เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 300 เธอคิดว่ามันง่าย
หลังจากทิฟฟานี่ซื้อที่ตรวจครรภ์มาแอเรียนก็จัดการทำการตรวจทันที ไม่ถึงห้าหน้าทีเธอก็ได้ผลการตรวจเป็น สองขีด เธอยังไม่อยากจะเชื่อจึงตัดสินใจว่าจะตรวจใหม่อีกทีตอนเช้า ช่วงเช้าผลการตรวจจะน่าเชื่อถือกว่า
เช้าวันต่อมาแอเรียนก็ต้องพบกับความสิ้นหวัง เธอท้องจริง ๆ เมื่อลองคำนวณเวลาดูแล้วเธอน่าจะท้องได้ประมาณ 3 เดือน เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอย้ายออกมาจากคฤหาสน์ เทรมอนต์ ได้นานขนาดนั้นแล้ว มันเหมือนไม่ใช่ความจริง
หลังจากที่แอเรียนยืนยันผลตรวจ ทิฟฟานี่ก็ถามว่า “แล้วเธอจะเอายังไงต่อ? มาร์คเป็นพ่อของลูกใช่ไหม?”
แอเรียนเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะตอบ “วันนั้นฉันและวิลไม่มีสติทั้งคู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำอะไรกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นของมาร์คสิ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีวันเชื่อหรอก เขาไม่เชื่อตั้งแต่ครั้งแรกและเขาจะไม่มีวันเชื่อตอนนี้แน่นอน ฉันโคตรไม่ชอบตอนที่เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาและไร้ความรู้สึกของเขาคราวที่แล้วว่าใครเป็นพ่อของลูก ฉันไม่ชอบที่เข้าไม่ไว้ใจฉัน ฉันจะเลี้ยงลูกของฉันเอง ฉันจะตั้งใจทำงานและเก็บเงินเพื่อซื้อห้องเล็ก ๆ ที่ชานเมือง ถ้าทุกอย่างล้มเหลว ฉันก็ยังมีแบล็คการ์ดของมาร์คอยู่…”
ทิฟฟานี่คิดว่าแอเรียนต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ “เธอรู้บ้างไหมว่าเธอต้องใช้เงินและเวลามากขนาดไหนสำหรับการเลี้ยงลูกในเมืองหลวงแบบนี้? ช่วงที่เธอตั้งครรภ์และอุ้มเด็กอยู่ในท้องก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก เธอยังสามารถไปทำงานได้ ไปทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเธอจะทำงานล่วงเวลาทุกวันลูกเธอจะรับไม่ไหวนะ! แล้วหลังจากที่เธอคลอดและใช้วันหยุดพักฟื้นหมดแล้วเธอจะทำงานอย่างไร? ไม่มีใครสามารถเลี้ยงลูกแทนเธอได้นะ และเธอก็ไม่สามารถนำลูกไปที่ทำงานได้ด้วย เธอเคยคิดถึงเรื่องนี้ไหม?”
แอเรียนยังคงมั่นใจกับการตัดสินใจของตนเอง “ฉันลาออกจากบริษัทเอริกก็ได้ ฉันจะได้อยู่บ้านและหางานพาร์ทไทม์ทำ ต่อให้เป็นการวาดรูป หรือขายแบบบ้าน ฉันทำได้หมดเพื่อเงิน ฉันจะให้ลูกกินนมฉัน ฉันจะได้ประหยัดค่านมไปด้วย…”
ทิฟฟานี่ส่ายหัวของเธอ “อย่าพูดอย่างกับว่ามันง่ายขนาดนั้นสิ เมื่อเธอมีลูกเธอจะไม่ได้นอนอย่างมีความสุขอีกด้วยซ้ำ ลืมเรื่องทำงานพาร์ทไทม์ไปได้เลย ถ้าลูกร้องหิวนมตอนที่เธอวาดรูปอยู่เธอก็ต้องหยุดแล้วมาดูแลลูก เวลาที่ลูกเธอหลับเธอก็จะเหนื่อยจากการปลอบลูกจนหลับจนแรงบันดาลใจเธออาจจะหมดไปเพราะเธอไม่อยากแม้แต่จะขยับตัว เธอควรจะเอามันออกหรือกลับไปหามาร์ค เขาเป็นพ่อของลูกเธอนะ เขาจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก ช่างเขาถ้าเขาจะไม่เชื่อว่านี้ลูกของเขา เมื่อลูกเกิดมาและผลตรวจ DNA ตรงกับของเขา เขาจะอึ้งเอง!”
