“พี่สบายดีไหมพี่หยวน พี่รู้สึกเจ็บไหม?” เสี่ยวฮัวถามเขาหลังจากที่เฟิงยู่เชียงเข้าร่างของเขา
หยวนตบร่างของเขาและพยักหน้าในเวลาต่อมา
“ไม่เจ็บนะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี พี่ไม่เจ็บและไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวด้วย”
จากนั้นเขาก็หันไปมองหยูรู่และยื่นผลไม้วิญญาณทั้งสามให้เธอ และพูดว่า
“นี่คือผลไม้วิญญาณของเธอ หยูรู่”
อย่างไรก็ตามหยูรู่ยอมรับเพียงสองผลและพูดว่า
“พี่สามารถเก็บผลสุดท้ายไว้ได้พี่ชาย หนูต้องการแค่นี้”
แม้ว่าหยวนจะไม่ต้องการผลไม้วิญญาณจริงๆ แต่เขาก็พยักหน้าโดยไม่ได้คิดอะไรมาก หากหยูรู่ต้องการอีกผลหนึ่งเขาก็สามารถเอาให้เธออีกครั้งในเวลานั้น
หลังจากให้ผลไม้วิญญานกับหยูรู่แล้วหยวนก็บอกว่า
“งั้นเราไปหาผู้รับใช้ให้เธอกันเถอะ”
อย่างไรก็ตามหยูรู่ส่ายหัวและพูดว่า
“ไม่เป็นไรพี่ชายเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่หนูจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนอีกครั้ง หนูอยากใช้เวลานี้สบายๆกับพี่แค่นั้น”
“อืม…” หยวนคิดว่าจะต้องทำยังไงดี
ครู่ต่อมาเขาพูดด้วยสีหน้าสดใส
“พี่รู้แล้วทำไมเราไม่ไปกินข้าวในร้านอาหารละ พี่พนันได้เลยว่าเธอยังไม่ได้สัมผัสกับอาหารที่น่าอัศจรรย์ในโลกนี้!”
“อาหารเหรอหนูได้ยินมาว่า เราสามารถลิ้มรสอาหารได้ราวกับว่ามันเป็นของจริง” หยูรู่พยักหน้าด้วยความสนใจ
“ถูกต้องและพวกมันก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ” หยวนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“โอเคไปกันเถอะ” หยูรู่ตกลงในอีกสักครู่ต่อมา
พวกเขาออกจากห้องในเวลาต่อมาไม่นานและเริ่มเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นห้าพวกเขาก็เห็นว่าตู้โชว์ทั้งหมดว่างเปล่า และสมบัติก็ถูกนำออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากเฟิงยู่เชียงได้ปิดร้านนี้ลง
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นหนึ่งหยวนก็พูดเสียงดัง
“เฟิงเฟิงเราจะทำยังไงกับที่นี่ดี?”
ครู่ต่อมาเสียงของเฟิงยู่เชียงก็ดังก้องอยู่ในหัวของเขาราวกับว่าเธอกำลังมีชีวิตอยู่ในหัวของเขา
“ท่านสามารถปล่อยมันไว้อย่างนั้นได้เลยนายน้อย ผู้จัดการคนต่อไปจะดูแลทุกอย่างเอง”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หยวนพยักหน้า
“เธอพูดกับพี่จากข้างในหรอ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงของเธอเลย” หยูรู่ถามเขาด้วยสายตาที่หลงใหล
“ข้ากำลังคุยกับนายน้อยผ่านสัมผัสเทพ” ทันใดนั้นเสียงของเฟิงยู่เชียงก็ดังก้องในหัวของหยูรู่
“ว้าว! ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ! การพูดคุยกับผู้คนในความคิดของพวกเขาโดยตรง…นั่นก็เหมือนกับกระแสจิต!เลย” หยูรู่อุทาน
ไม่กี่อึดใจต่อมาพวกเขาก็ก้าวออกไปนอกร้าน หยวนประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนที่มีฝูงคนอยู่ที่หน้าร้าน ราวกับว่าพวกเขากำลังมาประท้วงอะไรสักอย่าง
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ทำไมคนเยอะจัง?” หยวนตกใจกับการรวมตัวกันที่ล้อมรอบด้านหน้าทั้งหมดของร้านจนบังมุมมองของเขาทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ทุกคนมีออร่าที่ทรงพลังหรือเสื้อผ้าหรูหรารอบตัวบ่งบอกว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย
“เจ้าเป็นใคร ท่านหญิงเฟิงอยู่ที่ไหน”
คนข้างนอกถามพวกเขาทันทีที่เห็นพวกเขาออกจากร้าน
“หื้อ…”
ขณะที่หยวนครุ่นคิดว่าเขาควรตอบอย่างไรเสียงของเฟิงยู่เชียงก็ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
“นายน้อยเพียงบอกพวกเขาว่าตอนนี้ข้ากำลังนอนอยู่ในห้องของข้า และข้าไม่ต้องการที่จะถูกรบกวนในขณะนี้ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่พิจารณาการตัดสินใจของข้าใหม่ “
จากนั้นหยวนก็พูดซ้ำกับคนข้างนอกทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด
“อืม…ท่านหญิงเฟิงกำลังนอนอยู่ในห้องของเธอ และเธอไม่ต้องการให้ใครมารบกวนไม่เช่นนั้น เธอจะไม่พิจารณาการตัดสินใจของเธออีก”
สถานที่แห่งนี้เงียบลงทันทีเมื่อพวกเขาฟังคำพูดของหยวน
“ทุกท่านสงบสติอารมณ์ก่อน และปล่อยให้ท่านหญิงเฟิงได้พักผ่อน ข้ากลัวว่าถ้าเรายังคงยืนอยู่นอกร้าน เธอจะออกจากเมืองไปจริงๆ…” จู่ๆคนๆหนึ่งก็พูดขึ้น
“ใช่เจ้าพูดถูกเมืองจะได้รับความเสียหายอย่างมากหากท่านหญิงเฟิงหรือร้านค้าของเธอหายไปในทันที
“แล้วเจ้าจะแนะนำให้เราทำอย่างไร ให้เราปล่อยให้เธอจากไปแบบนี้ไม่ได้!”
