ตอนที่ 332

The Divine Nine Dragon Cauldron

เขาคือผู้ตรวจการไป่ฮี คนที่อยากให้ซือหยูตาย!

 

เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าตำหนักหลิงละฆ่าเขาไม่ตายหลังจากที่ใช้สมบัติเทพที่มีพลังมหาศาลเช่นนั้น

 

แม้ว่าซือหยูจะข่มจิตสังหารเอาไว้ แววตาของเขาก็เย็นยะเยือก

 

พลังของเขาในตอนนี้ยังคงไม่พอ

 

แม้ว่าฐานพลังของผู้ตรวจการไป่ฮีจะลดลงมาเหลืออำมฤตระดับสามขั้นสูง เขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าซือหยูมาก

 

“ไอ้แก่ ถึงเจ้าจะรอดมาได้แต่ก็ยังไม่เลิกวุ่นวายกับข้าอีกรึ? ข้าจะจำเอาไว้!”

 

ซือหยูคำราม

 

ปี๊ํด—

 

เสียงดังขึ้น เป็นเสียงสัญญาณให้คนรวมตัวกัน

 

คนกลุ่มใหญ่บินมารวมตัวกันที่ประตูทิศตะวันออก

 

ซือหยูใช้พลังดวงตามองสถานการณ์ที่นอกเมือง สีหน้าของเขาหม่นหมอง

 

ที่ชายเขตของป่าทมิฬ เหล่าสัตว์อสูรที่ขนาดและฐานพลังต่างกันกำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองอันยี่ราวกับคลื่นวารีทมิฬ พวกมันเป็นดั่งภูติผีหิวโหยที่พุ่งเข้ามาล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์

 

แต่ที่ทำให้ซือหยูต้องเบิกตากว้างก็คือกลุ่มมนุษย์ที่หนีออกจากป่าทมิฬ พวกคนเหล่านั้นคือนักสู้ที่ได้สมัครในการล่าสัตว์อสูร พวกเขาพยายามล่าสัตว์อสูรเล็กๆก่อนที่คลื่นสัตว์อสูรจะมาเพื่อรวบรวมคะแนน

 

พวกเขาหนีออกจากป่าด้วยความยากลำบาก เมื่อมีการจู่โจมจากคลื่นสัตว์อสูร พวกเขารีบพุ่งเข้าเมืองอันยี่เพื่อเอาตัวรอด แต่พวกเขาหนีมาได้ไม่ถึงสิบลี้ก็ถูกฝูงสัตว์อสูรเข้ากลืนกิน ไม่มีแม้แต่เวลาจะให้กรีดร้อง ซากศพของพวกเขาไม่มีหลงเหลือ

 

ที่บนกำแพงเมือง เหล่ายอดฝีมือหน้าซีด พวกเขามิอาจปิดบังความกลัวบนใบหน้าได้

 

“นั่นมันกลุ่มของหวางหยูติ้ง! พวกเขามีอำมฤตระดับสองขั้นต้นสองคนกับอำมฤตระดับหนึ่งอีกห้าคน!”

 

นักสู้คนหนึ่งตะโกน

 

พลังของสัตว์อสูรไม่แข็งแกร่งมากนัก มีแค่ไม่กี่ตัวที่อยู่ในขอบเขตอำมฤต ส่วนใหญ่พวกมันอยู่ในขอบเขตมังกร

 

แต่ด้วยความต่างมหาศาลในด้านจำนวน พวกเขาถูกรุมทึ้งโดยโต้ตอบไม่ได้เลยก่อนจะถูกสังหารโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก

 

พลังของคนคนเดียวนั้นไม่เพียงพอเมื่ออยู่ต่อหน้าคลื่นสัตว์อสูร ทั้งขอบนภาเต็มไปด้วยคลื่นทมิฬที่ถาโถมเข้าในเมืองอันยี่ดั่งคลื่นยักษ์

 

บรรยากาศในเมืองตึงเครียด นักสู้หลายคนเริ่มไม่สบายใจ พวกเขาเสียใจที่สมัครเข้าล่าครั้งนี้ มีคนที่คิดแบบนี้ไม่น้อยเลย

 

“เหล่านักสู้ในเมืองจงฟัง! ถ้าพวกเจ้ายอมรับการล่าครั้งนี้ พวกเจ้าก็มีอิสระในการสังหารสัตว์อสูรทุกตัวที่ต้องการ เจ้าห้ามหนีไปไหน อย่าให้เกิดช่องว่างในการป้องกัน!”

 

“พวกเจ้าจะต้องคอยดูกันและกัน เจ้าจะฆ่าคนที่พยายามหนีไปก็ได้ ตระกูลตู่จะส่งผู้ตรวจสอบมาลาดตระเวณรอบๆ ใครที่กล้าหนีจะถูกสังหารทันที!”

 

คำพูดที่มีจิตสังหารเหล่านี้ดังมาจากที่ลับในเมือง

 

“นี่มันเสียงเจ้าตระกูลตู่นี่! ดีล่ะ ในที่สุดเขาก็แสดงตัวออกมาเสียที!”

 

กลุ่มนักรบตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในเมืองอันยี่…ตู่เซี่ย!

 

ฐานพลังของเขาอยู่ที่อำมฤตระดับห้า พลังของเขาน่าครั่นคร้าม มีคนไม่มากนักในทวีปนี้ที่จะเผชิญหน้ากับเขาได้

 

ตัวตนของเขาทำให้เหล่านักสู้เกิดกำลังใจ พวกเขามั่นใจยิ่งขึ้น

 

“ฆ่ามัน!”

 

ตู่เซี่ยคำรามลั่น เขาส่งคลื่นพลังวิญญาณทะลวงไปทางคลื่นสัตว์อสูร!

 

ครืน—-

 

แรงระเบิดจากพลังวิญญาณทำให้เกิดควันเมฆารูปลักษณ์คล้ายเห็ดสูงใหญ่ จากนั้นก็มีพิรุณทมิฬของซากเนื้อสัตว์อสูรตกลงมา

 

เขาทำให้สัตว์อสูรนับร้อยกลายเป็นฝุ่นผงในคราเดียว!

 

ซือหยูเบิกตากว้าง!

 

นี่คือพลังของอำมฤตระดับห้างั้นรึ? ในขอบเขตอำมฤตนั้นมีระดับพลังเพียงห้าระดับ

 

เจ้าเมืองอันยี่ ตู่เซี่ยนได้ไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตอำมฤต! อีกไม่นานเขาจะได้ไปยังขอบเขตลึกลับที่ไม่มีใครรู้จัก!

 

ในขณะเดียวกันซือหยูก็คิดถึงหัวหน้าโจรสลัดวารีทมิฬผู้ลึกลับ พลังของเขาเทียบได้กับตู่เซี่ย!

 

เขารู้สึกโชคดีมากที่รอดพ้นมาจากศัตรูที่น่ากลัวเช่นนั้นได้

 

พลังโจมตีนี้ทำให้เผ่ามนุษย์ตกตะลึง น่ากลัวเกินไปแล้ว! ตู่เซี่ยผู้เป็นตำนานตระกูลตู่น่ากลัวเพียงใดกัน?

 

และในขณะเดียวกัน พลังของเขาก็ทำให้เผ่ามนุษย์เกิดแรงใจขึ้นมาก! แม้แต่ซือหยูก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาก

 

“ฆ่ามัน!”

 

เสียงตะโกนดังเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้คน เหล่ามนุษย์พุ่งออกจากเมืองไปหาเหล่าสัตว์อสูร

 

ซือหยูยืนอยู่บนกำแพงเมือง เขาใช้พลังดวงตามองสิ่งรอบข้าง แม้จะมีสัตว์อสูรมากมายตรงหน้าเขา แต่พลังของพวกมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก

 

ซือหยูอยากจะฆ่าสัตว์อสูรที่มีพลังอย่างน้อยระดับสาม ถ้าหากทำได้ เขาจะเก็บแสนคะแนนเพื่อไปรับคะแนนจากตระกูลตู่!

 

แต่สัตว์อสูรในขอบเขตอำมฤตนั้นหายากอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงพวกอำมฤตระดับสามเลย! ทุกครั้งที่สัตว์อสูรขอบเขตอำมฤตปรากฏตัว กลุ่มนักสู้ก็จะกรูเข้าไปสังหารมัน

 

โฮก—

 

ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามลั่นดังมาจากภายในป่าทมิฬ

 

เมื่อมองออกไปจะเห็นสัตว์อสูรที่บินได้พุ่งเข้ามาจากขอบนภา!

 

สีหน้าของนักสู้ในเมืองเปลี่ยนไป พวกสัตว์อสูรที่บินได้นั้นมีเพียงยี่สิบตัวแต่ตัวที่อ่อนแอสุดนั้นอยู่ในขอบเขตอำมฤตระดับหนึ่ง และยังมีอำมฤตระดับสองอีกห้าตัว ส่วนจ่าฝูงที่มีพลังสูงที่สุดนั้นอยู่ในขอบเขตอำมฤตระดับสามขั้นต้น!

 

อำมฤตระดับสองหนึ่งตัวจะมีค่าหนึ่งพันคะแนน ห้าตัวจะได้ห้าพันคะแนน!

 

แต่ที่มีค่ามากที่สุดคือสัตว์อสูรระดับสาม มันมีค่าหมื่นคะแนน!

 

ซือหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่ลังเลและหายตัวไปจากที่เดิมทันที

 

ผ่านไปไม่นานนักคนอื่นก็สังเกตเห็นถึงสัตว์อสูรที่บินเข้ามา!

 

“อำมฤตระดับสาม!”

 

เหล่านักสู้ตะโกน

 

สัตว์อสูรระดับสามนั้นจะแลกตำราระดับอำมฤตได้ทั้งเล่ม! และมันยังอยู่ในขั้นต้น! พวกเขาจะยอมพลาดโอกาสครั้งใหญ่นี้ไปได้อย่างไร?

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

นักสู้พันคนพุ่งไปหาสัตว์อสูรทันที ในพันคนนั้นเต็มไปด้วยอำมฤตระดับสาม! แต่พวกเขาช้ากว่าซือหยูไปหนึ่งก้าว เมื่อพวกเขาอยู่ไกลสามสิบลี้ ซือหยูก็พุ่งเข้าไปถึงเหล่าสัตว์อสูรแล้ว

 

“วิบัติอัสนีเยือกแข็ง!”

 

ซือหยูชี้ดัชนีไปที่นภาพร้อมกับมังกรม่วงที่ร้องคำราม

 

เหล่าสัตว์อสูรกรีดร้องระงม อำมฤตระดับหนึ่งสิบตัวกลายเป็นฝุ่นผง และในเวลาเดียวกัน สายอัสนีที่พุ่งลงมาก็ตรงเข้าสังหารสัตว์อสูรอำมฤตระดับหนึ่งอีกสี่ตัว

 

ในตอนนี้ สัตว์อสูรอำมฤตระดับหนึ่งทั้งสิบสี่ตัวถูกซือหยูสังหาร ทำให้เขาได้คะแนนหนึ่งพันสี่ร้อยคะแนน!

 

“ดัชนีสายฟ้าดารา!”

 

แต่ซือหยูก็ยังไม่หยุด เขาหันไปฆ่าสัตว์อสูรอีกหกตัวที่บินหนีด้วยความกลัว

 

สัตว์อสูรขอบเขตอำมฤตห้าตัวนั้นช้ากว่าและหนีไม่ทัน แต่พวกอำมฤตระดับสามนั้นมีฐานพลังที่เหนือกว่า การเคลื่อนไหวของพวกมันเร็วกว่าซือหยู

 

เพียงครู่เดียวมันก็หนีไปได้สามสิบลี้! เมื่อเห็นพวกมันที่จะหนีไปได้ซือหยูก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ตาข้างซ้ายเปล่งแสงสีแดง

 

“ยักย้ายพื้นที่!”

 

พรึ่บ–

 

สัตว์อสูรอำมฤตระดับสามที่บินหนีอย่างรวดเร็วถูกมิติดึงกลับมา พวกมันอยู่ไม่ไกลจากซือหยู!

 

ฟึ่บ–

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายมันก็อ้าปากส่งคลื่นเสียงทำลายล้างออกมา ด้วยระยะที่ใกล้เช่นนี้ทำให้ซือหยูป้องกันตัวเองไม่ได้

 

เปรี้ยง–

 

เอาใช้ดัชนีสายฟ้าดารา พลังระเบิดทำลายพลังจากคลื่นเสียงไปกว่าครึ่ง แต่พลังที่สะท้อนกลับมาก็ทำให้ซือหยูเนื้อเต้น เขาถอยกลับมาหลายก้าว!

 

พลังของดัชนีสายฟ้าดารานั้นเพียงพอที่จะรับมือกับยอดฝีมือในขอบเขตอำมฤตระดับสองขั้นสูง แต่ไม่มีทางที่จะจัดการกับระดับสาม! ซือหยูหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมคลื่นเสียงทำลายล้างในปาก เขาต้องการจะใช้อรหันต์แปดอักษรเพื่อสังหารสัตว์อสูรตัวนี้

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ เสียงหัวเราะอย่างโหดร้ายที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

 

“หึหึ ขออภัยที่รบกวนเจ้าตำหนักหยินหยู ทิ้งที่เหลือให้ข้าได้หรือไม่ ข้าเหมาะสมยิ่งกว่าที่จะจัดการสัตว์อสูรนั่น!”

 

“เจ้ามองดูอยู่ข้างๆเถอะ”

 

เขาคือนายน้อยตระกูลตู่ที่ไล่ตามมา! เขามาถึงเร็วกว่าคนที่เหลือ เขามาทันเวลาที่ซือหยูยักย้ายสัตว์อสูรกลับมาพอดี!

 

“นี่เจ้า!”

 

ซือหยูสีหน้าเย็นชา เขาปล่อยจิตสังหารออกมา!