บทที่ 6 กดจุดตันเถียน[รีไรท์] EnjoyBook
บทที่ 6 กดจุดตันเถียน[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงแกะรอยตามอสูรเกราะเหล็กมาได้สักพัก
เมื่อเขาเดินมาได้มากกว่า 20 ลี้ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผืนดินสั่นสะเทือนและรู้สึกถึงการผันผวนของพลังวิญญาณในบริเวณด้านหน้า
“ไม่นะ มีคนกำลังโจมตีอสูรเกราะเหล็กอยู่!” หลิงตู้ฉิงร้อนใจรีบมุ่งหน้าวิ่งไปยังบริเวณที่พลังวิญญาณกำลังผันผวน
มันไม่ง่ายเลยสำหรับเขาที่จะเจอสัตว์เวทย์ที่ล้ำค่า แต่มันกำลังถูกใครบางคนแย่งไป เขาจะยอมรับได้อย่างไร? ถ้าเขาช้าเกินไป คนอื่นก็จะสังหารอสูรเกราะเหล็กได้ก่อนและเขาก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งใด ๆ และที่สำคัญในชีวิตนี้เขาไม่สามารถสังหารผู้อื่นเพื่อแย่งชิงสิ่งของได้เหมือนชาติที่แล้วโดยไร้เหตุผล เนื่องจากมันขัดกับเส้นทางของเต๋าแห่งอารมณ์ของเขา เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลิงตู้ฉิงจึงโคจรพลังวิญญาณของตนเองจนถึงขีดสุดและรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
จากระยะไกลหลิงตู้ฉิงตะโกน “อย่ากังวล ข้ามาช่วยแล้ว!”
เหตุผลที่เขารีบตะโกน เนื่องจากตามตรรกะของเขาแล้ว เมื่อสัตว์ตัวนี้ตายเขาสามารถอ้างได้ว่าเขานั้นเป็นผู้ช่วยสังหารเช่นกัน แม้ว่าคนผู้นั้นจะสังหารอสูรเกราะเหล็กสำเร็จ หลิงตู้ฉิงคิดว่าเขาก็ยังคงได้รับส่วนแบ่งอย่างน้อย 500 เหรียญทองเป็นอย่างต่ำ
ในระยะไกลเขาเห็นร่างเงาของคนผู้หนึ่งที่กำลังต่อสู้กับอสูรเกราะเหล็ก
เมื่อเงานั้นได้ยินเสียงตะโกน เงานั้นจู่ ๆ ก็สะดุ้งและกลับมามองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงของหลิงตู้ฉิง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันหน้าไป เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องในทันที
เขากำลังต่อสู้กับสัตว์เวทย์อยู่นี่!
เขารีบหันหลังกลับเพื่อเผชิญหน้ากับอสูรเกราะเหล็ก แต่เมื่อเขาหันกลับมาก็มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว!
อสูรเกราะเหล็กได้กระโจนเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาเรียบร้อย ในเวลาเดียวกันมันส่งหางที่ปลายของมันคมเหมือนหอกเหล็กพุ่งออกมาจากทิศทางใต้ท้องของมันเสียดแทงไปยังกลางลำตัวของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้ทันระวังตัว
เมื่อจวนตัวคนผู้นั้นก็ได้ยกกระบี่ขึ้นมาป้องกันการโจมตีจากหางอสูรเกราะเหล็ก ทำให้เจ้าของร่างรอดความตายมาอย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังไม่พ้นที่จะต้องบาดเจ็บสาหัสจากแรงกระแทกที่ปลายหางสัมผัสกับตัวกระบี่ ซึ่งส่งแรงสะท้อนมายังเจ้าของร่าง คนผู้นั้นไม่คิดว่าอสูรเกราะเหล็กมันจะส่งหางของมันออกมาจากทิศทางใต้ท้องของมัน เขากระอักเลือดกองโตและกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตรก่อนจะหมดสติไป
“นี่เขากลับเสียสมาธิได้ง่าย ๆ ในระหว่างสู้อย่างนั้นเหรอ? อ่อนหัดจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงพึมพำ
เขาลืมไปว่าเสียงตะโกนของเขาเองนั่นแหละที่ทำให้เจ้าของร่างนั้นหันกลับมา
“แต่ก็ดีนะที่เจ้าหมดสติไป ข้าจะสังหารอสูรเกราะเหล็กก่อนแล้วค่อยช่วยเจ้า และด้วยคุณธรรมที่ข้าช่วยเหลือ เจ้าก็จะไม่สามารถต่อสู้กับข้าเพื่อแย่งชิงรางวัลจากอสูรเกราะเหล็กได้แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงยังคงพึมพำ
ในเวลานี้เอง อสูรเกราะเหล็กเห็นเขาเข้าแล้วจึงได้พุ่งเข้าปะทะและพร้อมที่จะสังหารหลิงตู้ฉิงในทันที
เมื่อมองไปที่ดวงตาและปากที่เบิกกว้างของมัน หลิงตู้ฉิงก็พูดเบา ๆ “ถึงกระดองของเจ้าจะแข็งและผิวหนังของเจ้าเองก็ไม่อ่อนแอแต่จุดอ่อนของเจ้าก็เห็นได้ชัดเจนมาก! ตราบใดที่มีความแม่นยำและความเร็วที่เพียงพอ ด้วยขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้ง่ายเหมือนผลิกฝ่ามือ ต่อให้เจ้าจะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณก็ตาม! ดัชนีเปิดสวรรค์!”
ทักษะนี้เป็นทักษะเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงใช้กับเจิ้นสีชวง แต่ในเวลานี้ที่เขาใช้มัน การโจมตีของเขารวดเร็วกว่าในตอนนั้นมาก
ดัชนีเปิดสวรรค์ที่ชี้ไปนั้นพลังวิญญาณได้พุ่งผ่านกำแพงอากาศเข้าไปโจมตีดวงตาของอสูรเกราะเหล็กและเจาะทะลุผ่านสมองของมันอย่างรุนแรง
เท้าของอสูรเกราะเหล็กหยุดเคลื่อนไหวในทันที จากนั้นจึงไถลผ่านหลิงตู้ฉิงไปประมาณ 100 เมตรแล้วจึงหยุดลง
หลังจากเห็นว่าอสูรเกราะเหล็กตายแล้วหลิงตู้ฉิงก็ไปดูผู้ที่หมดสติว่าเป็นอะไรบ้าง
เขาเดินไปและก็ได้เห็นใบหน้าอันงดงาม
“หญิงสาวงั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วเขาดูตรวจสภาพของนาง เห็นว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ที่อกของนางมีก้อนพลังอุดตันอยู่ก้อนหนึ่ง ก้อนนั้นได้หยุดยั้งการไหลเวียนของพลังวิญญาณของนาง นางจึงไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ชั่วขณะนี้ หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เปิดเสื้อนอกของนางออก เอามือขวากดที่จุดตันเถียนของนางและส่งพลังวิญญาณเข้าไปภายในร่างของนาง เพื่อกระตุ้นเลือดในกายนาง
จากนั้นเขาจัดการกับการไหลเวียนของพลังวิญญาณที่กำลังยุ่งเหยิงของนางให้ไหลเวียนได้สงบเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณของนางที่ไหลเวียนอยู่เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ หลิงตู้ฉิงจึงเอามืออีกข้างเคลื่อนไหวไปตามหน้าอกของนางและใช้พลังวิญญาณกวาดเลือดเสียที่ยังตกค้างอยู่ภายในอกของนางให้กระอักออกมา
มือกระบี่สาวที่หมดสติกระอักเลือดพุ่งออกมาเต็มปาก และค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา
เมื่อฟื้นขึ้นมา นางก็พบว่ามีมือของใครบางคนอยู่ที่หน้าอกและท้องของตัวเอง
“เจ้าคนชั่ว!” นางฝืนร่างที่บาดเจ็บหนักลุกขึ้นยืน นางฝืนโคจรพลังวิญญาณของนางไปยังฝ่ามือทั้งสองข้าง และซัดฝ่ามือทั้งสองไปหาหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าฝ่ามือนี้รุนแรงพอดู เขาจึงรีบใช้ ‘สะบั้นวายุ’ ถอยร่นออกไปจากพลังวิญญาณของมือกระบี่สาว
“โอ้ หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลยแหะ ข้าช่วยรักษาเจ้า แต่เจ้ากลับพยายามจะสังหารข้า” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างไม่พอใจ “ถ้าเจ้าต้องเจอกับข้าในชาติก่อน ข้าคงไม่รักษาเจ้าและการแสดงออกในตอนนี้ของเจ้ามันคงทำให้ข้าฆ่าเจ้าไปแล้ว”
หลังจากปล่อยฝ่ามือออกไปแล้ว และชายตรงหน้ากลับหลบมันได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นางจึงรู้สึกตกตะลึง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลอมรวมลมปราณกลับหลบฝ่ามือของนางได้อย่างง่าย ๆ เนี่ยนะ?
