เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1159 การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ

แปลโดย iPAT

หลายวันต่อมา ฟางหยวนรอให้ผู้อมตะฮวาตี้มาถึง

“พบร่องรอยของสายธารแห่งกาลเวลาในที่สุด!” ผู้อมตะฮวาตี้ตรวจสอบและรู้สึกดีใจมาก ด้วยเบาะแสนี้นางจะสามารถค้นหาเบาะแสต่อไป

“ชูอิง พวกเราทำให้ท่านลำบากจริงๆ ผู้ใดจะคิดว่าท่านจะพบสายธารแห่งกาลเวลาที่นี่ เราค้นหามานานหลายสิบปีแต่ไม่เคยพบเบาะแสใดๆที่เป็นประโยชน์” ผู้อมตะฮวาตี้รู้สึกตื่นเต้นมากและต้องการติดต่อเมี่ยวหมิงเฉินทันที

“เชิญค้นหาเบาะแสต่อไป ข้าไม่ต้องการค่าตอบแทนใดๆ ข้าหวังเพียงว่าข้าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากท่านเมี่ยวหมิงเฉินในอนาคต ขอตัวก่อน”

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความเข้าใจและใจกว้าง นี่ทำให้ผู้อมตะฮวาตี้รู้สึกประทับใจในตัวเขา

ก่อนออกเดินทาง นางเตือนอีกครั้ง “ระวังปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีด้วย เขาปรากฏตัวขึ้นไม่นานมานี้และต่อสู้กับกลุ่มของเจาลี่ หากท่านพบพวกเขา ท่านควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

“ขอบคุณเทพธิดา ข้าจะจดจำคำแนะนำของท่านเอาไว้” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความสำนึกขอบคุณ

แน่นอนว่าผู้อมตะฮวาตี้ย่อมไม่คิดว่าคนที่นางเอ่ยปากเตือนจะเป็นฆาตกรที่สังหารติงฉี เจาลี่ ถังซ่ง และผู้อมตะคนอื่นๆ แต่ในทะเลไหลเชี่ยว หากกลุ่มคนเหล่านี้จะสูญหายไป มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ครึ่งเดือนต่อมา

ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ในการเดินทางสู่ทะเลตะวันออกครั้งนี้แม้เขาจะไม่บรรลุเป้าหมายแต่เขาก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย

ในห้องลับของเมืองเมฆา ฟางหยวนนั่งปิดเปลือกตาและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

มิติช่องว่างจักรพรรดิเปลี่ยนแปลงไปมาก ในอดีตมันทั้งแห้งแล้งและว่างเปล่า แต่ตอนนี้มันมีทรัพยากรอยู่มากมาย โดยรวมแล้วมันไม่ว่างเปล่าและดูรกร้างอีกต่อไป

ในความเป็นจริงทรัพยากรทั้งหมดที่ฟางหยวนรวบรวมมาได้ไม่สามารถเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป

แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่โตเกินไป หลังจากวางทรัพยากรเหล่านี้ มันยังเหลือที่ว่างอีกมาก

พื้นที่ครึ่งหนึ่งของภาคเหนือน้อยปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ ฟางหยวนวางสัตว์อสูรเดียวดายไว้ที่นี่สองสามตัวเช่นแกะเขาเดี่ยวและหมาป่าครีบฉลาม

ภาคตะวันตกน้อยมีอสรพิษเพลิงเดียวดายอยู่สิบเอ็ดตัว เนื่องจากเวลาของมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินเร็วมาก ฝูงอสรพิษเพลิงจึงเติบโตและขยายเผ่าพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

ภาคตะวันออกน้อยมีทะเลสาบหลายแห่ง มีฝูงปลามังกร ปลาฟองอากาศ ปลาคาร์พศิลปิน และอื่นๆอยู่ที่นี่ ทรัพยากรส่วนใหญ่ที่ฟางหยวนได้รับมาจากการสังหารผู้อมตะของทะเลตะวันออกถูกวางไว้ที่นี่เช่นกัน แม้พวกมันจะไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่ด้วยปริมาณ มันจึงทำให้พื้นที่บริเวณนี้พัฒนาไปมาก

ภาคกลางน้อยมีป่าต้นหลิวกระจกที่ฟางหยวนนำมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู นอกจากนี้ยังมีป่าเห็ดหลินจือโลหิตขนาดใหญ่อยู่ใต้ดิน

ภาคใต้น้อยถือเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ทรัพยากส่วนใหญ่มาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

