ทันทีที่ชูฮันพูดจบ ทั้งจางโบฮั่น หลูปิงเซ่อและเฟิงจื่อจือต่างช็อคทันที สายตาทั้ง 3 คู่จับจ้องมาที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจอย่างมาก คนอื่นๆที่เหลือก็ตกใจไปครู่หนึ่งเช่นกัน

 

พรสวรรค์ 3 คน?

 

เฟิงจื่อจือและจางโบฮั่นเป็นคนที่ประหลาดใจมากที่สุด พวกเขาไม่คิดว่าชูฮันจะดูออกว่าพวกเขาเป็นพรสวรรค์ด้วยแค่การมอง…นี่มันไม่ใช่สายตาที่คนทั่วไปจะมีได้

 

เสี่ยวเคินที่ก่อนหน้านี้สงสัยและข้องใจกับการตัดสินใจของชูฮัน ทว่าเมื่อได้ยินว่าจางโบฮั่นที่แท้จริงเป็นพรสวรรค์ ความสงสัยทั้งหมดของเขาก็หายไปทันที เขามองไม่ออกจริงๆว่าเจ้าของร้านที่เห็นแก่เงินคนนี้จะเป็นถึงพรสวรรค์

 

เฟิงจื่อจือและจางโบฮั่นมองหน้ากันและกันและมีสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา สายตาของทั้งคู่เป็นประกายระยิบระยิบ ขณะคิด…ครั้งนี้ พวกเขาเจอคนมีฝีมือเข้าจริงๆแล้ว!

 

ชูฮันไม่ได้สนใจสายตาเปล่งประกายของทั้งสองคนนั้น เขายังคงพูดต่อ “ถ้าไม่มีใครคัดค้าน งั้นทีมของหลูปิงเซ่อออกไปรอข้างนอกก่อน ส่วนทีมของเสี่ยวเคินให้อยู่ที่นี้”

 

การแข่งขันของทั้งสองทีมได้เริ่มขึ้นแล้ว!

 

หลูปิงเซ่อพาทีมของเขาออกไปรอข้างนอกพร้อมกับเจิ้งเทียนอี้  เนื่องจากชูฮันได้แบ่งพวกเขาออกเป็น 2 กลุ่ม เพราะฉะนั้นแต่ละทีมก็จะมีความคิดและวิธีการเป็นของตัวเองต่างกันไป

 

หลังจากประตูปิดลง จำนวนผู้คนในร้านของจางโบฮั่นก็หายไปเกือบครึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ในทีมของเสี่ยวเคินต่างยืนกันอย่างวิตกกังวล รวมถึงจางโบฮั่นที่ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีท่าทางปฏิกิริยาอะไร ทว่าในตอนนี้เธอกลับกลืนน้ำลายอึก ไม่มีใครรู้สาเหตุที่ชูฮันให้พวกเขาอยู่ก่อน

 

“เอาล่ะ ตั้งชื่อทีมของพวกนายสิ” อย่างไม่คาดคิด ประโยคแรกของชูฮันกลับกลายเป็นแบบนี้

 

ทุกคนต่างมึนงง

 

“ครับ…ชื่อ?” เสี่ยวเคินตะลึง

 

“ทีมต้องมีชื่อเพื่อจะสร้างความเหนียวแน่นกลมเกลียว” รอยยิ้มของชูฮันดูไม่ได้แยแสอะไร “เสี่ยวเคิน…นายเป็นหัวหน้าทีม อันดับแรกพวกนายควรพูดคุยถึงข้อได้เปรียบและเสียเปรียบของทีมก่อน”

 

เสี่ยวเคินพยักหน้ามองไปที่สมาชิกในทีมของเขาที่ล้อมกันเป็นวงกลมอยู่ คนส่วนใหญ่ยืนนิ่งพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาไม่ใช่คนฉลาดแต่พวกเขารู้จักความสามารถของตัวเองดี หลังจากพูดคุยกับเสี่ยวเคิน พวกเขาก็หันไปบอกชูฮัน “พวกเราด้อยกว่าทีมของหลูปิงเซ่อ เราขาดความคล่องแคล่ว ไม่มีรู้การเปลี่ยนแปลง ข้อได้เปรียบและแผนการที่มั่นคง”

 

หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เป็นครั้งแรกที่พวกเขาแบ่งกันออกเป็น 2 กลุ่มเดินทางออกไปนอกหมู่บ้านแถมยังใช้คนละเส้นทาง

พวกเขาทั้งหมดต่างดิ้นรนเพื่อที่จะได้คริสตัลจำนวนเยอะกว่า ทว่าหนทางของการกระทำนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

มั่นคงและมั่นคง…คาดว่ามันอาจจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างเดียวที่ทีมนี้มี

 

ชูฮันเหลือบตาไปมองจางโบฮั่น จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ฉันจะแนะนำให้ ไม่จำเป็นต้องคล่องแคล่วแต่ให้เน้นไปที่ความมั่นคง พวกนายสามารถพัฒนาความเร็วและประสิทธิภาพและความเหนียวแน่นของทีมได้”

ไม่มีใครพูด ทุกคนร่างรอคอยฟังคำพูดต่อไปของชูฮันอย่างเงียบๆ

 

“อย่าทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ให้ทำแค่เรื่องเดียวที่กลุ่มของหลูปิงเซ่อทำไม่ได้ให้ดี อย่างแรกคือความมุ่งมั่นอุตสาหะและอีกอย่างก็คือการป้องกันตัว” ชูฮันยกนิ้วขึ้นมา 2 นิ้ว จากนั้นก็ถาม “แล้วถ้ากุ้งเสือดำล่ะ?”

 

“กุ้งเสือดำ” เสี่ยวเคินนิ่ง “ชื่อทีม?”

 

“ใช่ กุ้งเสือดำ” รอยยิ้มในดวงตาของชูฮันดูมีอะไรแปลกๆซ่อนอยู่ “ทีมของพวกนายจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและการทำงานเป็นทีม ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้และฆ่าในที่มืด ความหมายคือซื่อสัตย์…ว่าไง?”

 

เสี่ยวเคินเข้าใจเพียงแค่ความหมายพื้นๆที่ชูฮันอธิบาย ทว่าเขาสัมผัสได้ว่ามันมีบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูดของชูฮัน เขารู้สึกว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาประมวลคำพูดของชูฮันอีกที

 

“มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งให้เร็วกว่าทีมของหลูปิงเซ่อ” ชูฮันเคาะนิ้วเขาลงที่โต๊ะ จากนั้นก็ยิ้ม “กุ้งเสือดำ ไปกัน ไปดูเมืองอันลูในอนาคต”

 

“ไป!” ทันใดนั้นเสี่ยวเคินก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขัดๆอยู่ในอก ในคำพูดของชูฮันมันทำให้เสี่ยวเคินรู้สึกแปลกๆ ทีมกุ้งเสือดำมีความหมายอื่นอะไรซ่อนอยู่สำหรับชูฮัน?

 

“คำถามสุดท้าย” จู่ๆจางโบฮั่นก็พูดขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังจะออกเดินหน้า สายตาของทุกคนที่มามองเต็มไปด้วยความสงสัย “ตลอด 3 เดือน พวกอุปกรณ์ทั้งหมดและสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันและที่พักบนถนน ทุกอย่างพวกเราต้องหาทางจัดการเองใช่มั้ย?”

 

“ถูกต้อง” ชูฮันพยักหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูราวกับหมาจิ้งจอก “ฉันเชื่อว่าพวกนายจะหาทางได้”

 

“เข้าใจแล้ว” จางโบฮั่นตอบรับจากนั้นก็เปิดประตูพร้อมกับสมาชิกในมกุ้งเสือดำที่เดินออกไปทันที

 

ด้านนอกร้านอาหาร หลูปิงเซ่อมองไปที่อีกทีมที่กำลังเดินออกมาจากร้าน กลุ่มของหลูปิงเซ่อก็รีบไปยืนขวางทางทีมของเสี่ยวเคินทันที ทีมของเสี่ยวเคินแทบอยากจะประจันหน้ากับอีกฝ่าย ทว่ามีเพียงเสี่ยวเคินคนเดียวที่ห้ามไว้ คนอื่นๆอาจจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของชูฮัน แต่เสี่ยวเคินเป็นคนที่ได้คิดไตร่ตรองมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากมันคือกุ้งเสือดำที่มีความคมเฉียบและสัญชาตญาณนักฆ่าแฝงที่อยู่ในเงาของกลุ่ม ต่อจากนี้ไปกุ้งเสือดำจะหลายเป็นจิตวิญญาณของทีม

