โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.310 – แก่นอบิลิตี้จักรพรรรดิสัตว์ร้าย

 

“อย่าพูดแบบนั้นเลย อย่างไรตอนนี้ก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน พวกเราไม่สามารถปล่อยให้สัตว์ร้ายรอดชีวิตไปได้ มิฉะนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์คงไม่มีที่อยู่อาศัย จำนวนประชากรคงลดน้อยลง” ฉินเฟิงกล่าวอย่างเป็นทางการ เขาไม่งี่เง่าพอที่จะฉีกมิตรภาพที่คนอื่นพยายามหยิบยื่นให้

 

“เหอะ!” เล่ยเฉินหัวเราะหยัน “ทำเป็นพูดจาซะน่าฟัง แต่ดูส่วนแบ่งสัตว์ร้ายนี่สิ มีแค่แกคนเดียวรับทรัพย์ไปเต็มๆ ทุกคนช่วยกันสู้จนบาดเจ็บแทบตาย ลงทุนลงแรงไปมากมาย!”

 

ฉินเฟิงเบนสายตามองเล่ยเฉิน มุมปากกระดกยิ้ม

 

“แน่ใจนะว่าลงแรงไปมากมาย?” ดวงตาของฉินเฟิงกวาดมองเล่ยเฉินขึ้นๆลงๆ ก่อนจะสลับไปมองคนอื่นๆ “แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลย!”

 

ประโยคนี้ ช่างน่าขันสิ้นดี!

 

ปัจจุบันที่นี่มีผู้คนมากมาย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ กลับไม่มีใครสามารถโค่นมันได้เลย อีกทั้งยังถูกทำร้ายจนเกือบกลายเป็นอาหาร แบบนี้ยังมีหน้ามาเรียกลงทุนลงแรงอีกหรือ?

 

ฉินเฟิงไม่ด่าว่าเป็นกลุ่มขยะก็ดีแค่ไหนแล้ว

 

“อะแฮ่ม!” พอได้ยินแบบนี้ กระทั่งเหมิงหลินที่เพิ่งแสดงท่าทีเป็นมิตรกับฉินเฟิง ยังอดกระแอมออกมาไม่ได้ ตนรู้สึกราวกับถูกตบหน้า

 

เวลานั้นเอง ในจุดที่ไกลออกไป บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น

 

ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นมอง บนยอดเขาสูงสุดถังซาน ปรากฏเมฆรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่ลุกฮือขึ้นบนท้องฟ้า

 

แม้จะไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยภาพที่มองและหูที่ได้ยิน พวกเขาก็ตระหนักได้ทันที ว่านั่นคือเสียงของกระสุนปืนใหญ่

 

“ไอ้เด็กหานหยวนเซิงนั่น จะสบายกว่าคนอื่นมากเกินไปแล้ว”

 

เหมิงหลินอดบ่นออกมาไม่ได้ สถานการณ์เช่นนี้ การดำรงอยู่ของมือปืน เป็นอะไรที่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

 

สัตว์ร้ายราชันย์และจักรพรรดิกำลังต่อสู้ติดพัน ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายยิงขีปนาวุธออกไป พวกมันก็ไม่สามารถเบนความสนใจได้!

 

และตอนนี้ การต่อสู้บนยอดเขาสูงสุดถังซาน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะสิ้นสุดลง

 

เปลวไฟสีฟ้าที่ลุกไหม้บนตัวจักรพรรดินกยูง ปัจจุบันลุกโชนเหลือแค่ 1 เมตรเท่านั้น ทั้งยังไม่ครอบคลุม ส่งผลให้ร่างกายส่วนใหญ่ของมันเปิดเผยสู่สายตาของผู้คน

 

สภาพในปัจจุบันของจักรพรรรดินกยูง ไม่ต่างไปจากนกตัวใหญ่ที่ถูกถอนขน

 

มันอ่อนล้าและมาถึงขีดจำกัดแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม สภาพของราชันย์สัตว์ร้ายอีกสองตัวก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

 

พยัคฆ์เนตรเยือกแข็ง ดวงตาข้างหนึ่งของมันถูกจิกออก เห็นเป็นหลุมขนาดใหญ่ ทางกอริลล่ามงกุฏสีชาดเอง ทั้งร่างก็เต็มไปด้วยรอยไหม้เกรียม สั่นสะท้านแทบยืนไม่อยู่

 

ทั้งสามต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ดูจากสถานการณ์แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหานหยวนเซิงถึงตัดสินใจลงมือ

 

ขณะนี้ เหล่าฝูงชนที่ยังคงซุ่มอยู่ เริ่มบังเกิดความหวัง!

