แดนนิรมิตเทพ บทที่ 413
อู่โจว ภายในคฤหาสน์ริมทะเลสาบกลับคืนรัง

ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ภายใต้การทำงานของค่ายกลรวมพลังทิพย์ ทำให้พลังชี่ทิพย์ทั่วเนินเขาวิหคจอดและทะเลสาบกลับคืนรัง มีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยเท่าแล้ว

ภายนอกเป็นใบไม้เหี่ยวแห้ง แต่เนินเขาวิหคจอดกลับเขียวขจีสดใส

รอบข้างคฤหาสน์ที่เฉินโม่พักอาศัย เมื่อถึงเวลาค่ำคืนก็มักจะเต็มไปด้วยหมอก พวกนั้นไม่ใช่หมอกธรรมดา แต่เป็นพลังชี่ทิพย์ฟ้าดินที่เข้มข้น

พลังของเฉินซงจื่อ ได้มั่นคงอยู่ในระดับปรมาจารย์แดนชี่แท้แล้ว และกำลังเริ่มเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แดนคุ้มกาย

พลังบำเพ็ญของเอียนชิงเฉิง ก็ได้มีวี่แววการเข้าสู่แดนในชั้นสมบูรณ์บ้างแล้ว สมแล้วที่เป็นสายเลือดลับหงส์ฟ้าที่แม้แต่เฉินโม่ก็อิจฉา ความรวดเร็วในการฝึกฝนนั้นเร็วจนน่าตกใจ!

ซังซังเองก็ได้บรรลุเข้าสู่แดนในชั้นสูงสุดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดวิชาการฝึกฝน ซังซังเองก็สามารถขึ้นเป็นปรมาจารย์แดนแปรภาพได้เช่นกัน

บนดาดฟ้า เฉินโม่ลืมตาขึ้น โบกมือหนึ่งครั้ง หมอกอ่อนๆรอบด้านก็ได้เปลี่ยนเป็นเหมือนแสงสว่าง แล้วมารวมตัวกันอยู่ในมือของเฉินโม่ แปรภาพเป็นแอ่งน้ำที่เกาะตัวอยู่ในอากาศ

เฉินโม่หยิบเอาขวดแก้วมารวบรวมไว้ จากนั้นก็กระโดดลงด้านล่าง

ในห้องรับแขก เฉินโม่เรียกเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซังมารวมตัว ทั้งสามคนยืนตรงด้วยความเคารพ ยิ่งติดตามเฉินโม่นานเท่าไหร่ ทั้งสามคนก็ยิ่งเคารพหวาดกลัวเฉินโม่มากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะค่ายกาลรวมพลังทิพย์แห่งนี้ แทบจะสามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดินได้แล้ว ถือเป็นวิธีการที่ท่านเซียนถึงจะสามารถมีได้

“นั่งลงเถอะ” เฉินโม่พูดนิ่งๆ

ทั้งสามคนสบตากัน แล้วถึงได้นั่งลงตัวตรง จ้องมองเฉินโม่โดยไม่กล้าหายใจแรงสักนิด รอคอยให้เฉินโม่ออกคำสั่ง

“ไม่ต้องประหม่าขนาดนั้น เรียกพวกเธอมาเพื่อดื่มน้ำชา” เฉินโม่เหลือบมองทุกคน แล้วพูดอย่างเรียบเฉย ยกกาน้ำชาขึ้น แล้วเทใส่แก้วให้กับทุกคน

ทั้งสามคนตื่นตระหนกกับความดีที่ได้รับ จึงรีบยืนขึ้นกล่าวขอบคุณ

เฉินโม่เองก็ขี้เกียจห้ามทั้งสามคน เขารู้ว่าทั้งสามคนนี้ตกใจกับสิ่งที่เขาแสดงออกมาให้เห็น ถ้าหากยังให้ทั้งสามคนทำตัวกับเขาเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นไปไม่ได้

“ดื่มชาสิ” เฉินโม่พูดจบ ตัวเองก็ดื่มก่อนหนึ่งคำ หลับตาลง ค่อยๆชิมรสชาติ เหมือนว่าดื่มด่ำไปกับความหอมของกลิ่นชา

พวกเฉินซงจื่อทั้งสามคนรอให้เฉินโม่ดื่มหมด แล้วถึงได้กล้าหยิบแก้วชาขึ้นดื่ม จิบหนึ่งคำเล็กน้อย

ทันใดนั้น ทั้งสามคนก็อึ้งไป!

น้ำชานี้ดื่มเข้าไปแล้วละลายเลย ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้กลืน มันก็ละลายกลายเป็นพลังทิพย์แทรกแซงเข้าสู่ทุกส่วนในร่างกายของพวกเขา

ชาคำนี้ เพียงพอที่จะสามารถทดแทนได้กับการฝึกฝนแสนลำบากทั้งวันของพวกเขา

พวกเฉินซงจื่อทั้งสามคนเหมือนได้รับสิ่งล้ำค่า แล้วดื่มน้ำชาในแก้วจนหมดในคำเดียว จากนั้นก็หลับตาลงฝึกฝน

เฉินโม่มองทั้งสามคนนิ่งๆ ไม่รบกวน แล้วค่อยๆดื่มน้ำชาต่อไป

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเฉินโม่ก็สั่นขึ้นมา ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นว่าหน้าจอแสดงชื่อผู้โทรมาคือชื่อเวินฉิง เฉินโม่จึงรับสายทันที

น้ำเสียงของเวินฉิงมีความร้อนรน “เสี่ยวโม่ ที่พวกเราเจอปัญหานิดหน่อย ถ้าหากนายมีเวลา ทางที่ดีขอให้เดินทางมาเองสักหน่อยนะ”

“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินโม่ถาม

เวินฉิงสรุปปัญหาที่เหม่ยหวากรุ๊ปพบเจอในช่วงนี้ให้กับเฉินโม่ฟังอย่างคร่าวๆ

เมื่อฟังจบแล้ว สิ่งแรกที่เฉินโม่คิดได้คือ เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทางธุรกิจเท่านั้น ถ้าหากว่าวัตถุดิบสมุนไพรในอาหารพวกนั้นเป็นของจริง ภายในนี้จะต้องมีคนจากโลกฝึกบู๊ร่วมมืออยู่ด้วยแน่นอน

“พี่เวินฉิง พี่บอกกับแม่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทางด้านธุรกิจเท่านั้น พวกพี่อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม รอผมไปถึง” เฉินโม่พูดเตือน

“อื้อ ฉันรู้แล้ว”

แล้วพูดเตือนอีกไม่กี่คำ เฉินโม่ก็วางสายไป

มองดูทั้งสามคนที่ยังไม่ตื่นขึ้นมา เฉินโม่จึงจากไปด้วยตัวคนเดียว มุ่งหน้าสู่ฮ่านหยาง

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเฉินซงจื่อทั้งสามคนถึงได้สิ้นสุดการฝึกฝน พลังชี่ทิพย์ในร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้น

เห็นว่าเฉินโม่จากไปแล้ว ทั้งสามคนหันมองหน้ากัน