เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีอยู่ห่างจากด้านบนสักระยะหนึ่ง คนของหุบเขาหมอเทวดาก็ได้มองมาเห็นว่าเจ้าหนุ่ม ‘มู่ซี’ ยังมีชีวิตอยู่ ฉับพลันทันใดใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป เขากล่าว “ศิษย์พี่สาม เจ้าหนุ่มนั่นยังมีชีวิตอยู่และกำลังปีนขึ้นมา”
“ฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังอยู่ในจุดอันตราย พวกเราจะลงมือซัดเขาให้ร่วงผาไปเลยดีหรือไม่ ?!”
— ตุบ! —
ทว่าผู้ที่กล่าวออกมานั้น โดนศิษย์พี่สามซัดเข้าไปชุดหนึ่ง
“จะไปทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าโง่!”
พวกเขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “เป็นเพราะเหตุใดเล่า ? เจ้าหนุ่มนั่นฆ่าศิษย์น้องยี่สิบสอง พวกเราต้องแก้แค้นให้ศิษย์น้องมิใช่รึ ?”
“การที่เจ้าเด็กหนุ่มนี่ยังไม่ตาย ต้องมีเหตุบางอย่างแน่นอน บางทีของวิเศษนั้นอาจจะอยู่ในมือของเขาแล้ว ถ้าหากว่าซัดเขาตกหน้าผาไป เจ้าจะให้พวกเราลงไปหาศพเขากลางฝูงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านล่างหรืออย่างไร ?”
ฝูงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์รึ ? มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก! พวกเขานั้นไม่กล้าพอแน่ อย่างไรเสียก็ให้เจ้าหนุ่มนั่นขึ้นมาเองอย่างปลอดภัยจะดีกว่า
คนของหุบเขาหมอเทวดาไม่ได้มีเจตนาร้ายโจมตีใส่นาง มู่เฉียนซีจึงขึ้นมาได้สบาย ๆ
ทว่าอึดใจต่อมามีอุปสรรคเกิดขึ้นเล็กน้อยเมื่ออินทรีหัวสิงห์พุ่งเข้าโจมตีนางกลางอากาศ
ศิษย์พี่สามเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าว “อินทรีหัวสิงห์!!! เร็วเข้า โจมตีอินทรีหัวสิงห์พวกนั้น อย่าให้พวกมันทำให้เจ้าหนุ่มนั่นร่วงลงไปด้านล่าง” “ขอรับศิษย์พี่สาม”
แทนที่จะโจมตีมู่เฉียนซี พวกเขากลับกลายเป็นปกป้องมู่เฉียนซีแทน
— ตูม! —
อินทรีหัวสิงห์พวกนั้นได้ถูกขับไล่ออกไป พวกมันไม่มีโอกาสได้เข้าไกล้และทำร้ายมู่เฉียนซีด้วยซ้ำ
อู๋ตี้กล่าวขึ้นมา “หืม! พวกเขาให้ความร่วมือดี แต่นายท่านก็อย่าได้หวังว่าจะพ้นภัยจากพวกเขาไปได้ ข้าคิดว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็ยังคงไว้ใจไม่ได้”
มีจักรพรรดิวิญญาณกลุ่มหนึ่งคอยคุ้มกันให้ มู่เฉียนซีจึงปีนป่ายขึ้นมาได้โดยง่าย
ยามที่นางปีนขึ้นมาได้เรียบร้อยแล้ว กลุ่มคนของหุบเขาหมอเทวดาที่ปกป้องนางอย่างสุดกำลังเมื่อครู่นี้ กรูกันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ ศิษย์พี่สามเป็นผู้เอ่ยขึ้น “เจ้าหนู เจ้าพบอะไรที่ด้านล่างนั่นรึ ? แล้วเจ้าเอาอะไรขึ้นมาบ้าง ? จงบอกข้ามาตามตรง”
เห็นแก่การที่พวกเขาคุ้มกันนางให้ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย มู่เฉียนซีจึงได้เล่าออกมาอย่าหมดเปลือก
“อืม ในตอนที่ข้าตกลงไปด้านล่างนั้น ข้าได้เอายาแบบพิเศษมาใช้กัดกร่อนผานี้จนเป็นขั้นบันได ข้าถึงได้มีที่ให้ยืนอยู่ได้ จากนั้นข้าก็เข้าไปในห้องลับห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องหิน จากนั้นได้เจอกับบททดสอบจากปรมาจารย์ฝึกสัตว์ แล้วท้ายที่สุดปรมาจารย์ผู้นั้นได้มอบวิธีการฝึกสัตว์ของเขาให้แก่ข้า ทั้งยังมอบแหวนสัตว์พันวิญญาณให้แก่ข้าด้วย เรื่องก็มีเท่านี้”
เมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้ บรรดาศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดาดวงตาฉายประกายความโลภลุกโชนขึ้นมาตาม ๆ กัน
ของดีนี่!