 

เล่ยเฉินพอเห็นฉากนี้ ก็ไม่คิดพูดพร่ำใดๆอีก ทะยานออกไปทันที

 

โหวหยางเฉิง , ตี๋เล่ย และไซปิงตามออกไปติดๆ

 

“ผู้ว่าการฉิน พวกเราก็ไปกันเถอะ เรื่องนี้เกี่ยวพันธ์กับความปลอดภัยระหว่างสองภูมิภาค ราชันย์สัตว์ร้ายจะต้องถูกกำจัด! หากมีตัวใดตัวหนึ่งหลุดรอดออกไป ไม่ว่าจะเป็นเขตสามเฉิงหรือสี่ทะเลเหนือ คงวอดวายในชั่วพริบตา”

 

เพราะไม่มีใครสามารถต้านทานอำนาจของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ได้

 

แม้การตายของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ จะช่วยให้พวกเขาวางใจลงได้เปราะหนึ่ง แต่หากเหลียวมองไปรอบๆ จะพบว่าสนามรบตกอยู่ในสภาพเสียหายยับเยิน ภูเขาพังทลาย ต้นไม้ใหญ่หักโค่น

 

และหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในเมืองเล่า? เกรงว่าบรรดาตึกสูงใหญ่ คงพังทลายลงอย่างง่ายดาย

 

ดังนั้น คุณสามารถจินตนาการได้ว่าราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D เหล่านี้น่าหวาดกลัวเพียงใด

 

บรรดาคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ในที่สุดทั้งหมดก็ปรากฏตัวออกมา!

 

ฟูฉีผู้นำเมืองฟูเฉิง , อาวุโสสี่ตระกูลซง –ซงหยูหมัง , เย่ฉุน และไป่เทียนหยาง

 

รวมไปถึงอีกคนหนึ่งที่อยู่นอกสุด แต่ยังไม่ได้ปรากฏตัว –หานหยวนเซิงระดมโจมตีลงบนยอดเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

ในสายตาของคนเหล่านี้ นี่คือเวลาเหมาะสมที่สุดแล้ว ที่จะเก็บเกี่ยวสมบัติ!

 

ราชันย์สัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

“เร็วเข้า อันดับแรกรีบฆ่าราชันย์สัตว์ร้ายก่อน!”

 

“จักรพรรดิสัตว์ร้ายอีกไม่นานก็ตาย ดังนั้นพวกราชันย์ถือเป็นภัยคุกคามมากกว่า!”

 

“ลงมือได้!”

 

ฝูงชนกระโจนออกมาข้างหน้า แบ่งเป็นสองกลุ่มรับมือกับสองราชันย์

 

ด้วยการโจมตีของหานหยวนเซิงก่อนหน้านี้ ช่วยป้องกันไม่ให้ราชันย์กอริลล่าพุ่งเข้าไปสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากราชันย์กอริลล่าสามารถสังหารจักรพรรดินกยูงลงได้ มันก็จะได้รับแก่นอบิลิตี้ของอีกฝ่าย และการที่จะยกระดับเป็นจักรพรรดิ มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก

 

แน่นอน จักรพรรดิสัตว์ร้ายอย่างไรก็ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แต่มันจะต้องไม่ตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของพวกสัตว์ร้ายด้วยกันเอง

 

ทว่าในบรรดาฝูงชน ดันมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่คิดเล่นตามหลักเหตุและผล

 

–เป็นฉินเฟิง!

 

ฉินเฟิงมีความคิดแตกต่างจากพวกเขา ตอนนี้คือช่วงเวลาที่จักรพรรดิสัตว์ร้ายอ่อนแอที่สุด ในขณะที่ราชันย์แม้บาดเจ็บแต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ดังนั้นเมื่อมีกลุ่มคนเข้าไปแทรกแซงและป่วนมัน … นี่มิใช่เป็นโอกาสที่ดีหรอกหรือ!

 

“ขอบใจพวกคุณจริงๆสำหรับเรื่องนี้”

 

คนอื่นๆกำลังทุ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฉินเฟิง

 

สองเท้าของฉินเฟิงลุกพรึบไปด้วยเปลวไฟ ทะยานขึ้นสู่ยอดเขา

 

พริบตาเดียว ฉินเฟิงก็วิ่งมาถึงรังใหญ่ขนาดพอๆกับ 2 – 3 สนามฟุตบอล พื้นบนยอดเขาเต็มไปด้วยกิ่งไม้และต้นไม้วางนอนซ้อนๆกัน

 

ฉินเฟิงค่อยๆย่องเข้าไป ไม่นานก็มาหยุดอยู่เบื้องหลังจักรพรรดิสัตว์ร้าย

 

ตรงจุดนี้ ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแผดเผาของนกยูงชรา ยังคงแผ่กระจายออกมาจากทั้งร่างกาย! กลิ่นอายนี้แม้ทรงอำนาจแต่มันแฝงไปด้วยความตายอันเข้มข้น

 

“ถึงจะเพิ่งได้เจอหน้ากันจังๆ แต่ฉันมีคำเดียวที่จะพูดทักทาย : จักรพรรดิสัตว์ร้ายเอ๋ย … ลาก่อน!”

