ตอนที่ 320 ว่าด้วยเก๋ออู้และทฤษฎีการเงิน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 320 ว่าด้วยเก๋ออู้และทฤษฎีการเงิน

ดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนเป็นประกายขึ้นมาทันใด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

ต่งชูหลานเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เป็นบทความยอดเยี่ยมเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ยอดเยี่ยมยิ่ง ! ” ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าจากนั้นดีดไปยังกระดาษ เอ่ยด้วยความดีใจว่า “บัณฑิตจำนวนร้อยคนมีคนหนึ่งที่สามารถเขียนบทความออกมาได้ดีมากถึงเพียงนี้ มิเสียแรงที่ข้าพยายามล้างสมองพวกเขาตลอดการเดินทางมา อ้อ…มิใช่ เป็นการเสริมสร้างความรู้ใหม่ ๆ ให้แก่พวกเขาต่างหาก”

สายตาของเขาทอดมองไปยังท่อนท้ายของบทความ ลงนามไว้ว่าเฉินชู่ เขาจำได้ดีว่าเยาวชนผู้นี้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเก๋ออู้ยิ่ง และจากบทความที่เขาเขียนออกมานั้นเห็นได้ชัดว่าเขาใช้ความคิดมากเสียทีเดียว

บทความนี้มีชื่อว่า “ทฤษฎีเก๋ออู้”

เนื้อหาเริ่มกล่าวตั้งแต่ตัวอย่างง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น การก่อไฟที่ทุกบ้านล้วนทำได้

ฟืนก่อให้เกิดเปลวไฟ แต่เหตุใดไฟจึงสามารถต้มน้ำในหม้อให้ร้อนได้ ?

คำถามนี้สำหรับโลกปัจจุบันช่างเป็นคำถามที่ง่ายดาย แต่ทว่าในสมัยนี้ มิมีผู้ใดเคยสงสัยเลยว่าเป็นเพราะเหตุใด

แต่เฉินชู่กลับเขียนคำถามนี้ขึ้นในบทความ อีกทั้งยังทำการไขปัญหา

“ข้าคิดว่า ไฟก่อให้เกิดความร้อนในขั้นตอนการเผาไหม้ พวกเราทุกคนจึงสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ปล่อยออกมาจากไฟ ความร้อนนี้จะเผาไหม้ที่ก้นหม้อ และถ่ายเทไปยังน้ำในหม้อผ่านก้นหม้อ

น้ำในหม้อจะถูกทำให้ร้อนด้วยเปลวไฟอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมันจึงเดือดขึ้น ทำให้ส่วนผสมที่ใส่ลงไปในหม้อได้รับผลกระทบจากความร้อนด้วย ดังนั้นจึงถูกต้มจนสุก

เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องความร้อนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ข้าได้ยืมคำที่อาจารย์มักจะกล่าวว่า การหาปริมาณ และข้าตั้งชื่อความร้อนนี้ว่าพลังงานความร้อน เช่นนั้นต้องใช้พลังงานความร้อนเท่าใดจึงจะทำให้น้ำในหม้อร้อนได้ ?

สิ่งนี้จำเป็นจะต้องทำการทดลอง เมื่อข้าเดินทางกลับแคว้นแล้วจะไขปัญหานี้อีกครา

อีกปรากฏการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อน้ำเดือด ข้าพบว่ามีละอองน้ำจำนวนมากล้นออกมาจากฝาหม้อ ซึ่งแสดงว่ามีการระบายความร้อน หากใช้กาน้ำชาต้มน้ำจะพบว่าฝาถูกแง้มออกเล็กน้อย ข้าคิดว่าความร้อนนี้จะทำให้เกิดแรงชนิดหนึ่งในกระบวนการคลายตัว เป็นเพราะความร้อนนี้เองที่ทำให้ฝาของกาน้ำชาถูกเปิดออก หากปิดฝากาน้ำชาเพื่อป้องกันมิให้ความร้อนถูกส่งผ่านออกมา และเพิ่มความร้อนต่อไป ท้ายที่สุดมันจะระเบิดหรือไม่ ? ปัญหานี้ยังต้องได้รับการทดลอง ข้าจะไขปัญหานี้หลังกลับถึงราชวงศ์หยู

หากน้ำเดือดสามารถสร้างแรงดังกล่าวได้ หากแรงนั้นมีมากพอ เปรียบได้กับความแข็งแรงของม้ากับวัว เช่นนั้นพวกเราสามารถประดิษฐ์สิ่งของบางอย่างขึ้นเพื่อทดแทนวัวและม้าได้หรือไม่ ?