แม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นนักปรุงยาผู้ไม่มีความสามารถอื่นที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ฝึกสัตว์ได้ แต่ทว่าของเช่นนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกสัตว์ทั้งหลายนั้นยอมมารับใช้สำนักหุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาอย่างแน่นอน
ผู้ฝึกสัตว์สามารถฝึกให้สัตว์เชื่อง และจัดการให้สัตว์ทำพันธสัญญากับคนผู้หนึ่งได้ ความหาตัวจับได้ยากของผู้ฝึกสัตว์นั้นไม่น้อยไปกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน
พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซี “เจ้าหนุ่ม เจ้ายังจะชักช้าอยู่ใย ? รีบส่งของนั้นมาแล้วพวกข้าจะให้เจ้าได้ตายศพสวย”
มู่เฉียนซีกวาดตามองพวกเขาก่อนจะกล่าวว่า “นี่เป็นของที่ข้าได้มา เหตุใดจึงต้องให้พวกเจ้าด้วยเล่า ?”
ศิษย์พี่สามกล่าวขึ้น “เพราะพวกเรานั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้า สามารถฆ่าเจ้าได้ง่าย ๆ”
เมื่อศิษย์พี่สามกำลังจะลงมือกับมู่เฉียนซี อู๋ตี้พลันกระโจนออกมา
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว! พวกเจ้าจงแสดงให้ท่านแมวเช่นข้าผู้นี้ดูหน่อยสิว่าเป็นพวกเจ้าหรือข้ากันแน่ที่แข็งแกร่ง”
ร่างของอู๋ตี้พองโตใหญ่ขึ้นเป็นอย่างมาก ทันทีที่มันพุ่งเข้าใส่พวกหุบเขาหมอเทวดา ก็เกิดการตะบุมบอนกันอย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าของเหล่าศิษย์หุบเขาหมอเทวดาพวกนั้นเปลี่ยนไป “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์… สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม!”
ศิษย์พี่สาม “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามแล้วน่ากลัวอย่างไรรึ ? ขอเพียงพวกเจ้าได้ของที่อยู่ในมือของเจ้าหนุ่มนั่นมา จะจับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามก็เป็นเพียงเรื่องง่าย ข้าจะตรึงมันเอาไว้ ส่วนพวกเจ้าไปจัดการกับเจ้าเด็กนั่น”
“ขอรับ”
ในตอนที่พวกเขาจะเข้ามาจับมู่เฉียนซีนี้เอง พลันปรากฏเปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งเข้าใส่พวกเขาในทันใด
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงคำราม
— ตูม! —
“บัดซบ! ระดับสามอีกแล้ว”
“ผิดปกติแล้ว! เหตุใดจึงมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามถึงสองตัวเช่นนี้ ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามถึงสองตัว พวกเขาตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด หมดสิ้นเสียแล้วโอกาสชนะ
เดิมทีพวกเขานั้นคิดว่ามู่เฉียนซีรับมือได้ง่าย แต่กลับไม่ใช่เลย
ท้ายที่สุดมู่เฉียนซียิ้ม นางกล่าวขึ้น “พวกเจ้าศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดามีทักษะการปรุยาที่เก่งกล้ามากมิใช่หรือ ? ข้าจะให้ของขวัญแก่พวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะรับไว้ได้”
— พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! —
ยาพิษจำนวนมากลอยออกมา เข็มยาที่แฝงไว้ด้วยพิษร้ายแรงร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝนห่าใหญ่ ใบหน้าของพวกเขาหม่นคล้ำลง
“บัดซบ! มันมีพิษ”
“เกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดถึงได้มีคนกล้าใช้ยาพิษกับพวกเราที่เป็นศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดา ?”
“ฮึ่ม!…”
พวกเขานั้นคิดว่าพิษไม่มีผลอันใดกับพวกเขา อย่างไรเสียการที่เป็นศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดา พวกเขาย่อมมีความต้านทานต่อพิษธรรมดาทั่วไป
“พรวด!”