 

ขณะกล่าว พลังสมาธิของฉินเฟิงพลันถูกเร่งเร้า

 

จากใต้ฝ่าเท้าของเขา เส้นแสงสีดำเลื้อยมุดไปตามใต้ดิน

 

จากนั้น เส้นแสงดังกล่าวก็ผุดจากดิน ขึ้นไปตามช่องว่างระหว่างต้นไม้และกิ่งไม้ยักษ์ ตรงเข้าใส่ช่วงท้องของจักรพรรดิสัตว์ร้าย

 

แสงสีดำสามารถเจาะเข้าสู่อวัยวะภายในที่เน่าเปื่อยของมันได้ทันที

 

แสงสีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมรณกรรม!

 

–รูนมืด!

 

จักรพรรดิสัตว์ร้ายเดิมทีก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ลมหายใจของมันหลงเหลือแค่กลิ่นอายจางๆของชีวิต เมื่อถูกกระตุ้นโดยรูนมืด ก็ยิ่งเป็นการเร่งปฏิกิริยาแห่งความตายให้มาเยือนเร็วขึ้น

 

ดวงตาพร่ามัวของจักรพรรดิสัตว์ร้ายค่อยๆหุบลง ศีรษะที่เคยเชิดชูด้วยความทรนงโค้งตกต่ำ เพลิงฟ้ารอบกายมอดดับไม่มีหลงเหลือ

 

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังสมาธิขนาดมหึมา ถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างกายด้วยพลังพิเศษดูดกลืน

 

ในที่สุด พลังสมาธิของเขาก็ยกระดับไปอีกขั้น

 

ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล D !

 

ฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดรอบตัวเขา มันแจ่มแจ้งราวกับอยู่บนฝ่ามือ

 

วินาทีต่อมา เขาชี้นิ้วไปทางหัวของจักรพรรดิสัตว์ร้าย

 

โผล๊ะ!

 

ร่างกายของจักรพรรดิสัตว์ร้ายบอบบางอยู่แล้ว กะโหลกของมันถูกพลังสมาธิกระชากออก โยนทิ้งไป แต่เบื้องหลังกะโหลกกลับปรากฏกลุ่มก้อนเปลวไฟสีฟ้าที่กำลังแผดเผาราวกับดวงอาทิตย์แทน

 

มันสว่างไสวเกินไป ยามเผยโฉมออกมา ก็สะท้อนไปกับท้องฟ้า เปลี่ยนทั้งบริเวณให้กลายเป็นสีคราม

 

—เป็นแก่นอบิลิตี้ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1 เมตร!

 

ฝูงชนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเมืองหรือคนจากตระกูลระดับสูงที่มากไปด้วยประสบการณ์ แทบไม่เคยมีใครเคยเห็นแก่นอบิลิตี้แบบนี้มาก่อนเลย

 

เกรงว่าภายในแก่นอบิลิตี้นี้ จะกักเก็บพลังงานมหาศาลที่สามารถทำลายทั้งสวรรค์และปฐพีได้เอาไว้

 

ผู้คนที่กำลังต่อสู้ ทั้งหมดหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

 

“อะไรกัน!”

 

“นั่นมันแก่นอบิลิตี้!”

 

“จักรพรรดิสัตว์ร้ายตายแล้วงั้นหรอ?”

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป

 

ไม่มีใครทันสังเกตเห็นถึงสถานการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 

“แล้วคนๆนั้นเป็นใครกัน?”

 

“ฉินเฟิง เป็นเขาอีกแล้ว!” เล่ยเฉินกัดฟันกรอด

 

“เขาทำได้ยังไงกัน?”

 

ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ อึ้งจนไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกไปดี

 

ทั้งหมดหยุดมือ จิตสำนึกของพวกเขาสั่งการให้ตรงเข้าหาฉินเฟิงโดยไม่รู้ตัว

 

เหตุเพราะแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิสัตว์ร้ายมันล่อใจมากเกินไป

 

ภายในแก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิ มันจะมีบางสิ่งที่แก่นอบิลิตี้สัตว์ร้ายระดับอื่นๆไม่มี

 

มันคือสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ต้นกำเนิดของการยกระดับสุดแกร่ง!’

 

แก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิ สามารถช่วยให้ร่างกายของมนุษย์ในเลเวลเดียวกัน วิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด

 

กล่าวโดยสังเขปก็คือ หากผู้ใช้พลังเลเวล D ธรรมดาๆ ได้ดูดซับพลังงานจากแก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิ พลังสมาธิของพวกเขาอาจถึงขั้นวิวัฒนาการกลายเป็นระดับราชันย์ได้

 

นี่เพียงพอแล้วที่จะพลิกชีวิต

 

กล่าวได้ว่าตราบใดที่คุณสามารถครอบครองแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิ การจะทะยานสู่ฟากฟ้าไม่ใช่แค่ความฝัน

 

นี่เองคือสิ่งล่อใจอย่างร้ายแรงของแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย