ตอนที่ 807 ดวลหนึ่งต่อหนึ่ง

Elixir Supplier

“ผมยินดีทําตามที่หมอหวังบอก” ซุนหยุนเชิงพูด

“คุณแค่ต้องขังประธานจางไว้ในสถานีตํารวจสักพัก”จงหลิวชวนพูด “เราต้องการตรวจสอบเบื้องหลังของเขาแน่นอนว่า มันดีกว่ามากถ้าพวกคุณช่วยพวกเขาได้”

| “ไม่มีปัญหาครับ” ซุนหยุนเชิงหันหน้าไปหาชายที่อยู่ข้างเขาและพูดว่า “อาหาวนายจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

“ครับ คุณชาย” อาหาวพูด

“พี่จงจะอยู่ที่เมืองเตํานานแค่ไหนครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม

“สามวัน แล้วผมก็จะกลับ” จงหลิวชวนพูด

“ทําไมถึงรับนักล่ะครับ ไม่อยากอยู่เมืองเต๋ต่ออีกสักหลายวันหน่อยเหรอ?” ซุนหยุนเชิงถาม

เขาไม่ได้ติดต่อกับจงหลิวชวนมากนัก ความจริง แค่เขาเป็นลูกศิษย์ของหวังเย้าก็มากพอแล้วมันแสดงให้เห็นถึงความสําคัญของเขาในใจหวังเย้าเป็นธรรมดาที่เขาจะผูกมิตรกับคนแบบจงหลิวชวนเอาไว้

“ผมมาที่นี่เพื่อยืนยันบางอย่างเท่านั้น จะดีที่สุดถ้าผมสามารถจัดการเรื่องนั้นได้”จงหลิวชวนพูด

คําตอบของเขาดูคลุมเครือและสับสนเล็กน้อยแต่เขามีประวัติที่ดํามืดเขาไม่ได้คุ้นเคยกับคุณชายซุนมากนักถึงพวกเขาจะเจอหน้ากันหลายครั้งแต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันการพูดรายละเอียดที่มากกว่านี้กับคนรู้จักถือเป็นเรื่องต้องห้าม

“ถ้าพี่ต้องการอะไรเพิ่มก็บอกผมได้เลยนะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

จงหลิวชวนพยักหน้าและจากไป

“คุณชาย เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทซื้อห่ายเทรดดิ้งมาก่อนครับ”อาหาวพูด

“โอ้ น่าสนใจจริงๆ!” ซุนหยุนเชิงหัวเราะขําเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ “แล้วเขาเคยก่ออาชญากรรมมาก่อนรึเปล่า?”

“เป็นไปได้มากครับ” อาหาวตอบ

“ช่างเถอะ” ซุนหยุนเชิงพูด “ในเมื่อหมอหวังรับเขาเป็นลูกศิษย์แล้ว เขาก็นับว่าเชื่อถือได้ ส่วนบางเรื่องเราก็ทําเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน”

ขณะเดียวกัน ก็ได้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นในเมืองเต๋อีกครั้งหนึ่ง คดีใหญ่ถูกเปิดเผยออกมามีการตรวจพบองค์กรหนึ่งที่ทําการซื้อขายอวัยวะมนุษย์ผู้ต้องสงสัยสามคนถูกจับตัวไป

“สองในสามทํางานให้บริษัทซื้อห่ายเทรดดิ้งเหรอ?” หัวหน้าของตํารวจถาม

“ใช่ครับหัวหน้า” ต่ารวจนายหนึ่งพูด

“นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว” หัวหน้าพูด “ผู้นําของบริษัทซื่อห่ายเทรดดิ้งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า? ประธานจางคนนั้นถูกจับอยู่ใช่ไหม? สืบมาให้ละเอียดล่ะ”

กริ้ง! มือถือดังขึ้น หัวหน้ารับสาย ความตกใจปรากฏบนสีหน้าของเขา เขาวางสายและพูดว่า“จางเหว่ยหลบหนีออกจากที่คุมขัง”

“อะไรนะ?” ตํารวจที่อยู่กับเขาตกใจ ไม่เคยเกิดเรื่องนักโทษหลบหนีออกจากเรือนจําในเมืองเตมานานนับสิบปีแล้ว“จะต้องมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเขาแน่!”

