บทที่ 489 หมดสัญญา
บทที่ 489 หมดสัญญา
ภาพที่เห็นทำให้คนที่อยู่ละแวกนั้นตกตะลึงอย่างมาก
การที่นายน้อยฟ่านนำบอดี้การ์ดนับสิบคนมาที่นี่นับว่าเป็นเรื่องตื่นตาตื่นใจแล้ว แต่เมื่อเทียบกับภาพตรงหน้ามันกลับดูตลกอย่างมาก
รถเบนซ์รุ่นที่ดีที่สุดกว่ายี่สิบคัน บอดี้การ์ดนับสามสิบคน ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มที่ฝีมือดีทั้งนั้น
“นี่…นี่มันอะไรกัน?”
นายน้อยฟ่านมองกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกร้านด้วยความตกตะลึง
คนเหล่านี้ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่อีกฝ่ายพากลุ่มบอดี้การ์ดเข้ามาในร้าน เขาก็นึกขึ้นได้ว่าชายคนนั้นคือผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเครือฮ่าวหรานที่กำลังโด่งดังในตอนนี้!
หวังจุน!
เขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีอายุเพียงสามสิบต้น ๆ เท่านั้น แต่กลับมีความสามารถชนิดที่หาตัวจับยาก
ความสามารถและความฉลาดของเขาทำให้ผู้คนที่ร่วมงานด้วยต่างชื่นชมจากใจจริง
ยังไงก็ตามเหตุผลที่นายน้อยฟ่านรู้จักผู้ชายคนนี้คือพ่อของเขาเพิ่งเจรจาธุรกิจกับอีกฝ่ายเมื่อไม่กี่วันก่อนไงล่ะ
เป็นเพราะการร่วมมือครั้งนี้ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นในชั่วข้ามคืน!
“คุณมาก็ดีแล้ว!”
เมื่อเห็นอีกฝ่าย นายน้อยฟ่านก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยกลัวว่าลูกน้องไม่สามารถจัดการกับไอ้หน้าจืดตัวเหม็นได้ เขาจึงอยากให้บอดี้การ์ดของอีกฝ่ายลงมือแทน
ไอ้หน้าจืดตัวเหม็นหัวเดียวกระเทียมลีบจะสู้พวกเขาได้ยังไง?
ถึงอย่างนั้นเขายังคงสงสัยว่าทำไมคนระดับนั้นมาที่ร้านอาหารริมทางแห่งนี้?
“เฮ้ ผู้จัดการหวังคุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ คุณจำผมได้ไหม?”
เมื่อคิดอย่างนั้น นายน้อยฟ่านจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมทักทาย หวังจุนสังเกตเห็นท่านประธานแล้ว แต่ขณะที่กำลังจะเดินไปหาอีกฝ่าย จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็หยุดเขาไว้
ริ้วรอยไม่พอใจปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาทันที
เขาเหลือบมองลูกชายเศรษฐีตรงหน้าแล้วจำได้ว่าตัวเองเพิ่งพบกับนายน้อยอ้วนคนนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน
“คุณเป็นคนของบริษัทเครื่องยนต์หยวนหลงที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วันก่อนใช่ไหม มีธุระอะไรเหรอครับ?”
หวังจุนมีความจำที่แม่นยำเสมอ ต่อให้บริษัทของอีกฝ่ายจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่เขาก็ยังจำได้อยู่ดี
“ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ ที่ผู้จัดการหวังจำผมได้! วันนี้ผมมีเรื่องบางอย่างอยากให้คุณช่วยน่ะครับ”
นายน้อยฟ่านดีใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาไม่คิดว่าชายวัยกลางคนจะจำตัวเองได้ในทันที
หวังจุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่สามารถปล่อยให้ประธานอวี้รอนานกว่านี้ได้แล้ว
“มีอะไรครับ?”
“คุณเห็นไอ้หน้าจืดตัวเห็นคนนั้นไหม? มันทำร้ายลูกน้องผมจนหมดสภาพ!”
นายน้อยฟ่านยกมือขึ้นชี้ไปที่โต๊ะของอวี้ฮ่าวหราน
“ผมอยากยืมบอดี้การ์ดของคุณสั่งสอนบทเรียนดี ๆ ให้มันสักหน่อยน่ะครับ!”
เขาพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
บอดี้การ์ดของอวี้ฮ่าวหรานล้วนเป็นกลุ่มฝีมือดีและขึ้นชื่อเรื่องฝีมือที่ไม่เป็นรองใคร ว่ากันว่าพวกเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา
เพียงแค่นี้เขาก็สามารถจัดการกับไอ้หน้าจืดตัวเหม็นคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
แต่หวังจุนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขามองตามที่อีกฝ่ายชี้ แต่ไม่เจอไอ้หน้าจืดตัวเหม็นเลยสักคน
เห็นได้ชัดว่าที่ตรงนั้นมีแต่ประธานอวี้ยืนอยู่?
จู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“คุณ…หมายถึงคนที่อยู่ตรงนั้นเหรอ?”
เขายกมือขึ้นชี้ประธานบริษัทพร้อมถาม
“ใช่! คุณหวังฉลาดมากครับที่รู้ว่าไอ้หน้าจืดตัวเหม็นคือใคร!”
นายน้อยฟ่านตอบอย่างรวดเร็ว แต่หวังจุนตกใจอย่างมาก!
เขาก้าวถอยหลังสองก้าวด้วยความตกใจ!
“เชี่ย! คุณทำอะไรลงไป!”