เมื่อยืนโง่งมได้ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็รู้สึกตัวว่าเสื้อของนางยังไม่เรียบร้อย นางจึงรีบปิดหน้าอกของตัวเองแล้วนั่งลง นางสังเกตสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวนางไปด้วยพลางจัดเสื้อผ้า และเมื่อนางเห็นอสูรเกราะเหล็กที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและสังเกตจากสภาพของมัน นางก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบพูดอย่างเก้อเขิน “ข้าขอโทษ ข้าผิดต่อท่าน! ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
หลิงตู้ฉิงโบกมือ “มันไม่สำคัญหรอก ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้ทันทำร้ายข้า เรามาคุยเรื่องอสูรเกราะเหล็กกันดีกว่า แม้ว่ามันจะถูกเจ้าโจมตีเป็นคนแรก แต่ข้าเป็นคนสังหารมัน และช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าไว้ ดังนั้นข้าควรได้รับส่วนแบ่งในอสูรเกราะเหล็ก 70 เอ๊ะ 80 ไม่สิ 90 เปอร์เซ็นต์ เจ้าไม่มีปัญหาใช่ไหม แล้วว่าแต่เจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ?
จ้าวเหมิงลู่ตกตะลึง นางส่ายหัวโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับตอบ “ข้าชื่อ จ้าวเหมิงลู่”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลว เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 ระดับของเจ้ายังต่ำกว่าเจ้าอสูรเกราะเหล็กนี่เสียอีก แต่เจ้ายังกล้าสู้กับเจ้าสัตว์เวทย์ตัวนี้ นับได้ว่าความกล้าหาญของเจ้าช่างน่าชื่นชม แต่ข้อเสียที่สุดของเจ้าคือยังขาดประสบการณ์ต่อสู้อยู่อีกมาก จริงสิ เจ้าไม่ได้แตะต้องสัตว์เวทย์ตัวอื่นเลย เจ้าพยายามหาเฉพาะอสูรเกราะเหล็กด้วยเหตุผลบางอย่างหรือเปล่า?”
จ้าวเหมิงลู่ตอบด้วยความประหลาดใจ “ใช่ ข้ามีเหตุผลของข้า!”
หลิงตู้ฉิงถามต่อ “เจ้าอสูรเกราะเหล็กนี้มีราคาเท่าไหร่?”
“หากเป็นเมื่อก่อนอย่างน้อยที่สุดก็ 12,000 เหรียญทอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ราคาของกระดองมันในสภาพสมบูรณ์ขึ้นมาก ราคาเลยสูงมากตาม ฉะนั้นตอนนี้น่าจะประมาณ 15,000 เหรียญทอง” จ้าวเหมิงลู่ตอบอย่างซื่อสัตย์
หลิงตู้ฉิงยิ้มแล้วพยักหน้า “ข้าไม่ต้องการ 3,000 เหรียญทองที่เพิ่มมา เจ้าเอามาให้ข้า 12,000 เหรียญทอง แล้วอสูรเกราะเหล็กก็จะเป็นของเจ้า”
หลิงตู้ฉิงได้แต่นึกขอบคุณโชคชะตาของเขา ด้วยตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่เพียงแค่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณเท่านั้น และเขายังไม่มีแหวนมิติอีกต่างหาก มันคงลำบากอย่างมากหากเขาจะต้องแบกซากศพนี้ไปไหนมาไหนทั่วป่า มันเหมาะสมกว่าที่จะขายให้นางแล้วเอาเงินมา แล้วให้นางแบกกลับไปด้วยตัวเอง
จ้าวเหมิงลู่พยักหน้าแต่แล้วก็นึกขึ้นได้ “ช้าก่อน ท่านเป็นคนสังหารอสูรเกราะเหล็กตัวนี้งั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มแล้วตอบว่า “ข้าได้ขายมันให้เจ้าแล้ว นับจากนี้มันหมายความว่าเจ้าเป็นคนฆ่า”
“แต่…แต่ระดับการบ่มเพาะของท่านแค่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ท่านจะสังหารสัตว์เวทย์ที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณได้?” จ้าวเหมิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่สับสน
หลิงตู้ฉิงตอบอย่างจริงจัง “ระดับการบ่มเพาะไม่สามารถชี้วัดถึงความแข็งแกร่งไปได้ซะทั้งหมด! เอาล่ะ รีบเอาเงินมาให้ข้าได้แล้ว”
ด้วยเงินจำนวนกว่าหมื่นเหรียญทอง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของตระกูลหรือการฝึกอบรมของบุตรชายคนโตเงินจำนวนเท่านี้ก็เพียงพอใช้ได้ในระยะหนึ่งแล้ว
จ้าวเหมิงลู่ที่กำลังจะนำเหรียญทองออกมา พลันนึกขึ้นได้ว่านางเองก็ไม่ได้พกเหรียญจำนวนมากขนาดนั้นติดมากับตัวในแหวน นางจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าอับอาย “เอ่อ…คือตอนนี้ข้าไม่ได้พกเหรียญทองมาเป็นจำนวนมากถึงขนาดนั้น เหรียญทองส่วนใหญ่ของข้าอยู่ในธนาคาร…”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หน้าของจ้าวเหมิงลู่อย่างจนปัญญา
“ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอย่างไรดี?” จ้าวเหมิงลู่ที่กำลังรู้สึกลำบากใจอย่างมากจึงถามขึ้นมาอีกรอบ
อันที่จริงตอนนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องรองสำหรับนางมาก เนื่องจากนางเองมีเงินจ่ายให้กับหลิงตู้ฉิงอยู่แล้วเพียงแต่นางเองต้องไปเบิกออกมาก่อนจากธนาคาร แต่สิ่งที่นางกำลังสนใจมากที่สุดคือนางมัวแต่ครุ่นคิดว่าคนที่มีระดับลมปราณเพียงเท่านี้ จะสังหารสัตว์อสูรที่บ่มเพาะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณได้อย่างไร หลังจากนางครุ่นคิดมาสักพักก็คิดได้ว่าหลิงตู้ฉิงอาจจะใช้อาวุธวิเศษระดับสูงก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นคนที่มีระดับพลังเพียงเท่านี้จะไปสังหารสัตว์อสูรที่มีระดับขอบเขตประสานทะเลปราณได้เหรอ?
หลิงตู้ฉิงเกาหัวแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ไหม ทำไมเจ้าไม่มาที่เรือนข้าก่อน ข้าจะได้ช่วยเจ้ารักษาบาดแผลเจ้าให้ด้วย แต่สำหรับการรักษาเจ้าจะต้องจ่ายเงินให้ข้าเช่นกัน”
เมื่อจ้าวเหมิงลู่คิดว่าสามารถสรุปการตายของอสูรเกราะเหล็กที่ถูกสังหารด้วยน้ำมือของหลิงตู้ฉิงได้ในใจแล้ว จ้าวเหมิงลู่จึงรู้สึกปลอดโปร่งในใจขึ้นมาบ้าง นางจึงตอบหลิงตู้ฉิงว่า
“เท่าไหร่กันสำหรับค่ารักษาของท่าน?”
หลิงตู้ฉิงปฏิเสธที่จะให้คำตอบในตอนนี้จึงพูดว่า “เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันอีกทีหลังจากเห็นแผลของเจ้าแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องเก็บซากสัตว์อสูรนี่ก่อน แล้วเจ้าก็ตามข้ากลับไปที่เรือนของข้าในเมืองฟีนิกซ์”