……

ข้าคิดว่าทุกสิ่งในโลกล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ตัวอย่างเช่นไฟสามารถทำให้น้ำเดือดได้ เช่นเรือสามารถลอยในน้ำได้แต่ก้อนหินกลับจมลงไป และการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ สิ่งเหล่านี้มิเคยได้รับผลกระทบจากใด ๆ

ท่านอาจารย์กล่าวว่า สิ่งที่เรียกว่า “เก๋ออู้” นั้นคือการค้นหาสาเหตุของทุกสิ่ง คือการแสวงหาความจริง จากนั้นนำไปปรับใช้ เช่นการผลิตเครื่องมือที่สอดคล้องกัน ข้าคิดว่าการปรับปรุงเครื่องมือต่าง ๆ สามารถส่งเสริมความก้าวหน้าและการพัฒนาของแคว้นได้อย่างต่อเนื่อง ! ต่อจากนี้ข้าวางแผนจะทำการทดลองว่าจะทำเยี่ยงไรให้พลังงานความร้อนนี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้”

นี่อาจเป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพลังงานความร้อน แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมองเห็นถึงความใฝ่รู้และความหวังจากบทความนี้

เขาคงจะต้องให้คำแนะนำแก่เฉินชู่เสียหน่อย หากเขาสามารถผลิตเครื่องจักรไอน้ำได้ละก็…การพัฒนาในสมัยนี้จะเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดด !

มิว่าเยี่ยงไรก็ควรจะลองดู !

หากสามารถสร้างรางรถไฟจากเมืองจินหลิงไปยังเมืองหลินเจียงได้ นั่งรถไฟไปพลางขับร้องเพลงไป ช่างเป็นภาพในจินตนาการที่งดงามเสียจริง

เขานำบทความนี้วางไว้ข้าง ๆ จากนั้นหยิบบทความอื่นขึ้นมาอ่านต่อไป

มีอีกหลายบทความที่เข้าตาเขาและล้วนเกี่ยวกับเก๋ออู้ แม้อาจจะมิได้ละเอียดเช่นของเฉินชู่ แต่ก็สามารถหยิบมาใช้ประโยชน์ได้

นอกจากนั้นมีบทความไม่น้อยเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และการค้าซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่ แต่ก็ยังมิเพียงพอที่จะทำให้ฟู่เสี่ยวกวนสร้างความประทับใจได้

เขาแยกบทความที่ถูกใจวางไว้ด้วยกัน เมื่อเงยหน้ามองดูเวลาพบว่าเป็นเวลาเกือบยามโหย่วแล้ว เหลือบทความอยู่เพียงแค่มิกี่บท

ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมาอีกหนึ่งแผ่น บทความนี้มีหัวข้อว่าทฤษฎีการเงิน

ชื่อบทความเรียบง่าย แต่สามารถสร้างความประหลาดใจให้แก่เขาได้มิน้อย ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอ่านบทความนี้อีกครา

“ข้าคิดว่าการที่จะทำให้การค้าระหว่างสองแคว้นโดดเด่นขึ้นมาได้นั้น ที่สำคัญที่สุดประการแรกคือการควบคุมสกุลเงิน”

เปิดบทความได้ชัดเจนยิ่ง แหลมคม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก !

“จากมุมมองในปัจจุบัน แต่ละแคว้นมีเงินตราถึงสามชนิด เช่น ทองคำ เงินและทองแดง หนึ่งในนั้นทองคำมีราคาแพงที่สุด เนื่องจากทองคำเป็นแร่ธาตุที่มีจำกัดและปริมาณการขุดมีจำกัดเช่นกัน ส่วนเงินเป็นอันดับสองและทองแดงมีมากที่สุด ดังนั้นเหรียญทองแดงจึงมีราคาถูกที่สุดและมีการหมุนเวียนอย่างกว้างขวางที่สุดในตลาด

หากพิจารณาอย่างละเอียดในประวัติศาสตร์หลายพันปีมานี้ วิธีการทำค้าขายของมนุษย์ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จากการแลกเปลี่ยนจนถึงปัจจุบันกลายเป็นวิธีการซื้อสินค้าด้วยเงินตรา และการขายสินค้าเพื่อแลกเป็นเงิน แม้ว่าวิธีการนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนยังคงมีอยู่ แต่มิใช่วิธีที่นิยมอีกต่อไป

และเงินมีบทบาทเทียบเท่ากับคุณค่าของสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยน ในที่นี้ข้าจะเรียกมันว่า “การเทียบเท่า”

เงินจะอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน เนื่องจากมีการไหลเวียนที่สะดวกกว่า และได้รับการยอมรับจากทุกแคว้นในประวัติศาสตร์พันปีมานี้

หากราชวงศ์หยูสามารถควบคุมทองคำและเงินได้ ก็สามารถซื้อสินค้าที่ต้องการจากแคว้นต่าง ๆ ได้ ราชวงศ์หยูเป็นอาณาเขตที่นับว่าขยายตัวมากที่สุดในสี่แคว้น แน่นอนว่ามีเหมืองทองมากมายที่ยังมิถูกค้นพบ ข้าคิดว่าควรส่งผู้ที่มีความสามารถไปสำรวจเหมืองทองคำ เมื่อพวกเรามีทองคำพวกเราก็จะมีสิ่งของต่าง ๆ ตามมา หากพวกเรามีทองคำมากเพียงพอ พวกเราอาจจะสามารถขายให้กับผู้คนทั้งใต้หล้าได้ !

……

แต่หากราชวงศ์หยูมิสามารถขุดพบเหมืองทองเล่า จะทำเยี่ยงไร ?

ข้าคิดว่าเมื่อพัฒนาการค้าภายในแคว้นอย่างจริงจัง ในแง่ของนโยบาย จากการให้ความสำคัญด้านการเกษตรเปลี่ยนเป็นให้ความสำคัญทางด้านการค้าแทน เมื่อความเจริญรุ่งเรืองของการค้าสามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นภาษี และแคว้นสามารถใช้เงินเพื่อซื้อสินค้าได้ตามต้องการจากแคว้นอื่น ๆ

การพัฒนาอย่างมั่นคงของการค้า จะส่งเสริมความก้าวหน้าของเก๋ออู้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากพ่อค้าต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าจำนวนมากขึ้น เมื่อมีการผลิตเครื่องใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น ผลผลิตของสินค้าย่อมเพิ่มขึ้นและต้นทุนย่อมลดลง แน่นอนว่าแคว้นอื่น ๆ ก็ต้องการเช่นกัน ดังนั้นหากนำไปขายยังแคว้นอื่นก็จะได้รับกำไรมากยิ่งขึ้น…”

บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของเงินตราไว้อย่างชัดเจน และยังเสนอวิธีการอื่น ๆ อีกด้วย ในสายตาของฟู่เสี่ยวกวนนั้นแน่นอนว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่มากมาย แต่สำหรับบัณฑิตในยุคนี้ บทความนี้เป็นบทความที่ดีไร้ที่ติเลยทีเดียว

เขามองไปยังผู้เขียนบทความนี้ มิใช่ฉินเหวินเจ๋อ แต่กลับเป็นซังเหลียง

คาดว่าท่านซังหยูแห่งจงซูลิ่ง จะให้การอบรมสั่งสอนหลายชายของเขาผู้นี้อย่างตั้งใจ

จากนั้นเขาก็ได้อ่านบทความที่เหลือจนหมด และมีอยู่แผ่นหนึ่งที่ทำให้เขาแววตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครา

บทความนี้มีตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว ช่างกระชับแต่เข้าใจง่ายมากยิ่งนัก

“การสร้างความโดดเด่นเรื่องการแข่งขันด้านการค้า ข้าคิดว่าควรจะมีกองทหารที่แข็งแกร่ง ! ”

“หากมีกองทหารที่เข้มแข็ง ก็จะสามารถบุกเข้าไปในแคว้นอี๋แล้วปล้นพวกเขามาให้หมด เท่านี้คลังของราชวงศ์หยูก็จะอุดมไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ ”

“ต้องการจะซื้อสิ่งใดก็ได้ทั้งสิ้น หากแคว้นใดมิยินยอมขายให้…ก็แย่งมาเสีย ! ”

“เช่นนี้ ราชวงศ์หยูก็จะโดดเด่นแน่นอน”

ฟู่เสี่ยวกวนอ่านไปยังนามของผู้เขียน “ชางกวนเหมี่ยว” เขาหัวเราะขึ้นมาและหยิบบทความนี้วางไว้ในกองที่เขาจะเลือก

นี่คือบทความที่สมเหตุสมผลยิ่ง การสะสมทรัพย์ในคลังนั้น เป็นเรื่องที่แลกมาด้วยการนองเลือดแต่ไหนแต่ไรแล้ว