“ข้าก็ไม่มีความคิดอะไรดีๆเหมือนกัน แต่เจ้าคิดว่าการตัดสินใจอย่างกะทันหันของท่านหญิงเฟิงเป็นเพราะพลังวิญญาณที่ทรงพลังเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ เธอประกาศออกจากที่นี่หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากนั้นข้าจะไม่แปลกใจเลยถ้าเธอจะถูกบังคับให้ออกจากเมืองนี้!”
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระแบบไหน ท่านหญิงเฟิงเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้ซึ่งอยู่มานานกว่า 1,000 ปีใครจะคุกคามเธอได้ และจะไม่มีใครบังคับให้เธอจากไปได้”
“ถึงแม้ว่าจะมีคนที่สามารถคุกคามท่านหญิงเฟิงได้ แต่จะต้องกลัวอะไรอีกพวกเรามีคนทั้งตลาดฟีนิกซ์ทองคำ! ถ้ามีใครกล้ามายุ่งกับท่านหญิงเฟิง พวกเขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”
“อย่าดูถูกคนที่ปล่อยพลังนั้นออกมา! ข้าอยู่ที่นี่ตอนที่มันเกิดขึ้นและมันเกือบจะทำให้ข้าหัวใจวาย! คนคนนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าท่านหญิงเฟิงและทุกคนที่นี่มาก!”
“ข้าเชื่อว่าบุคคลที่ขู่ให้ท่านหญิงเฟิงจากไปคือผู้ฝึกพลังในระดับราชาแห่งวิญญาณ”
“ราชาวิญญาณทำไมถึงอยากอยู่ที่นี่ละ ผู้ฝึกพลังที่อยู่เหนือปรมาจารย์วิญญาณ อาจอยู่ในโลกนี้ได้นานที่สุดแค่ 100 ปีหลังจากการพัฒนาของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะต้องออกจากดินแดนนี้และขึ้นสู่ดินแดนที่สูงขึ้นไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเสี่ยงถูกสวรรค์ลงโทษ!”
“เว้นแต่เจ้าจะบอกข้าว่าคนๆนั้นสามารถเข้าถึงขั้นราชาวิญญาณได้ใน 100 ปีสั้นๆหลังจากที่ผ่านขั้นปรมาจารย์วิญญาณไป!”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า! พลังนั้นทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงพลังของราชาวิญญาน!”
ในขณะที่ผู้คนรวมตัวกันนอกร้านค้าโต้เถียงกัน หยวนใช้โอกาสนี้หลบหนีจากตลาดฟีนิกซ์ทองคำโดยมีหยูรู่และเสี่ยวฮัวตามหลัง
“ผู้ชายพวกนั้นนั่นมันวุ่นวายแค่ไหน เฟิงเฟิงได้รับความนิยมมากแค่ไหนกันเนี่ย?” หยวนเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผากของเขาหลังจากจัดการเพื่อหลบหนีจากฝูงชนที่บ้าคลั่งนั้น
“ข้าอยู่ในเมืองนี้ตั้งแต่ข้าลงมาที่นี่จากสวรรค์ชั้นบน และเนื่องจากการฝึกพลังที่สูงของข้าผู้คนจึงเริ่มมองมาที่ข้าในฐานะผู้พิทักษ์สถานที่นี้อย่างรวดเร็ว” เฟิงยู่เชียงอธิบายให้เขาฟัง
“ในที่สุดชื่อเสียงของข้าก็พุ่งสูงขึ้น และข้าค่อนข้างเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในเมืองนั้น”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเธอพูดต่อ
“ตอนนี้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรอีกแล้วเพราะข้ามีนายน้อย อย่างไรก็ตามนายน้อย ข้ารู้ว่าท่านบอกว่าท่านไม่ต้องการสมบัติของข้า แต่ถ้าท่านเปลี่ยนความคิดของท่านก็บอกให้ข้ารู้ข้าจะเอาสมบัติของข้าให้กับท่าน ไม่มีอะไรเทียบได้กับอิสระที่ท่านมอบให้ข้าเลยนายน้อย “
“อืม” หยวนพยักหน้า
หลังจากออกจากตลาดฟีนิกซ์ทองคำหยวนก็ถาม เฟิงยู่เชียงว่า
“เจ้ารู้จักร้านอาหารดีๆไหม เฟิงเฟิง เนื่องจากเจ้าอยู่ที่นี่มานาน เจ้าควรรู้จักอาคารทุกหลังในเมืองนี้ใช่ไหม”
“ข้าขอโทษนายน้อย แต่ข้าไม่ค่อยได้ออกจากตลาดฟีนิกซ์ทองคำ แต่มีสถานที่ที่ข้าได้ยินจากคนอื่นๆมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา นั่นคือร้านอาหารที่ชื่อว่า รังของฟีนิกซ์”
“รังของฟีนิกซ์มีคนชอบใช้ชื่อฟีนิกซ์ในเมืองนี้มาก” หยูรู่กล่าว
“อืม ข้าเคยช่วยเมืองนี้จากสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมาก่อนตอนที่ข้ายังมีพลังฟีนิกซ์ของข้าเหลืออยู่ เมืองนี้เคยถูกเรียกว่าอย่างอื่นมาก่อน” เฟิงยู่เชียงกล่าว
“โอ้เจ้าช่วยเมืองทั้งเมืองเหรอ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เหมือนพี่ชายของข้าเลย” หยูรู่ยิ้ม
หลังจากถามไปรอบๆหยวนและคนอื่นๆก็มาถึงร้านอาหารชื่อรังของฟีนิกซ์ในที่สุด
“วันนี้จะทานอาหารกี่คนคะ?” บริกรข้างประตูทักทายพวกเขา เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ทางเข้าร้านอาหาร
“สามคน” หยวนพูด
“สามใช่ไหม โปรดตามข้ามา”
จากนั้นบริกรก็นำพวกเขาไปที่โต๊ะเล็ก ๆ และพูดว่า
“นั่นคือเมนู เพียงยกมือขึ้นเมื่อท่านพร้อมที่จะสั่งและจะมีคนมาหาท่านที่โต๊ะ”
“ขอบคุณ” หยวนพูดขณะที่เขาหยิบเมนูขึ้นมาและเริ่มพลิกดูหน้าต่างๆ
“สั่งอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ” หยวนพูดกับหยูรู่
อย่างไรก็ตามหยูรู่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้างุนงงบนใบหน้าของเธอดูเหมือนอยู่ในความคิดลึกๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าหยูรู่มีอะไรกวนเธอหรือเปล่า” หยวนถามเธอหลังจากสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเธอ
เมื่อได้ยินคำถามของเขา หยูรู่ก็รีบออกมาจากความงุนงงของเธอและส่ายหัวก่อนจะพูดว่า
“ไม่หรอกพี่ชาย…หนูไม่เคยคิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงวันที่เราสองคนจะนั่งอยู่ในร้านอาหารและรับประทานอาหารเหมือนครอบครัวทั่วไป แม้ว่านี่จะเป็นแค่เกม แต่ก็รู้สึกเหมือนจริงเกินกว่าที่จะไม่คิดได้ “
“หยูรู่…” หยวนมองเธอด้วยสายตาที่นุ่มนวลและเขาก็พยักหน้า
“เธอพูดถูกแม้ว่าโลกนี้อาจจะไม่เป็นจริง แต่ประสบการณ์และความรู้สึกของเราในโลกนี้ก็เป็นจริงอย่างแน่นอน และพี่แทบรอไม่ไหวที่จะสำรวจมันมากกว่านี้กับเธอ”
“หนูด้วยพี่ชาย!” หยูรู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ
ในเวลาต่อมาหยวนยกมือขึ้น และมีคนเข้ามาหาพวกเขาเพื่อรับคำสั่ง
จากนั้นหยวนก็อ่านชื่ออาหารตามเมนู ทำให้หยูรู่และพนักงานเสิร์ฟตกตะลึง
“กินเยอะขนาดนั้นเลยหรอ?” หยูรู่จ้องมองเขาด้วยท่าทางที่ตกตะลึง ถ้าหยวนกินได้มากขนาดนั้นในโลกแห่งความเป็นจริง เธอคงมีปัญหาในการให้อาหารเขาทุกวันแน่ ๆ
“แน่นอนไม่งั้นพี่จะสั่งมันหรอ!” หยวนตอบเธอด้วยสีหน้ามั่นใจก่อนที่เขาจะกลับไปสั่งอาหารเพิ่ม