บทที่ 252 ฉันจะต้องทำลายเขา!

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 252 ฉันจะต้องทำลายเขา!
จู่ๆ เส้นหมี่ก็คิดถึงเรื่องนี้

ทันใดนั้น สายตาเธอก็เปลี่ยนไป

มาร์ตินเห็นอยู่ด้านข้าง แปลกใจเล็กน้อย:“ยัยโง่ เธอเป็นอะไรไป?ทำไมสีหน้าถึงดูแย่แบบนี้?”

เส้นหมี่อ้าปาก

อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้าย ก็ได้แต่อดกลั้นความไม่สบายใจในใจแล้วถามไปก่อนว่า:“ไม่ได้เป็นไร งั้นต่อไปคุณจะทำอย่างไร?ถ้าเธอไม่ยอมรับ ก็น่าจะไม่มีวิธีทางชำระล้างความไม่เป็นธรรมให้ตระกูลโรแกนได้”

มาร์ตินพยักหน้าทันที:“ถูกต้อง ดังนั้นผมจึงคิดว่าจะไปหาหลักฐานที่เธอกับหมอคนนั้นสมรู้ร่วมคิด”

“หาอย่างไร?”

“ผมหามาบ้างแล้ว พรุ่งนี้พวกเราตระกูลสิริศรจะจัดงานแต่ง คุณนายวิไลเป็นเพื่อนรักของสุขาวดีพอดี เธอน่าจะมา ถึงตอนนั้นผมเจอเธอแล้ว ขโมยโทรศัพท์ของเธอ น่าจะหาหลักฐานออกมาไม่ยาก”

มาร์ตินพูดแผนของตัวเองออกมา

นี่เป็นวิธีหนึ่งจริงๆ ตอนนี้เป็นยุคของเทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว สิ่งของอย่างโทรศัพท์นี้ ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ที่สุดในชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว การติดต่อสื่อสาร ความบันเทิง สังคม ……เป็นต้น

แม้แต่การหมุนเวียนของเงิน ก็กลายเป็นการทำงานหลักของมันไปแล้ว

ดังนั้น มาร์ตินพูดไม่ผิดเลยสักนิด แค่ได้โทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้นมา ก็หาหลักฐานของเธอมาไม่ยากแล้ว ถึงลึกแค่ไหน ก็มีโอกาสขุดออกมาได้

เส้นหมี่เห็นด้วยกับความคิดของเขา

ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเธอก็ตามไปกับเขาไม่ดีกว่าหรือ?

แน่นอนว่า เธอไม่ได้จะไปหาหลักฐาน

ที่เธออยากรู้มากกว่านั้นคือ จิตแพทย์ที่สะกดจิตเธอคนนั้น เป็นผู้หญิงคนนี้เอาความลับนั้นไปบอกเขาหรือไม่?นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุด

——

ทั้งบ่ายวันนั้นแสนรักอยู่แต่ที่โรงแรมเรสตันที่อยู่ภายใต้หิรัญชากรุ๊ป

ก่อนที่บริษัทใกล้จะถึงตอนท้าย ถึงวันหยุด ก็ต้องปลอบใจพวกความคิดล้าสมัยพวกนั้น

“ประธาน เมื่อกี๊ทางบุลการีส่งข่าวมา ถึงแม้สุขาวดีจะโกรธมากที่พวกเราทุบตีหลานสาวเธออย่างแรงแล้วยังโยนทิ้ง แต่เธอก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ”

ตอนที่แสนรักกำลังนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอันหรูหรา ฟังคนล้าสมัยเหล่านั้นพูดคุยกันอย่างน่าเบื่อ จู่ๆ ผู้ช่วยเคมีก็เข้ามา กระซิบข้างหูเขา

ยังไม่เคลื่อนไหว?

ดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว ใบหน้าของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและสูงส่งที่เมาเล็กน้อย ได้ยินประโยคนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย:“งั้นก็จับตาดูต่อไป ไม่ใช่แค่จับจ้องคนของเธอ แต่อุปกรณ์สื่อสารของเธอ รวมทั้งที่อยู่ IP จำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงเล็กน้อยก็อย่าปล่อยไป!”

“ครับ ประธาน!”

เคมีได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อท่วมไปทั่วตัว

ที่จริงเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก ทำไมประธานต้องทำขนาดนี้?ในเมื่อสืบเรื่องทางตระกูลโรแกนได้แล้วว่า เป็นสุขาวดีที่สมรู้ร่วมคิดกับจารุณี

งั้น ทำไมเขาไม่จับเธอไปเลยล่ะ?

แต่มาเฝ้าคนแบบนี้ เขาจะทำอะไร?หรือว่า เขาอยาก เขาอยากจับอะไรได้จากเธอหรือ?

เคมียิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ

ไม่ใช่อะไรหรอก แต่สุขาวดีเป็นน้าของแป้งร่ำ ส่วนแป้งร่ำ เป็นคู่หมั้นของประธานไม่ใช่หรือ?

ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

เคมีไปจัดการเรื่องคน

ในสวนบุลการี

สองคนน้าหลานสุขาวดีที่ตอนนี้อยู่บ้าน ก็ยิ่งไม่เข้าใจ กับการปฏิบัติการของแสนรัก

“เขาบ้าหรือเปล่า?ทุบตีแกจนเป็นแบบนี้?ถึงแกไปหาถึงบ้านโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา เขาก็ไม่อาจลงมือโหดแบบนี้กับแกได้หรอก?แกเป็นคู่หมั้นเขาเชียวนะ!!”

สุขาวดีมองหลานสาวที่ถูกตีจนจมูกเขียวหน้าบวมนอนอยู่บนเตียงคลายออกมาไม่ได้ เธอก็รู้สึกโกรธมากในบ้านหลังนั้น

แต่แป้งร่ำกลับได้แต่นอนน้ำตาไหลบนเตียง เธอเสียใจจนยากที่จะพูดออกมา

สุขาวดีเห็น ก็ยิ่งโกรธหนัก:“แกก็นะ อยู่ดีๆ แกจะไปตึกวังฬาหนึ่งทำไม?แกคิดว่าดีกับตาแก่แล้ว จะเข้าไปได้อย่างสูงส่งไม่แคร์อะไรได้หรือไง?”

“ไม่……ใช่!”ในที่สุดแป้งร่ำก็ร้องออกมาอย่างแหบแห้ง

“ไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ แต่เป็น……เป็นเพราะยัยสารเลวนั่น!ในที่สุดมันก็ล่อลวงเขาไปได้ ยัยสารเลวนี่ ฉันจะฆ่ามันให้ได้ ฆ่ามัน!!”

เธอกรีดร้องเหมือนผี เสียงแหบแห้ง

สุขาวดีขมวดคิ้ว

เส้นหมี่อีกแล้ว?

เธอได้ยินชื่อนี้ แทบจะปวดหัวเหมือนการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไขแล้ว

เพราะว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนตัวซวยจริงๆ ตั้งแต่เธอกลับมา ก็มักจะปรากฏตรงหน้าพวกเธอน้าหลานเสมอ และทุกครั้งก็ไม่ใช่ข่าวดี

สุขาวดีก็ยิ่งหงุดหงิด:“แกจะฆ่ามัน?ครั้งที่แล้ววางแผนใหญ่โตขนาดนั้น ก็ยังฆ่ามันไม่ได้ แกยังจะคิดฆ่า?”

“ทำไมฉันจะฆ่าไม่ได้?ฉันบอกอะไรให้ ครั้งนี้ ฉันไม่ใช่แค่จะฆ่าเธอ ฉันจะทำลายผู้ชายคนนั้นไปด้วย ของที่ฉันไม่ได้มา คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้!”

ทันใดนั้น ใบหน้าที่เหยเกของเธอ ก็มีความแค้นและอาฆาตอย่างรุนแรงออกมา

สุขาวดีตะลึง:“แกจะทำลายอย่างไร?แกจะทำอะไร?”

แป้งร่ำหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม:“ฉันจะกระจายความลับนั้นออกไป จะทำให้ผู้ชายคนนั้นมีชื่อเสียงป่นปี้ ให้เขาไม่มีที่ยืนในหิรัญชากรุ๊ปอีกต่อไป แล้วเขาก็จะพังทลายลงโดยสมบูรณ์!”

เธอเหมือนคนบ้าแล้วจริงๆ แม้แต่ความคิดแบบนี้ก็คิดออกมาได้

สีหน้าสุขาวดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้องหลานสาวที่เสียสติไป เธอด่าว่า:“แกบ้าไปแล้วหรือ?แกจะทำร้ายเขา แบบนั้นพวกเราก็จะไม่เหลืออะไร”