ผิดแล้ว! พวกเขาไร้เดียงสาเกินไป น่าเศร้าที่พิษนี้พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ แม้แต่ศิษย์พี่สามก็ยังไม่สามารถต้านได้
ใบหน้าของศิษย์พี่สามนานเข้าก็ยิ่งดำขึ้น ๆ ใบหน้าเขาดำเสียกว่าก้นกระทะ เขาคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว
“ฮึ่ม! ที่แท้แล้วผู้ที่ดึงดูดให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายเช่นนั้นมาต่อกรกับพวกเราเป็นเจ้านี่เอง เจ้าใช้ยาดึงดูดให้พวกมันมาหาพวกข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อ “อืม… ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้โง่เขลามากเช่นนั้นนี่”
ศิษย์พี่สามกล่าวอย่างชั่วร้าย “เจ้าเองก็เป็นนักปรุงยาเช่นกัน วิชาฝึกสัตว์อสูรไม่มีประโยชน์ต่อเจ้า ขอเพียงมอบวิชาฝึกสัตว์อสูรให้ข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าเข้าสำนักเราและกลายเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาได้”
มู่เฉียนซีไม่สนใจ นางเพียงยิ้มเยาะ “ใครบอกเจ้าว่านักปรุงยาไม่สามารถเป็นผู้ฝึกสัตว์ได้ ?”
“มันเป็นไปไม่ได้ พลังสมาธิของทุกคนนั้นมีอยู่อย่างจำกัด เพียงเรียนวิชาการปรุงยาก็ถือว่าสิ้นเปลืองสมาธิมากพอแล้ว ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเรียนการปรุงยาและเรียนวิชาการฝึกสัตว์ไปพร้อมกันได้อย่างแน่นอน” มู่เฉียนซี “งี่เง่า! พวกเจ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะทำไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ศิษย์สำนักนิกายระดับสองอย่างเช่นพวกเจ้า แม้แต่พิษของข้าก็ยังต้านทานไม่ได้ ช่างอ่อนแอนัก”
“บัดซบ! พวกเราจะสู้ตายกับเจ้าแน่”
เมื่อตกลงกันไม่ได้ ศิษย์พี่สามก็เตรียมทุ่มสุดตัวเทหมดหน้าตักหมายใจจะจัดการกับมู่เฉียนซีให้ได้
“พลังตี้ซวน!”
มู่เฉียนซีโบกมือขึ้น จากนั้นก็บังเกิดพลังที่น่ากลัวพุ่งไปทางพวกเขา
เวลานี้พวกเขานั้นถูกวางยาจึงทำให้พลังที่พวกเขามีลดลงไปอย่างมาก น่าเศร้าที่พวกเขาไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อนางได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “รีบสู้รีบจบเร็วเข้าเถอะ ข้ารำคาญเต็มทนแล้ว เหอะ!”
“แค่ก ๆ ๆ”
พวกเขาโดนพิษที่ในเวลานี้เสมือนยิ่งทรมานพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันมู่เฉียนซีกับสัตว์พันธสัญญาของนางก็โจมตีอย่างดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักพวกคนจากหุบเขาหมอเทวดาก็หมดสิ้นซึ่งพลังในการต่อสู้
ศิษย์พี่สามกล่าวขึ้น “อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย… เจ้าจะให้ข้าทำอะไรข้ารับปากทั้งหมด ขอเพียงแค่ให้ข้ามีชีวิตรอด ขอเถิด…”
มู่เฉียนซีเดินไปหาเขาอย่างช้า ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ให้เจ้าทำอะไรก็ยอมหรือ ? ถ้าหากข้าบอกว่าให้เจ้ามอบม้วนไม้ไผ่ที่ระบุแผนที่ของหม้อเทพนิรันดร์มา เจ้าจะให้ข้าหรือไม่ล่ะ ?”
มู่เฉียนซีเอ่ยถึงแผนที่ม้วนไม้ไผ่ของหม้อเทพนิรันดร์ ทำให้ศิษย์พี่สามไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง
มู่เฉียนซีเห็นอีกฝ่ายอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จึงกล่าวว่า “เวลานี้ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของเจ้าก็ได้พากันไปอยู่ในนรกแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าอยากไปอยู่เป็นเพื่อนพวกนั้นหรือไม่ ?”
“อะไร ?! หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองถูกพิษของเจ้าเล่นงาน เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
ศิษย์พี่สามนั้นไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกถึงการตายของศิษย์พี่ทั้งสองเลย ทว่าการที่เขาถาม ก็เป็นเพราะว่าเขาหวั่นกลัวเป็นอย่างมาก
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ทั่วทั้งทวีปเซี่ยโจวนั้นมิอาจมีสิ่งใดเป็นอันตรายใดต่อพวกเขาได้ แล้วเหตุใดกัน ? เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองถึงได้มาโดนปรมาจารย์ภูตระดับห้ากระจอกงอกง่อยอย่างเจ้าหนุ่มผู้นี้ฆ่าสังหารไปได้
เจ้าหนุ่มผู้นี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวและใช้พิษเป็น นอกจากนั้นเขายังรู้เรื่องม้วนไม้ไผ่แผนที่หม้อเทพนิรันดร์อีก นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขาหมอเทวดาของพวกเขา
.