ตอนนี้ชายหนุ่มผู้สง่างามสบถคำหยาบด้วยความตื่นตระหนก
เขาตกใจอย่างมากจนคนอื่นคาดไม่ถึงเลยล่ะ พวกบอดี้การ์ดมือฉมังที่อยู่ข้างหลังเขามีสีหน้าตกใจเช่นกัน!
ผู้ชายคนนี้เรียกประธานของเขาว่าไอ้หน้าจืดตัวเหม็นงั้นเหรอ?
“หือ? ผู้จัดการหวังเป็นอะไรไป?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกใจราวกับเห็นผี นายน้อยฟ่านก็งุนงงเล็กน้อย
“ผมอยากยืมบอดี้การ์ดของคุณสั่งสอนไอ้ตัวเหม็น…”
“หยุด! ผมไม่ได้สนิทกับคุณ! เรายังไม่รู้จักกันดีพอ!”
หวังจุนโพล่งขัดจังหวะอีกฝ่าย ในใจเขายิ่งรู้สึกขยะแขยงผู้ชายตรงหน้ามากขึ้น
นี่เท่ากับว่าอีกฝ่ายตั้งใจฆ่าตัวตายชัด ๆ! อยากให้เขาสั่งบอดี้การ์ดทำร้ายประธานบริษัทตัวเองเนี่ยนะ?
เขาไม่ใช่คนโง่สักหน่อย!
พอพูดจบ หวังจุนก็เมินอีกฝ่ายแล้วรีบเดินนำพวกบอดี้การ์ดไปหาประธานของเขาทันที
ตอนแรกนายน้อยฟ่านคิดว่าอีกฝ่ายมีธุระต้องจัดการ แต่ครู่ต่อมาเขาก็ต้องตกตะลึงจนแทบหงายหลัง
“ประธานอวี้ นี่คือเอกสารที่ท่านต้องเซ็นครับ”
หวังจวินเดินนำบอดี้การ์ดไปที่โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ จากนั้นเริ่มพูดพร้อมวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ
คำว่าประธานอวี้ทำให้ทุกคนในร้านงงเป็นไก่ตาแตก
พวกเขายิ่งอึ้งและแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าชายหนุ่มที่โดนดูถูกว่าเป็นคนโง่จะมีตัวตนที่แท้จริงเป็นถึงประธานบริษัท!
ใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงบริษัทเครือฮ่าวหรานบ้าง?
เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองฮ่วยอันมีผลประกอบการเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด แถมประธานบริษัทผู้ลึกลับยังถูกจัดอันดับให้หนึ่งในสิบนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย
แต่ตอนนี้กลับมีคนดูถูกว่าเขาจน?
ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?
เจ้าของร้านอาหารตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้คนอย่างท่านประธานหนีไปเนี่ยนะ?
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ระเบิดอารมณ์โกรธ เขาเพียงตอบเบา ๆ เท่านั้น
“อืม”
เขาหยิบเอกสารขึ้นอ่านอย่างละเอียด แต่ขณะที่กำลังจะจรดปากกาลงเซ็นชื่อ เขาก็ถูกหวังจุนขัดจังหวะ
“ท่านประธานยังมีสัญญากับบริษัทเครื่องยนต์หยวนหลงที่เพิ่งเจรจาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ท่านต้องเซ็นด้วยครับ”
เขาจงใจดึงสัญญาฉบับนั้นออกมา
อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงุนงงเล็กน้อย เพราะเขาไม่เจอปัญหาอะไรในเอกสารสัญญาเลย
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมีเหตุผลอะไรแน่นอน
“มีอะไรเหรอ?”
หลงจากได้ยินคำถามของอีกฝ่าย หวังจุนจึงกันมองนายน้อยฟ่านที่กำลังยืนอึ้งข้างหลังเขา ก่อนตอบเสียงแผ่ว
“ผู้ชายคนนั้นคือนายน้อยของบริษัทหยวนหลง พ่อเขาเพิ่งเจรจาเรื่องนี้กับเราเมื่อวันก่อนครับ”
อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึง
“ฮ่า ๆ บังเอิญดีจริง ๆ”
เนื่องจากอีกฝ่ายกวนใจเขาราวกับแมลงวัน อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ลังเลที่จะตบแมลงวันให้ตายคามือ!
เขาหยิบเอกสารก่อนลุกยืนแล้วเดินไปหานายน้อยฟ่านอย่างช้า ๆ
“บังเอิญจริง ๆ นี่บริษัทนายใช่ไหม?”
ขณะพูด เขายื่นเอกสารในมือให้อีกฝ่ายดู
“คุณ…คุณต้องการอะไร…?!”
ตอนนี้นายน้อยฟ่านตื่นตระหนกอย่างมาก เขาไม่คิดว่าคนระดับประธานบริษัทจะมาที่ร้านอาหารริมทางอย่างนี้!
“อะไรนะ? ฮ่า ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ
“สัญญาสิ้นสุดแล้ว”
“แคว่ก…”
เอกสารสัญญาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างง่ายดาย
ภาพที่เห็นทำให้ร่างกายนายน้อยฟ่านสั่นสะท้าน ในฐานะลูกชาย เขารู้ดีว่าพ่อต้องพยายามดิ้นรนหาเส้นสายอย่างหนักแค่ไหนเพื่อให้ได้สัญญาฉบับนี้
และสิ่งนี้ทำให้หุ้นบริษัทเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์
“ไม่…ไม่นะ…”
เขารีบก้มลงเก็บเศษกระดาษบนพื้นด้วยความกลัว
ถ้าพ่อเขารู้ว่าลูกชายเป็นคนทำลายสัญญานี้ พ่อจะต้องเฉือนเนื้อและฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน!