บทที่ 1035 สำหรับผู้หญิงมีคำถามที่ไม่ควรถามอยู่เยอะมาก!

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เหล่าซอมบี้สาวได้สติกลับมาจากความตื่นตะลึงก่อน เย่เลี่ยนคว้ามือหลิงม่อ บอกว่า “ไปเร็ว…”

ซย่าน่าเองก็กระชับเคียวดาบแน่นด้วยสีหน้าตึงเครียด พูดเสียงต่ำ “ตอนนี้ถอยก่อนเถอะ…สถานการณ์อย่างนี้ พวกเราลงไปตามหาร่างแม่ตัวนั้นไม่ได้อยู่แล้ว…”

หลิงม่อก้าวถอยไปข้างหลัง พลางจ้องสัตว์ประหลาดเหล่านั้นที่มุดออกมาจากใต้ดินด้วยสีหน้าเรียบเฉย…นับจากวินาทีที่พวกมันปรากฏตัว นั่นหมายความว่า…โลกได้เปลี่ยนไปแล้วสินะ…

“อวี่เหวิน ติดต่อเฮลิคอปเตอร์ได้หรือเปล่า?” หลิงม่อถาม

“ได้สิ…แต่ว่าเวลา…” น้ำเสียงอวี่เหวินซนฟังดูเคร่งเครียดอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินนัก เห็นชัดว่า ในสถานการณ์ตอนนี้ คนที่พวกเขาพึงพาได้ ก็มีแค่ตัวเองเท่านั้น…

“โฮกก โฮกกกก!”

สัตว์ประหลาดใต้ดินบางส่วนเริ่มฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ขณะเดียวกัน เสียงคำรามของพวกมันก็ได้ดึงดูดซอมบี้เข้ามาไม่น้อย

ซอมบี้บนถนนพากันวิ่งกรูไปทางซากอาคารถล่ม ในขณะที่พวกหลิงม่อกำลังวิ่งฝ่าไปตามกำแพงและดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว

เขามองลงไปข้างล่างเป็นพักๆ เทียบกับเมื่อกี้ พื้นที่โซนนี้โกลาหลกว่าเดิมมาก…และผลกระทบนี้ ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนที่เพิ่มขึ้นของสัตว์ประหลาดใต้ดิน…

นี่ยังเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนแผนที่ของเมือง X ด้วยซ้ำ จุดเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็น…

แต่ไอมหมอกมืดกลุ่มนี้ จะต้องแผ่ปกคลุมออกไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน มันจะแผ่ออกไปจนกว่าแผนที่ทั้งผืนจะกลายเป็นสีดำ…

บางทีแม้แต่แผนที่ทั้งประเทศ หรือกระทั่งทั้งโลก อาจมีไอหมอกมืดเหล่านี้เข้าปกคลุมหลายพื้นที่แล้วด้วยซ้ำ…ไม่แน่ว่า ในบางสถานที่ อาจกลายเป็นสีดำทึบจนมองไม่เห็นร่องรอยของมนุษย์แล้วก็ได้…

“พี่หลิง ข้างหน้านี้คือบริษัทลอว์สันแล้ว!” ซย่าน่าตะโกนมาจากข้างหน้า

สวี่ซุหานกระโดดลงมาจากบนกำแพง วิ่งพลางพูดว่า “ฉันจะไปพาเจ้าลิงผอมออกมา! จะได้ประหยัดเวลา!”

“ระวังตัวด้วย!” หลิงม่อรีบกำชับ

“ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยวป๋ายจะคอยช่วยเธอเอง” ซย่าน่าหันไปบอกเขา ในขณะที่ฝีเท้ากลับไม่ชะลอ วิ่งไปตามแนวกำแพงด้วยความเร็วสูง เธอวางเคียวดาบไว้ข้างหน้า เพื่อวิ่งไปด้วยและกำจัดเศษกระจกพวกนั้นให้พ้นทางไปด้วย

เมื่อเศษกระจกแผ่นสุดท้ายแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซย่าน่ากระโดดลงมาบนพื้น

เธอสะบัดผมยาว หันกลับไปเร่ง “เร็วเข้า! ดูจากจำนวนของสัตว์ประหลาดพวกนั้นแล้ว ไม่นานพวกมันก็จะขยายสนามต่อสู้มาจนถึงที่นี่แล้ว พอถึงตอนนั้นซอมบี้กับสัตว์ประหลาดเข้ามาพร้อมกัน พวกเราจะโดนล้อมเอาได้!”

เพิ่งสิ้นเสียงพูดของซย่าน่า เสียงคำรามหนึ่งพลันดังมาจากข้างหลังทุกคน

เสียงนั้นดังก้องจนทุกคนอกสั่นขวัญแขวน สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที

เห็นชัดว่า ความเร็วในการขยายสนามต่อสู้ เร็วกว่าที่ซย่าน่าบอกเสียเอีก…

“แต่พวกเขาน่าจะอยู่บนอาคารกันหมดไม่ใช่หรอ?” อวี่เหวินซวนเงยหน้ามองข้างบน แล้วพูดขึ้น

“มะ…ไม่เป็นไร…” เย่เลี่ยนกลับพูดอย่างลนลานขึ้นมาในตอนนี้ “ตะ…ตอนที่ฉันอยู่ข้างบน…ได้สังเกตดูเล็กน้อย…พวกเราสามารถ…กระโดดออกไป…จากอีกฝั่ง…”

“ถ้าอย่างนั้น ข้างบนก็ยังมีทางหนีน่ะสิ…” หลิงม่อพูดขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอ “พวกเราขึ้นไปกันเถอะ!”

ถ้าหากเรียกให้พวกที่เหลือลงมา คำนวณเวลาแล้ว ไม่ทันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าหลิงม่อจะสามารถใช้สายสัมพันธ์ทางจิตบอกเฮยซือก็ตาม ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุด ก็คือพวกเขาทุกคนต้องขึ้นไปรวมตัวกันข้างบน ถึงจะมีเวลาพักหายใจได้บ้าง

“ได้ พวกเราไปกันเถอะ!” อวี่เหวินซวนพนักหน้า

ขณะที่พวกหลิงม่อเข้าไปในบริษัทลอว์สั้น สวี่ซูหานก็ได้พาเจ้าลิงผอมวิ่งออกจากตึกมา

ห่างออกไป เงาร่างของเสี่ยวป๋ายโฉบผ่าน และหายตัวเข้าไปหลังมุมกำแพงอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวป๋าย…จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เลี่ยนถามเหมือนเป็นห่วง

“มันจะช่วยพวกเราถ่วงเวลาระยะหนึ่ง วางใจเถอะ ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลง มันจะหาจังหวะหนีไปเอง อย่าลืมสิ ยังไงมันก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์นะ ถ้าไม่ได้การจริงๆ ฉันก็จะช่วยมันเอง” หลิงม่อลูบหัวเธอ พลางอธิบาย

เรื่องที่เกิดขึ้นในท่อน้ำทิ้งใต้ดิน ถือได้ว่าบริษัทลอว์สันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด…ก่อนที่จะเข้าไปในนี้ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าลึกลงไปตามท่อน้ำในตึกหลังนี้ จะมีสัตว์ประหลาดใต้ดินฝูงใหญ่ขนาดนี้อยู่…แต่หลังจากวิ่งไปทั่ว สุดท้ายก็ต้องวนกลับมาที่นี่เหมือนเดิม…ดีที่ ผลประโยชน์ที่ควรได้ก็ได้แล้ว สิ่งที่ควรทำ ก็ทำแล้วเช่นกัน…….