ทิฟฟานี่พูดต่อ “เธอแท้งลูกคนแรกและเสียเลือดไปมาก ถ้าเธอเอาลูกคนนี้ออกอีกโอกาสที่เธอจะท้องอีกก็จะน้อยมาก เธอจะถามหมอก็ได้ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ถามเขาเลยว่าโอกาสที่เธอจะท้องได้อีกมีมากน้อยแค่ไหน ฉันแนะนำให้เธอกลับไปหามาร์คนะ ไม่ว่าเธอสองคนจะดีกันหรือเมินกันก็ตาม มันจะต้องมีทางออก เขาต้องรับผิดชอบให้เธออยู่ดีกินดี มีคนดูแลระหว่างที่เธอตั้งครรภ์และมีชีวิตได้เหมือนคนปกติหลังจากที่เธอคลอด นี่คือสิ่งที่จะส่งผลดีต่อทั้งเธอและลูก”
คำพูดที่ยาวนานของทิฟฟานี่ทำให้แอเรียนมึนงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะคิดได้ว่า “ทิฟฟ์ ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเธอความคิดโตกว่าฉันตั้งเยอะ… มันง่ายที่จะคืนดีกันแต่จะให้กลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนคงยาก มีแค่สองทางคือ เราต้องใช้ชีวิตแยกกันอย่างมีความสุขหรือไม่งั้นเราก็คงจะอยู่ด้วยกันโดยสร้างความกังวลใจให้อีกฝ่ายทุกวันแน่ ๆ ฉันจะไม่เอาลูกออกแน่นอน แต่ถ้าจะต้องกลับไปหามาร์ค… ฉันขอคิดดูก่อนละกัน ขอฉันคิดดูก่อน ไม่แน่ฉันอาจจะรอให้ลูกคลอดก่อนค่อยกลับไปหาเขา พอถึงเวลาเราค่อยตรวจ DNA กัน แบบนี้ฉันจะได้ไม่ต้องทนฟังคำพูดที่เจ็บใจของเขา”
พอได้ยินแบบนี้ทิฟฟานี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ตราบใดที่เธอยอมที่จะกลับไปหาเขาเพื่อให้เขาได้รับผิดชอบก็ดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังจากที่เธอคลอดก็ตาม ตอนนี้เธออยู่กับฉันเพราะฉะนั้นฉันจะดูแลเธอเอง ฉันยินดี เธอยังไม่ได้ไปตรวจครรภ์เลยใช่ไหม? พรุ่งนี้ขอลางานสักวันนะ ฉันจะขอลาด้วย เราจะได้ไปฝากครรภ์ด้วย อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าเด็กแข็งแรงดี”
แอเรียนไม่อยากหยุดงานนานเธอจึงตอบไปว่า “ครึ่งวันก็พอแล้ว ครึ่งวันก็มีเวลาเหลือเฝือแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเขียนรายงานการลาอีก”
เมื่อพวกเขามาถึงโรงพยาบาลพวกเขาก็เห็นว่าแผนกสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยากำลังเต็มไปด้วยผู้คน ทิฟฟานี่กระเดาะลิ้น “ไหนเธอบอกว่าครึ่งวันก็เกินพอ ลืมไปได้เลย เราต้องใช้เวลาทั้งวันแน่ ๆ”