 

“หลูปิงเซ่อ เจอกันอีก 3เดือน” เสี่ยวเคินพูดทิ้งท้ายไว้แค่ประโยคเดียวก่อนจะออกเดินทางจากไปทันที

 

“ฉันจะรอ” หลูปิงเซ่อมีสีหน้าอึมครึม รู้สึกสงสัยอย่างมากกับคำพูดของชูฮัน ชูฮันพูดอะไรถึงทำให้คนพวกนี้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้? ไม่สนใจการยั่วยุของเขาเลยสักนิด?

 

ไม่อยากจะเชื่อ!

 

“เข้ามาได้” เสียงของชูฮันดังมาจากข้างในร้าน

 

หลูปิงเซ่อรีบพาทีมของเขาเข้าไป ไม่เพียงแค่วิวัฒนาการในกลุ่มของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฟิงจื่อจือด้วย

 

เมื่อประตูปิดลง ทุกคนก็ยืนนิ่งสงบอยู่ต่อหน้าชูฮัน ทีมนี้ค่อนข้างแตกต่างจากทีมกุ้งเสือดำอย่างเห็นได้ชัด ทีมกุ้งเสือดำจะยืนต่อหน้าชูฮันอย่างเคารพก่อนที่ชูฮันจะเอ่ยปากพูด และเมื่อหัวหน้าเสี่ยวเคินพูดจะไม่มีใครพูดแทรกขึ้นมา ทุกคนต่างรับฟังกันและกันอย่างจริงจัง

 

ทว่า ทีมของหลูปิงเซ่อกลับเหมือนกับผงทราย บางคนยืนเฉยๆ บางคนก็ยืนเอนตัวผิงผนัง ความคล่องแคล่งก็คือความคล่องแคล่ว แต่นี้มันคือไม่ตั้งใจหรือไม่มีกฏเกณฑ์

 

“คนกลุ่มนี้ไม่มีทางทำสำเร็จ” หวังไคถอนหายใจ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงเลือกพูดกับทีมกุ้งเสือดำก่อน เพราะกลุ่มนี้มันวุ่นวายแบบนี้นี่!”

 

“มันไม่ขนาดนั้นหรอก” หลังจากชูฮันพูดประโยคนั้นออกมา มันก็ไม่มีคำอธิบายอะไรจากเขาอีก กลับกันจู่ๆชูฮันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาและนั่งลงกับพื้นแทน

 

การกระทำของชูฮันทำให้หลายคนตกใจจนอ้าปากค้าง แม้แต่หลูปิงเซ่อก็รีบตั้งท่าป้องกันขึ้นมาทันที ขณะที่วิวัฒนาการคนอื่นก็ทำตัวไม่ถตูก ได้แต่กระโดดหลบหนีกันไปมา

 

ทุกคนต่างกลัวชูฮันกันหมด

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชูฮันหัวเราะ จากนั้นก็ตบมือลงที่พื้นข้างๆเขา “มาสิ นั่งๆ”

 

ทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจพลางค่อยๆเขยิบตัวเข้ามาหาชูฮันอย่างระมัดระวังจนเกิดเป็นวงล้อมรอบชูฮัน แต่ละคนมีท่านั่งแตกต่างกันไป แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป ทุกอย่างกระจัดกระจายไปหมด

 

“หลูปิงเซ่อ นายเป็นหัวหน้าของทีมนี้ เริ่มโดยการพูดถึงข้อได้เปรียบและเสียเปรียบของสมาชิกในทีมสิ”  ชูฮันพูดอย่างเดียวกับที่เขาพูดกับทีมก่อนหน้านี้

 

หลูปิงเซ่อมองไปที่ชูฮันด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อตัวเขานั่งถัดไปจากเด็กชาย 5 ขวบที่กำลังอมอมยิ้มอยู่ การเผชิญหน้ากับทีมของเสี่ยวเคินด้านนอกร้านก่อนหน้านี้ทำให้หลูปิงเซ่อพอจะมองเห็นความแตกต่าง ความจริงแล้วหลูปิงเซ่อค่อนข้างจะเข้าใจได้กระจ่างแล้วว่าตอนนี้ทีมของเขามีปัญหาใหญ่แล้ว!