“ประกาศจับออกไปและค้นหาให้ทั่วเมือง” หัวหน้าพูด “สอบปากคําทุกคนในบริษัทซื้อหายเทรดดิ้งมันจะต้องมีปัญหาซ่อนอยู่แน่”

ขณะเดียวกัน เจี้ยจื้อจายก็ได้มากับกับผู้หญิงคนหนึ่งในร้านน้ําชา เขาดึงบุหรี่ออกมามวนหนึ่งและพูดว่า“จ๊ๆค้นหากันไปทั่วทั้งเมือง ประธานบริษัทของเรากําลังจะกลายเป็นหนูสกปรกอยู่ข้างถนน”

“นายดูสบายใจนะ” หูเหมยถาม “บางทีเขาอาจจะทําอะไรอีกก็ได้”

“ไม่ต้องห่วง ขอแค่เขาไม่ถูกจับและชีวิตของเขายังปลอดภัย ของสิ่งนั้นก็จะไม่ถูกแตะต้อง”เจี้ยจื้อจายพูด“สิ่งนั้นจะไปกระตุ้นความโกรธของทุกคนและเขาก็รู้ดีอีกอย่างไม่ใช่ว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ยังเลวร้ายกว่าหรอกเหรอ?เขาก็ยังเอาตัวรอดมาได้ตลอดไม่ใช่เหรอ? ความสามารถให้การเอาชีวิตรอดของประธานนั้นสูงมาก ด้วยความสามารถของเขาตราบใดที่เขาต้องการออกไปจากเมืองเต๋ เขาก็ไม่มีทางถูกบังคับให้หยุดได้แค่เรื่องจะจับเขาเอาไว้ฉันกลัวว่าพวกเขาคงจับไม่ได้แม้กระทั้งชายแขนเสื้อของเขา”

“เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบลงสักที?” หูเหมยถอนหายใจ

“อีกไม่นาน!” เจี้ยจื้อจายยื่นมือออกไปลูบเส้นผมของเธอ “หลังจากนั้นเราก็หาที่อยู่ที่สบายใจแล้วมีลูกด้วยกันเราจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข”
“ดี!” แววตาของหูเหมยเป็นประกายอ่อนหวานและอ่อนโยน

ถ้าเป็นแบบนั้นได้ มันคงดีที่สุดแต่หลายเรื่องบนโลกใบนี้มักไม่เป็นไปตามที่คิดไว้

บ่ายวันนั้น เจี้ยจื้อจายถูกเชิญตัวไปสอบปากคําที่สถานีตํารวจ ประวัติของเขาค่อนข้าวสะอาดอย่างน้อยมันก็ดูเหมือนสะอาดการสอบปากคําไม่ได้รับอะไรเลยแต่เขาก็ถูกขอให้อยู่แต่ในเมืองเต๋ในช่วงเวลาจากนี้ไประยะหนึ่งนับเป็นการกักกันอิสระของเขาเอาไว้

“ประธานจางไปอยู่ที่ไหน?”

ชายสวมหมวกเบสบอลยืนอยู่ที่แนวหินโสโครกตามชายฝั่งของเมืองเต๋เขมองดูคลื่อนอยู่เงียบๆ

ชายคนหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านหลังเขา “คณมาอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”

“หลิวชวน นายกลับมาทําไม?” จางเหว่ยถาม

“ผมกลับมาหาคุณ ประธานจาง” จงหลิวชวนพูด และพยายามรักษาระยะห่างจากเขา

“ไม่เจอกันนานนะ” จางเหว่ยพูด

“ประธานจาง ทุกคนกําลังตามหาตัวคุณอยู่ แต่คุณกลับมายืนดูวิวที่นี้อย่างสบายอารมณ์” จงหลิวชวนพูด “น่านับถือจิตใจของคุณจริงๆ!”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเรื่องยากแก้ไขไม่ได้ ฉันก็จะชอบมาที่นี่” จางเหว่ยพูด“นายรู้ไหมว่าทําไม?”

จงหลิวชวนส่ายหน้า แต่เขาก็ไม่พูดอะไร

“การฆ่าครั้งแรกของฉันเกิดขึ้นที่นี่ และมันยังเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดที่ฉันต้องเผชิญในชีวิต”จางเหว่ยพูด“ตอนนั้นเองที่ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปในอย่างสิ้นเชิง

“คุณได้บอกเรื่องนี้กับใครรึเปล่า?” จงหลิวชวนถาม

“นายเป็นคนที่หกที่รู้เรื่องนี้” จางเหว่ยพูด

“อีกห้าคนที่เหลืออยู่ไหน?” จงหลิวชวนถาม

“พวกเขาตายหมดแล้ว!” จางเหว่ยถอนหายใจ

“ถ้าอย่างนั้น ผมก็อยู่ในอันตรายน่ะสิ” จงหลิวชวนพูด

จางเหว่ยหันหน้าไปมองเขานิ่งๆ “ฉันไม่รู้ว่าความกล้าแบบไหนที่ทําให้นายมาหาฉันถึงที่นี่”

