้นจากบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

กู่ฉิงซานเสียบการ์ดใบนี้เข้าช่องเสียบการ์ด มีระลอกคลื่นสีมรกตออกมาอย่างต่อเนื่องบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ผ่านไปสักพักใหญ่จึงหายไป

ตอนนี้ บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวข้อความขนาดเล็กยังคงผุดขึ้นมา

“การ์ดใบแรกของท่านกลายเป็นการ์ดระดับมรกตแล้ว ตอนนี้ท่านจะสามารถได้รับอีกโอกาสที่จะจั่วการ์ดระดับมรกตผ่านวิธีการบางอย่าง”

“เมื่อท่านจั่วเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับการ์ดระดับมรกตอย่างเป็นทางการ”

หลังจากอ่านจบ กู่ฉิงซานถามทันทีว่า “ระบบ วิธีการบางอย่างที่ว่าคืออะไร”

เกิดความเงียบขึ้น

ระบบไม่พูดอะไร

กู่ฉิงซานนึกขึ้นได้ก่อนกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “นี่ ตอนข้ามีพลังวิญญาณมากมาย เจ้ามักตอบคำถามเสมอ มาตอนนี้ข้าไม่มีพลังวิญญาณแล้ว เจ้าก็เลยคิดจะเมินข้าใช่หรือไม่”

ระบบยังคงเงียบ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “อย่างนั้นเอาแบบนี้ละกัน ถ้าเจ้ายอมถอย ข้าจะยอมถอยด้วย ตอนนี้ข้าขอติดพลังวิญญาณไว้ก่อน ข้าจะมอบให้เจ้าเมื่อได้รับพลังวิญญาณในครั้งต่อไป ทีนี้ตอบข้ามา ปัญหาที่ถามไปน่ะ”

“ดูจากการกระทำของท่านที่ผ่านมา ระพบบพบว่าท่านล่อหลอกมากเกินไป ระบบจะไม่ยอมถูกหลอกเด็ดขาด” ระบบกล่าว

“…” กู่ฉิงซานนิ่ง

ไอ้ระบบเทพสงครามนี่!

กู่ฉิงซานกัดฟันพลางขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาไม่เต็มใจและไม่พอใจยิ่ง

ไม่มีทางที่จะอัปเกรดการ์ดเลยหรือ

ตอนเสี่ยวซีหลุดออกจากผนึก ไม่เพียงแค่ระดับพลังของนางตกลงเท่านั้น แม้แต่กองการ์ดผนึกทั้งหมดของนางก็เปลี่ยนเป็นกองการ์ดหลบหนี

การ์ดระดับมรกตที่นางใช้ อาทิ: หอกปีศาจแดง หุ่นเชิดศึก อาวุธคุมขังหรือแม้แต่การอัญเชิญราชินีแมงป่องปีศาจ เท่าที่สายตาของกู่ฉิงซานกวาดมองตอนนี้ มีแต่การ์ดที่เป็นประโยชน์ยิ่ง

ทักษะการ์ดติดตัวนาม ‘หลั่งโลหิต’ ที่อยู่ในมือของกู่ฉิงซานถึงกับทรงพลังยิ่งและเหมาะกับผู้ใช้วิชาดาบมากนัก

แถมนี่เป็นเพียงการ์ดระดับมรกตเท่านั้น

มีการ์ดระดับสูงกว่านับไม่ถ้วนอยู่ในกองการ์ดหลบหนี

จากนั้น หลังจากอัปเกรดแล้ว ย่อมสามารถใช้การ์ดเหล่านั้นในกองการ์ดหลบหนีได้!

เมื่อคิดดังนี้ หัวใจของกู่ฉิงซานก็ร้อนรุ่มขึ้นมาอีกหน

สีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความปรารถนาอีกครา

เหล่าเทพกำลังให้ความสนใจกับสีหน้าของราชาเทพ พวกเขารู้สึกเพียงว่าสีหน้าของราชาเทพเปลี่ยนแปลงไปไวมาก

ราชาเทพคงเศร้าโศกและไม่พอใจกับสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์เป็นแน่

ใช่ มันต้องแบบนั้นแน่ๆ

ไม่อย่างนั้น ราชาเทพจะแสดงออกมากขนาดนั้นได้อย่างไร

นั่นแหละราชาเทพของพวกเรา!

พวกเทพลอบถอนหายใจอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก

เขาเพียงหยุดถามเกี่ยวกับระบบเทพสงครามแล้วกลับไปนึกถึงการแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับเสี่ยวซีในตอนนั้น

ฉับพลันนั้นเอง เขานึกคำอธิบายของเสี่ยวซีขึ้นมาได้

“ความก้าวหน้าตามธรรมชาตินั้นช้าที่สุด การกลืนกินการ์ดเข้าไปจะเร็วกว่า แต่ใช่ว่าการ์ดทุกใบจะเหมาะสม เจ้าต้องหาการ์ดที่เหมาะกับนิสัยตัวเอง ท้ายที่สุด ใช้มรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพบรรพกาลเพื่อเลื่อนขั้น ถึงแม้จะเป็นทางที่เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เป็นมรดกเหล่านั้นคือความลับในความลับที่ไม่สามารถพบเจอได้โดยง่าย”

กู่ฉิงซานพยักหน้าช้าๆ

หากใช้วิธีแรก หลังจากเลื่อนขั้นอีกครั้ง เขาก็จะสามารถจั่วการ์ดระดับมรกตออกมาได้โดยตรง

แต่ตอนนี้มีทางที่เร็วที่สุดอยู่

เมื่อกลายเป็นราชาเทพ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะได้ของอย่างมรดกเทพมาครอง

…ของพวกนี้มักถูกเก็บในคลังสมบัติมรดกที่อยู่ด้านหลังตำหนักราชาเทพ มันสามารถเปิดออกได้ด้วยคทาราชาเทพเท่านั้น

สามวันต่อมา พิธีราชาภิเษกจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้น เขาจะได้รับคทาราชาเทพมาครอง

…………………………..