ระหว่างที่วิ่งขึ้นไปชั้นบนสุด หลิงม่อได้ติดต่อกับเฮยซือ…พวกเขายังคงวุ่นอยู่กับการขนของล็อตสุดท้ายในโกดังขึ้นไปบนดาดฟ้าอยู่ เมื่อต้องอาศัยแรงคนมาทำงานที่ต้องใช้เรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้ จึงทำให้เสียเวลาและกำลังไปมาก ทว่าดีที่มีเฮยซือกับอวี๋ซือหรานคอยช่วย โลลิน้อยผู้ไม่ใช่มนุษย์สองตัวนี้มีเรี่ยวแรงมหาศาลจนน่ากลัว ขณะที่หลิงม่อติดต่อไป พวกเขาใกล้จะขนของล็อตสุดท้ายถึงดาดฟ้าแล้ว…

“อย่างนั้นหรอ? เอาล่ะ ฟังนะ…พวกเธอได้ยินเสียงระเบิดเมื่อกี้แล้วใช่ไหม? ไปดูที่หน้าต่างเร็ว…เห็นหรือยัง?” หลิงม่อส่งสารผ่านกระแสจิตไปอย่างรวดเร็ว

“รอเดี๋ยวสิ…” เฮยซือเงียบไปสองวินาที จากนั้นก็ร้องตกใจ “เห็นแล้ว! อสุรกายนรกพวกนั้นออกมาแล้ว!”

“อสุรกายนรกอะไรของเธอ…”

“นายไม่รู้หรอ? พวกมันเรียกตัวเองว่าอย่างนี้นะ…”

“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ฉันยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า หลังจากที่พวกเธอขอของเสร็จแล้ว รีบไปหาอะไรบางอย่างมา อะไรก็ได้ ยิ่งหนักยิ่งดี ยิ่งมากยิ่งดี เอาแบบที่มากพอที่จะปิดทางเดินบันไดได้ หลังจากที่พวกฉันขึ้นไปถึง พวกเธอปิดทางขึ้นให้หมด! มีแค่ทางนี้ทางเดียว ที่จะทำให้พวกเราถ่วงเวลาไว้ได้นานหน่อย!” หลิงม่บออก

“โอเค…ดูจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในตอนนี้แล้ว คงต้องทำตามนี้แล้วล่ะ…แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วคนอื่นจะมาเอาของไปได้ยังไงล่ะ? เครื่องมือพวกนี้ จะมีคนมาเอาไปทีหลังไม่ใช่หรอ?” เฮยซือไตร่ตรองรอบคอบถี่ถ้วน

“พวกเขามีเฮลิคอปเตอร์ ยังไงก็ต้องหาทางมาเอาจนได้! พวกเราค่อยอธิบายสถานการณ์ให้ฟังหลังจากติดต่อพวกเขาได้ พูดถึงเรื่องนี้…อีกเดี๋ยวตอนอยู่บนดาดฟ้า หาวิธีทิ้งศพไว้ให้พวกเขาเอากลับไปเป็นหนูทดลองด้วยนะ!” หลิงม่อบอก

น้ำเสียงของเฮยซือเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันควัน “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา! คิกๆ ไว้ใจฉันได้เลย!”

“ใช่สิ…ตั้งแต่ตื่นฉันยังไม่ได้เจอเธอเลย สภาพเธออย่างนั้น…ไม่มีปัญหาอะไรใข่ไหม?” หลิงม่อเกาหัว พลางถาม

ไม่คิดว่าพอเขาถามอย่างนี้ เฮยซือก็หม่นหมองลงทันที เธอพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เรื่องนี้…ไม่มีปัญหาหรอก…ยังไงอีกเดี๋ยวนายก็ได้เจอฉันแล้ว! ไม่เห็นต้องถามเลยนี่ เจ้าบ้า! ผู้ชายนะ บางทีก็ไม่น่าถามคำถามที่ไม่ควรถามเลย! อย่างเช่นเรื่องผมขาวและริ้วรอยของผู้หญิง! อย่างเช่นเรื่องขอบตาดำของผู้หญิง!”

“ฉันไม่เคยถามคำถามประเภทนั้นซักครั้งเลยเหอะ…อีกอย่างเธอกลายเป็นผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! นี่?” หลิงม่อยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างไม่รู้ตัว “ชิท…สายสัมพันธ์ทางจิตของเราพัฒนาเป็นแบบโทรได้ทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมยัยนั่นถึงตัดสายเราได้ด้วยล่ะ…ไม่ได้การ วิวัฒนาการคราวนี้ ต้องหาวิธีแก้ไขตรงนี้ให้ได้ ต้องทำให้ได้…”

คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อกลับเงยหน้าเหมือนฉุกคิดขึ้นได้ อ้าปากถาม “คือว่า…เฮยซือเปลี่ยนไปเป็นยังไงบ้าง?”

ทุกคนที่อยู่ข้างๆ เขาชะงักเท้า…ผ่านไปไม่นาน ซย่าน่าหันมา แล้วมองเขาอย่างมีความนัยแฝง จากนั้นก็หันหน้าหนีพูดเสียงเบา “พวกคลั่งโลลิ!”

“…ด่าฉันทำไมเนี่ย!”

สิบวินาทีต่อมา พวกหลิงม่อได้วิ่งขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด

เวลานี้ ตรงปากบันไดมีเฟอร์นิเจอร์มากมายกองอยู่เต็มไปหมด แล้วยังมีเครื่องใช้ในบ้านอีกมากที่กำลังถูกขนมา

“ถ้าหากว่าเอามาปิดบันได แล้วให้ฉันปล่อยไฟ คงมันส์น่าดู” อวี่เหวินซวนกวาดมองหนึ่งรอบ พลางหัวเราะ

มู่เฉินกลับถึงตาจ้องเขา พลางด่า “ของที่กองรวมอยู่บนดาดฟ้ามีแต่อุปกรณ์เครื่องมือที่สำคัญๆ ทั้งนั้น ถ้านายเผาแล้วจะฆ่าพวกมันได้เท่าไหร่กัน? อย่าทำอะไรบ้าๆ เชียว!”

เย่ไคถีบโซฟาตัวหนึ่งลงไป เมื่อเสียงโครมครามดังขึ้น โซฟาตัวนั้นก็กลิ้งตกลงไปอยู่ตรงมุมเลี้ยวบันได จากนั้นก็ติดแหง็กอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นหนา

“อย่ามัวแต่คุยกันเลย รีบช่วยกันเร็ว!” ซย่าน่าพักเคียวดาบลงบนพื้น พลางบอก

อวี่เหวินซวนกลับตอบ “ฉันรู้ว่าพวกเธอแรงเยอะ ดังนั้นพวกเธอ…”

โครม!

เขายังพูดไม่ทันจบ ตู้ไม้หลังหนึ่งก็กระจุยกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กๆ ต่อหน้าสายตาตื่นตะลึงของทุกคน

ซย่าน่าดึงเคียวดาบออกมา พูดอย่างเย็นชา “ยังจะให้ช่วยอีกไหม?”

“ไม่ต้องแล้วๆ! อีกเดี๋ยวพอสัตว์ประหลาดพวกนั้นขึ้นมายังต้องรบกวนพวกเธอฟันพวกมันอีก…เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ต้องใช้ทักษะอย่างนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราดีกว่า!” อวี่เหวินซวนรีบพูด

มู่เฉินมองเขาอย่างสมน้ำหน้า “หงอยเลยสิ? พรืดด…ฮ่าๆๆๆ…”

“รีบทำงาน…”

“โทษที…ฮ่าๆๆๆ…” มู่เฉินอดหัวเราะไม่ได้

เวลานี้ หลิงม่อได้เลื่อนสายตามองไปทางดาดฟ้า พร้อมกับเดินขึ้นไปข้างบน “เฮยซือ?”

————————————-