เขาถอดหมวก ผมของเขาหายไปครึ่งศีรษะมันทําให้เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนธรรมดาๆที่ต้องทํางานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่คนที่ดูถูกเขาล้วนตกตายไปอย่างน่าสังเวช

“น้องสาวของนายเป็นยังไงบ้าง?” จางเหว่ยถาม

“เธอสบายดี” จงหลิวชวนพูด

“จ สบายใจได้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ฉันก็จะตามหาให้เจอและดูแลเธอเป็นอย่างดี”จางเหว่ยพูด

หลังจากนั้น เขาก็พุ่งตัวเข้าหาจงหลิวชวน เขาอยู่ห่างไปเกือบ 5 เมตรแต่เขากลับมาถึงตัวจงหลิวชวนในก้าวเดียว

“คุณไวมาก!” จงหลิวชวนอุทาน

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงหลบไม่ทันและพ่ายแพ้ไปแล้ว เขาคงถูกสังหารในทันทีแต่ตอนนี้ต่างออกไปเขาหลบมันได้ในหนึ่งก้าว

“หืม?” เห็นได้ชัดว่าจางเหว่ยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหลบมันได้

จงหลิวชวนไม่เพียงแค่หลบแต่เขายังโจมตีกลับไปด้วย เขาชกออกไปในมุมที่อันตราย

จางเหว่ยยื่นมือออกไปปัดทิ้ง
เพี้ยะ!

จงหลิวชวนรู้สึกราวกับเขาถูกซัดด้วยคมเขี้ยวของหมาป่า แรงที่ส่งมาจากฝ่ามือของเขาทําให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเขารู้สึกราวกับมีบางอย่างแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาแต่ไม่นานมันก็หายไป

ชายสิ่งคนกระโดดขึ้นลงไปตามโขดหิน พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนดูราวกับนกตัวใหญ่สองตัว

จงหลิวชวนตัดสินใจถอย หลังจากดวลในเวลาสั้นๆ เขาก็รู้ว่าตัวเองสู้ประธานจางไม่ได้ถ้าเขายังสู้ต่ออาจเป็นเขาที่ต้องจบชีวิต

“นายคิดจะไปเหรอ?” จางเหว่ยถาม “สายไปแล้ว!”

เพียงโบกมือครั้งหนึ่ง คลื่นลมก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามราวกับเข็มนับพันจงหลิวชวนร้องครวญและกระโดดไปสองสามครั้งการเคลื่อนไหวของเขาดูแปลกประหลาดแล้วเขาก็หายตัวเข้าไปใน ป่าที่อยู่ติดกับชายหาด

“นายหนีไปไหนไม่ได้หรอก!” จางเหว่ยตะโกน

เขาตามเข้าไปในป่า แต่กลับหาร่องรอยของอีกฝ่ายไม่พบ เขาก็ได้แต่ตกตะลึง

บรื้น!บนใบริ้น! เกิดเสียงคํารามดังขึ้น จางเหว่ยก้าวถอยหลัง สีหน้าของเขาดูหน้าเกลียดเขาคิดเขามีผู้ช่วยเหรอ?
รถคันหนึ่งพุ่งตัวไปตามถนน

“นายกล้ามากนะ ที่ไปสู้กับเขาตามลําพังน่ะ” เจี้ยจื้อจายพูดในขณะที่ขับรถอยู่“เป็นยังไงล่ะ?”

“ฉันสู้เขาไม่ได้” จงหลิวชวนพูด “ถึงพวกเราทั้งหมดสู้พร้อมกันก็แพ้อยู่ดี!”

มีสามคนนั่งอยู่ภายในรถ นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ยังมีหูเหมยด้วย เธอไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพวกเขาเลยสักนิด

“เขาแข็งแกร่งมาก” จงหลิวชวนพูด

“ใช่ เขาเชียวชาญกังฟูมาก แล้วเขายังมีอาวุธลับกับเข็มบินด้วย” หูเหมยพูด “ฉันยังไม่เคยเห็นมีดที่นายพูดถึงเลยด้วยซ้ํา!”
“เมื่อกี้ฉันชกเขาได้สามครั้งแน่ๆ”จงหลิวชวนพูด

“ฉันเห็นแล้ว แต่เขาก็ไม่เป็นอะไรนี่” หูเหมยพูด “หรือเขาจะไร้เทียมทาน?”

“ใช่ ฉันสัมผัสตัวเขาในระหว่างที่รู้กันด้วย” จงหลิวชวนพูด “ผิวหนังของเขาแปลกมาก!”

“แปลกยังไง?” หูเหมยถาม

จงหลิวชวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันให้ความรู้ราวกับ ฉันกําลังตบลงไปบนเหล็ก มันแข็งมาก…พละกําลังของเขาก็สูงเหนือกว่าคนธรรมดา!”