อย่างไรก็ตามภาคใต้น้อยยังไม่เต็ม

ที่นี่มีป่าต้นไม้ดนตรี แม่น้ำชา วิหคปราณมรณะ

มีภูเขานับร้อยลูก ท่ามกลางภูเขาเหล่านี้ภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขาแสงห้าสี ตามมาด้วยภูเขามรดกอมตะ

ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของภาคใต้น้อยคือฝูงแมงมุมหน้าคนที่เติบโตขึ้นหลายเท่าจากก่อนหน้า

นอกจากห้าภูมิภาคยังมีเก้าสวรรค์

บนสวรรค์สีส้มน้อยมีแสงแรกกำเนิด พวกมันเป็นผลผลิตจากผลไม้ธารแสง

บนสวรรค์สีเหลืองน้อยมีแม่น้ำทองคำ มันไม่ใหญ่โตแต่ยังดีกว่าไม่มีสิ่งใด

บนสวรรค์สีฟ้าน้อยมีหมอกสีฟ้าที่เกิดจากเม็ดยาสีฟ้า มันยังมีสระน้ำที่ใช้เก็บคริสตัลสวรรค์

บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย มีกลุ่มเมฆหมอกลอยอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวและป่าไผ่ลูกศร มันเป็นสถานที่ผลิตวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งดวงดาวให้กับฟางหยวน นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลสุนัขดาวตกเพลิงวัยเยาว์จากไท่ชิวอาศัยอยู่ที่นี่

บนสวรรค์สีม่วงน้อย รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ถูกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกินไปหมดแล้วและเหลือเพียงไข่อินทรีย์ทิ้งไว้เบื้องหลัง มีคริสตัลสวรรค์ที่ฟางหยวนใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บไว้เล็กน้อย

บนสวรรค์สีดำน้อยมีต้นไม้กินเนื้ออาศัยอยู่

บนสวรรค์สีขาวน้อยมีสุนัขสวรรค์สามตัวและฝูงสุนัขอินทรีย์อีกจำนวนหนึ่ง มันยังมีทุ่งจักรพรรดิบุปผาหลากสีที่ช่วยพัฒนาระบบนิเวศ เนื่องจากก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสงมาบ้าง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงในมิติช่องว่างจักรพรรดิจึงเพิ่มสูงขึ้นและทำให้ที่นี่สว่างไสวมากขึ้น

“โชคไม่ดีที่ข้าไม่สามารถนำเมืองจิ๋วเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ”

ฟางหยวนรู้สึกเสียดายมาก

แม้เมืองจิ๋วจะเสียหายอย่างหนัก แต่ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเพื่อฟื้นฟูมัน

อาคารบ้านเรือนอาจไม่สามารถซ่อมแซมแต่ภูเขาน้อยสามารถกู้คืนได้อย่างแน่นอน

ภูเขาน้อยในตำนานถูกทำลายไปพร้อมกับเทพธิดาหลี่ซานที่ภูเขาอี้เทียน อย่างไรก็ตามฟางหยวนมีวิธีกู้คืนมัน

หลังจากทั้งหมดภูเขาน้อยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองจิ๋ว

“หากข้าสามารถครอบครองเมืองจิ๋ว ข้าจะเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์ไว้ที่นั่น น่าเสียดาย…”

มีสามขั้นตอนในการพัฒนามิติช่องว่างอมตะ

ขั้นตอนแรกคือสร้างแห่งทรัยากรเพื่อเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะ

ขั้นตอนที่สองคือสร้างแหล่งรายได้เพื่อการค้าขายแลกเปลี่ยน

ขั้นตอนสุดท้ายคือเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์หรือกระทั่งมนุษย์ สิ่งนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้อมตะ

ตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ฟางหยวนซื้อทาสมนุษย์ขนเลี้ยงไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและให้ทาสมนุษย์ขนหลอมรวมวิญญาณให้กับเขา สิ่งนี้ช่วยให้เขาประหยัดเวลาและความพยายามไปได้มาก

ท่ามกลางมนุษย์กลายพันธุ์ มนุษย์จิ๋วจะทำให้ดอกไม้ใบหญ้าผลิบาน มนุษย์หินจะช่วยพัฒนาพื้นดิน มนุษย์หิมะสามารถสร้างไข่มุกน้ำแข็งและช่วยรักษาพื้นที่น้ำแข็ง

มนุษย์มีสติปัญญาสูงที่สุด พวกเขาสามารถสร้างทุกสิ่งด้วยสติปัญญา

หากดูแลได้ดี มิติช่องว่างของผู้อมตะยังสามารถให้กำเนิดผู้อมตะ ผู้คนเหล่านี้มีความภักดีสูงเพราะพวกเขาเติบโตขึ้นที่นี่ แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นความช่วยเหลือชั้นยอดสำหรับเจ้าของมิติช่องว่าง

ในปัจจุบันมิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนอยู่ในขั้นตอนแรก

เนื่องจากเขามีวิญญาณอมตะจำนวนมากและต้องให้อาหารพวกมันโดยเฉพาะวิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญา และอื่นๆ ตอนนี้ฟางหยวนสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบางส่วนเท่านั้นแต่ปัญหาหลักยังไม่ได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตามในแง่ของขั้นตอนที่สอง เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

เพราะเขาได้รับทรัพยากรมากมายจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เผ่าตงฟาน และถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ภูเขาตงฮันเป็นแหล่งรายได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน มันทำกำไรให้เขาทุกวัน

ม้าต้องการหญ้าชนิดพิเศษเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง มนุษย์ต้องการโชคเพื่อความร่ำรวย

สิ่งที่ทำให้มิติช่องว่างของฟางหยวนมั่งคั่งถึงระดับนี้คือโชคลาภที่เขาได้รับ

ทรัพยากรเหล่านี้เป็นหลักประกันชั้นยอดในการบ่มเพาะของฟางหยวน

หากปราศจากทรัพยากรเหล่านี้ ไม่ว่าพลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะสูงเพียงใด มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจ

ปัจจุบันฟางหยวนยังไม่สามารถเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก

แน่นอนว่าเขาสามารถซื้อทาสมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อใช้แรงงานเช่นเดียวกับที่เคยทำในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ดี

วิธีที่ดีคือปล่อยให้มนุษย์กลายพันธุ์เติบโตและขยายเผ่าพันธุ์ตามธรรมชาติ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของมิติช่องว่างแห่งนี้และสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเจ้าของในอนาคต

หากซื้อทาสมนุษย์กลายพันธุ์มาทำงาน มันจะเป็นเพียงการสูญเสีย ฟางหยวนเรียนรู้เรื่องนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หอคอยหินที่ฟางหยวนสร้างขึ้นมีทาสมนุษย์ขนเสียชีวิตมากมายในแต่ละวัน ทาสมนุษย์ขนไม่มีเวลาพักผ่อนและขยายเผ่าพันธุ์ นี่ทำให้จำนวนของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม…

หากเขามีเมืองจิ๋ว ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป

เมืองจิ๋วมีสภาพแวดล้อมพิเศษ มันแยกออกจากโลกภายนอกและเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์ การดำรงอยู่หรือกระทั่งความตายของมนุษย์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองจิ๋วยังจะช่วยบำรุงและยกระดับเมืองจิ๋วอีกด้วย

หากมีเมืองจิ๋ว ฟางหยวนจะสามารถพัฒนามิติช่องว่างในขั้นตอนสุดท้าย

สิ่งนี้จะช่วยให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขาราบรื่นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ระดับการบ่มเพาะของเขาจะเติบโตเร็วขึ้นหลายเท่า

การตรวจสอบมิติช่องจักรพรรดิเสร็จสิ้นในที่สุด

มีหลายพื้นที่ที่ฟางหยวนพอใจแต่ก็มีหลายพื้นที่ที่เขายังไม่พอใจ

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนพอใจคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี แม้จะยังมีไม่มากเท่าที่ควรแต่มันก็พัฒนาไปมากหากเปรียบเทียบกับก่อนหน้า

เขาไม่พอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่านอกเหนือจากภาคใต้น้อย ภูมิภาคอื่นยังค่อนข้างว่างเปล่าและมีทรัพยากรอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การมีพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่ได้มีเพียงข้อดี

มันอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างทรัพยากรในอนาคต

ตัวอย่างเช่นป่าหลิวกระจกที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคกลางน้อย หากพืชชนิดอื่นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน พืชทั้งสองชนิดอาจขัดแย้งและต่อต้านกันอย่างรุนแรง

ความขัดแย้งระหว่างพืชอย่างไม่รุนแรงนักแต่ปัญหาคือฝูงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า พวกมันจะต่อสู้กันจนถึงแก่ความตาย

หากมิติช่องว่างมีขนาดเล็ก ผู้อมตะอาจสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แต่มิติช่องว่างของฟางหยวนใหญ่โตเกินไป เมื่อเขาสังเกตเห็นความขัดแย้ง มันอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ไปแล้ว

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์นี้ ฟางหยวนต้องเริ่มวางแผนด้วยการมองการณ์ไกล

หลังจากทั้งหมดมิติช่องว่างจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ

ฟางหยวนไม่เพียงต้องคำนึงถึงผลกำไรในปัจจุบันแต่เขายังต้องคิดถึงอนาคตอีกด้วย