คืนนั้นเฟิงจินหยวนอยู่ที่เรือนยูหลาน

เมื่อข่าวนี้มาถึงเรือนเทียนเซียง คังอี้รอคอยอย่างมีความหวังว่าเฟิงจินหยวนจะกลับมาดื่มสุรามงคลสมรส นางหิวมาทั้งวันและยังไม่ได้กินอะไรเลย อาหารบนโต๊ะถูกอุ่นอีกครั้ง ในที่สุดมันก็กลับมาพร้อมกับข่าวที่ว่าเฟิงจินหยวนอยู่ที่เรือนยูหลาน

เซียชานบ่าวรับใช้พูดกับนางว่า “ข้าได้ยินมาว่าอนุฮันปวดท้องอย่างรุนแรงเจ้าค่ะ และเชิญท่านหมอไปรักษา บางทีท่านใต้เท้าอาจไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ ดังนั้น…”

“เขาควรจะทำเช่นนั้น” คังอี้มีความเข้าใจ และแสดงออกอย่างใจกว้าง “เหนือสิ่งอื่นใด บุตรชายเป็นคนสำคัญที่สุดเสมอ แม้ว่าท่านพี่จะกลับมาคืนนี้ ตราบใดที่มีอะไรเกิดขึ้นที่เรือนยูหลาน ข้าก็จะให้เขาไปดู” ในขณะที่พูดสิ่งนี้ นางเปลี่ยนชุดแต่งงานที่นางสวมใส่อยู่เป็นชุดปกติ จากนั้นนางก็รีบบอกบ่าวรับใช้ให้เตรียมยาบำรุงและพูดกับเซียชาน “เราไปดูกันเถิด ตอนนี้อนุฮันร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

เซียชานไม่ได้พูดอะไรเลย ตอนนี้คังอี้เป็นฮูหยินใหญ่ ดังนั้นนางย่อมมีสิทธิ์เป็นธรรมดา นอกจากนี้ฮูหยินผู้เฒ่ายังสั่งให้เซียชานมาดูแลคังอี้เพื่อสังเกตชีวิตประจำวันของนาง ตอนนี้นางทำได้ดีมาก

ยาบำรุงในเรือนเทียนเซียงก็ถูกเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว และคังอี้ไม่ได้นำคนไปมาก นางพาเซียชาน และบ่าวรับใช้อีก 2 คนที่มาจากเฉียนโจวไปด้วย ทั้งสี่รีบไปที่เรือนของฮันชิ

เนื่องจากมีหิมะตกในระหว่างวันถนนจึงลื่นมาก ในที่สุดเมื่อพวกเขามาถึงเรือนยูหลานด้วยความยากลำบาก พวกเขาพบว่าเรือนมืดไปแล้ว ไม่มีแสงไฟแม้ดวงเดียว

บ่าวรับใช้ที่คอยเฝ้าดูพวกเขาและทำความเคารพอย่างรวดเร็ว คังอี้สับสนและถามว่า “อนุฮันไม่สบายไม่ใช่หรือ ? ข้าควรมาดูนาง” เมื่อนางแต่งงานกับตระกูลเฟิง นางไม่ได้พูดแทนตัวเองว่า “ข้าผู้นี้” อีกต่อไป

บ่าวรับใช้ที่คอยเฝ้าดูอยู่นั้นไม่สบายใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากไตร่ตรองนิดหน่อย ในที่สุดนางก็ตอบว่า “เรียนท่านฮูหยินใหญ่ ตอนนี้อนุฮันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่อารมณ์ของนางยังไม่มั่นคงเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านใต้เท้านอนที่เรือนเพื่อดูแลนาง  หากท่านฮูหยินใหญ่จะเข้าไปตอนนี้… ข้ากลัวว่าจะไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”

คังอี้ตกตะลึง เขานอนแล้ว นี่เป็นคำเยาะเย้ยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้อย่างแท้จริงสำหรับฮูหยินคนาใหม่ที่แต่งเข้ามาในคฤหาสน์ เจ้าบ่าวเลือกที่จะนอนในห้องของอนุ สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ตอนแรกนางต้องการที่จะมาดูก่อนที่จะพาเฟิงจินหยวนกลับไป แต่ตอนนี้เขานอนแล้ว ถ้านางเข้าไปปลุกเขาขึ้นมา นั่นจะเป็นความผิดของนาง เมื่อฮันชิได้รับความตกใจ แล้วนางเกิดเป็นอะไรขึ้นมา นางจะกลายเป็นคนผิดทันที นางทนไม่ได้ !

คังอี้ไตร่ตรองมาพักหนึ่งเรียกสติกลับมา “เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ ข้านำยาบำรุงมา เก็บไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าอย่าลืมบอกท่านพี่ว่าข้าจะมาเยี่ยม”

“เจ้าค่ะ ! ” บ่าวรับใช้รับยาบำรุงอย่างรวดเร็วและขอบคุณคังอี้ซ้ำ ๆ หลังจากส่งคังอี้กลับไป บ่าวรับใช้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สถานการณ์แบบนี้คืออะไร ? โชคดีที่ฮูหยินใหญ่ไม่โกรธ มิฉะนั้นอาจจะไม่มีความสงบสุขในคืนนี้

ในวันแต่งงานคังอี้ยังคงอยู่ในห้องว่างคนเดียว อย่างไรก็ตามนางไม่มีข้อร้องเรียนใด ๆ นางพูดกับเซียชาน “อย่าบอกท่านแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้นางเครียด”

ในเช้าวันรุ่งขึ้นเฟิงจินหยวนเดินทางตรงจากเรือนเทียนเซียงไปยังราชสำนัก ฮ่องเต้ให้เขาลางาน 5 วัน แม้กระนั้นเขาไม่ได้หยุดวันเดียว

แต่ในวันนี้ก็เป็นวันที่ฮูหยินคนใหม่จะยกน้ำชาให้ฮูหยินผู้เฒ่า คังอี้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดในตอนเช้า จากนั้นก็ไปที่เรือนซูหยาพร้อมกับบ่าวรับใช้ของนาง

ในเวลาเดียวกันกับฮูหยินคนใหม่ที่ยกน้ำชาให้ฮูหยินผู้เฒ่า และอนุก็ต้องยกน้ำชาให้ฮูหยินใหญ่คนใหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อคังอี้มาถึง อันชิ ฮันชิ และจินเฉินก็อยู่ในห้องโถงแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นคังอี้เข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืน

คังอี้รีบไปประคองฮันชิอย่างรวดเร็ว โดยพูดด้วยความกังวลว่า “ร่างของน้องสาวมีความสำคัญ ข้าไม่สามารถรับการคำนับนี้ได้ นั่งเร็ว” ในขณะที่พูดสิ่งนี้ ใบหน้าของนางสงบและมีเกียรติ

สีหน้าของฮันชิวันนี้ดีมาก ใบหน้าของนางเป็นสีดอกกุหลาบและเงางาม เมื่อได้ยินคำพูดของคังอี้ นางเปิดเผยถึงความเขินอายเล็กน้อย เมื่อคังอี้ช่วยนางนั่งลง นางก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ทัศนคติของคังอี้นั้นยอดเยี่ยมมาก นางไม่เพียงช่วยฮันชินั่งลงเท่านั้น นางยังพูดอย่างใจดีกับนางด้วยว่า “ข้าไม่รู้จะช่วยยังไง นับจากวันนี้เป็นต้นไปหากเจ้าต้องการอะไรเจ้าต้องบอกข้า ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราต้องดูแลบุตร ๆ ของตระกูลเฟิงด้วยกัน”

ฮูหยินผ็เฒ่าดูการกระทำและการแสดงออกของคังอี้ และนางก็พอใจมาก นางพยักหน้าซ้ำ ๆ

เมื่อเห็นว่าฮันชินั่งลงแล้ว คังอี้ก็ปล่อยมือไปในที่สุด เมื่อกลับไปที่กลางห้องโถง นางได้รับน้ำชาจากบ่าวรับใช้และก้าวไปข้างหน้าอย่างใจเย็น คุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า “ลูกสะใภ้ยกน้ำชาให้ท่านแม่ เมื่อแต่งงานกับตระกูลเฟิง ข้าก็กังวลกับเรื่องของตระกูลเฟิงเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคังอี้ไม่ได้เป็นองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวอีกต่อไป ข้าจะเป็นแค่ลูกสะใภ้ที่ดูแลท่านแม่” พูดอย่างนี้นางยกถ้วยชาขึ้นเหนือหัวนางแล้วก้มลงเล็กน้อย

โต๊ะของฮูหยินผู้เฒ่าสูงเกิน แม้ในความฝันของนางก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวจะพูดกับนางเช่นนี้ และนางก็เรียกมารดา ความเคารพแบบนี้ไม่ว่าจะมีการพูดกันว่า เป็นเรื่องที่ได้หน้าอย่างมาก !

นางยิ้มและรับถ้วยชา นางจิบนางวางมันไว้บนโต๊ะแล้วไปช่วยคังอี้ นางชื่นชมนางซ้ำ ๆ “เจ้าเข้าใจจริง ๆ”

“ขอบคุณท่านแม่สำหรับคำชมเจ้าค่ะ” คังอี้ได้ละทิ้งสถานะองค์หญิงใหญ่ของนางอย่างสมบูรณ์ ด้านหน้าฮูหยินผู้เฒ่า นางทำตัวเหมือนคนธรรมดา และนี่เองที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกร่าเริง

“ข้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้” ฮูหยินผู้เฒ่ารอคังอี้นั่งข้างนางแล้ว พูดต่อ “ฮันชิกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะทำตัวไม่ดี อย่าลดระดับตัวเองลง” พูดอย่างนี้นางจ้องไปที่ฮันชิพลางเอ่ยว่า “เฟิงจินหยวนเป็นห่วงเด็กในท้องของนาง และเขาก็ไม่ได้รบกวนเจ้า เจ้าอย่าใส่ใจเลย”

คังอี้พูดอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่พูดอะไรแบบนี้เจ้าค่ะ การปกป้องบุตรของตระกูลเฟิงเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้เป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง เด็กในท้องของน้องสาวฮันนั้นเหมือนกับบุตรของข้า แม้ว่าสามีไม่ได้ไปด้วยตัวเอง คังอี้ก็จะไปดูแลนางเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่คิดที่จะทำให้ท่านต้องกังวลเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มและกล่าวว่า “คิดแบบนี้ก็ดี ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เมื่อเด็กคนนั้นเกิดมาก็ต้องเรียกเจ้าว่ามารดาและจะต้องพึ่งพาเจ้า ไม่ใช่แค่เด็กที่ยังไม่เกิด แต่ยังรวมถึงคุณหนูคนอื่น ๆ ด้วย”

“ลูกสะใภ้จะยึดถือคำสอนของท่านแม่ ข้าจะปฏิบัติต่อบุตรของตระกูลเฟิงอย่างดีเจ้าค่ะ” คังอี้ยิ้ม และสัญญา

เมื่อเห็นว่าทัศนคติของนางดี ฮูหยินผู้เฒ่าก็วางใจ จากนั้นนางก็จ้องมองที่อนุก่อนพูดกับคังอี้ “นั่งลง ให้พวกเขายกน้ำชาให้เจ้า”

คังอี้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เมื่อบ่าวรับใช้นำชามาให้อนุทั้งสามคน หลังจากที่ทั้งสามได้รับชาพวกเขาก็เดินไปที่คังยี่และกำลังจะคุกเข่า คังอี้พูดว่า “ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า ร่างกายของน้องสาวฮันเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า แค่เทชาก็เพียงพอแล้ว”

ทั้งสามมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าและเห็นนางพยักหน้า เมื่อนั้นพวกเขาก็ทำตามที่คังอี้กล่าวโดยโค้งคำนับเล็กน้อยและยกน้ำชาขณะยืน

หลังจากอนุยกย้ำชาของนางเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่เด็ก ๆ จะทักทายมารดา เนื่องจากพวกเขาได้ทำพิธีไปแล้วเมื่อวันก่อน พวกเขาจึงต้องคำนับง่าย ๆ และไม่มีพิธีกรรม เฟิงหยูเฮงยืนอยู่ในกลุ่ม พูดอย่างสุภาพกับคังอี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบมาก

เมื่อได้รับความเคารพก็ปรากฏว่าเฟิงหยูเฮงไม่ทำให้นางเดือดร้อน คังอี้ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย นางกลัวอย่างแท้จริงว่าเฟิงหยูเฮงจะทำอะไรซักอย่าง ทุกอย่างดีแต่นางกังวลว่ามันจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่จะรู้สึกหงุดหงิด

เมื่อเห็นทุกคนนั่งลง ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถามฮันชิ “วันนี้เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่ ? ”

ฮันชิยิ้มและพยักหน้า “วันนี้ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองพูดถูก อารมณ์ของข้าในขณะตั้งครรภ์นั้นไม่มั่นคง และข้าต้องการให้สามีนอนข้างข้าเพื่อดูแลเจ้าค่ะ”

“หึ ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธ “เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลในตอนเช้า ? พลังงานหยินจะมาจากไหน ? ”

ฮันชิปิดปากนาง อย่างไรก็ตามเฟิงเฟินไดก็กล่าวว่า “อนุฮันพูดถูกเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพ่อเป็นคนเดียวในคฤหาสน์ เรือนด้านในทั้งหมดมีแต่ผู้หญิง แน่นอนว่าจะมีพลังงานหยินจำนวนมาก อนุฮันกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นนางจะเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องนี้มากที่สุด”

ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการที่จะดุเฟิงเฟินได แต่เมื่อนางคิดดูที่เฟิงเฟินไดพูดมาก็มีเหตุผล หากสิ่งนี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ สิ่งนี้จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ฮันชิตั้งครรภ์ ดังนั้นการที่เฟิงจินหยวนอยู่กับนาง นางก็สบายดี อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนและคังอี้เพิ่งแต่งงานกัน การนอนในห้องอนุในคืนวันแต่งงานนั้นไม่มีเหตุผล เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะต้องอยู่กับฮันชิจนกว่านางจะคลอด ?

เมื่อมองที่เฟิงเฟินไดและฮันชิ เฟิงเฉินหยูก็โกรธด้วย นางไม่เข้าใจจริง ๆ เฟิงเฟินไดกำลังเล่นอะไรอยู่ นางพูดถึงประโยชน์ของการให้คังอี้เข้ามาในคฤหาสน์ ดังนั้นทำไมน้องสี่คนนี้ถึงไม่ฟังบ้าง ?

นางขมวดคิ้วและไตร่ตรองสักครู่ก่อนที่ดวงตาของนางจะเป็นประกายขึ้นโดยกล่าวว่า “ในช่วงงานเลี้ยงเมื่อวานนี้ข้าเห็นว่าองค์ชายห้าเสด็จมา บางครั้งองค์ชายจะมองไปที่น้องสี่ คิดดูสิว่าเขาไม่สามารถลืมมันได้ ก่อนหน้านี้คฤหาสน์ของเราไม่มีใครที่จะช่วยตัดสินใจเรื่องการแต่งงานให้กับน้องสี่ของเรา ตอนนี้มันแตกต่างกันเพราะตอนนี้เรามีท่านแม่มาช่วยสนับสนุนเรา น้องสี่ ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไร เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าควรบอกท่านแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

นางใช้เรื่องนี้เพื่อเตือนสติเฟิงเฟินได และในที่สุดก็สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้ในขณะที่นางปิดปาก เมื่อนางพูดอีกครั้ง นางก็ล้มเลิกสิ่งที่นางพูดไปก่อนหน้านี้ “ข้าได้ยินมาว่าการบูชาพระพุทธรูปสามารถปกป้องความสงบสุขได้ ดังนั้นเฟิงเฟินไดจึงคิดว่าที่ท่านพ่อมาอยู่กับอนุจะไม่สมเหตุผลเสมอไป วิหารของครอบครัวเรามีพระพุทธรูปไม่ใช่หรือ ? เราสามารถนำไปไว้ที่เรือนยูหลานของเราเพื่อเป็นที่เคารพได้หรือไม่ ? เอาไว้ให้อนุฮันกราบไหว้เป็นการส่วนตัว ประการแรกมันจะช่วยสงบอารมณ์ของอนุฮัน และประการที่สองมันจะช่วยรักษาความสงบสุขของคฤหาสน์”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าเฟิงเฉินหยูพูดช่วย แม้ว่านางจะพูดถึงองค์ชายห้าซึ่งทำให้นางรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย ถ้านางไม่พูดถึงเขา เฟิงเฟินไดจะไม่หยุดแน่นอน ไม่ว่าในกรณีใดเฟิงจินหยวนก็เป็นอิสระ ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย “มีเจ้าแม่กวนอิมหยก ข้าจะให้ยายจาวนำไปให้ ! ”

คังอี้มองเฟิงเฉินหยูอย่างสุดซึ้ง แล้วจึงพูดกับเด็ก ๆ ว่า “พวกเจ้าเรียกข้าว่าท่านแม่ ข้าจะรับหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นมารดาของเจ้า ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มาบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในใจของข้า พวกเจ้าและรุ่ยเจียต่างมีน้ำหนักเท่ากันและเหมือนกัน”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่านี่เป็นคำพูดที่ดีมาก ขณะที่นางชื่นชมมันซ้ำ ๆ จากนั้นนางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ครอบครัวไม่มีฮูหยินใหญ่ ดังนั้นการดูแลคฤหาสน์ข้าจึงเป็นคนจัดการ ตอนนี้คังอี้มาแล้ว ข้าจะมอบหน้าที่นี้ให้เจ้าจัดการต่อ ข้าจะปล่อยเรื่องของคฤหาสน์ให้เจ้าจัดการ ! ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คังอี้ก็โบกมือของนางซ้ำ ๆ และพูดว่า “ท่านแม่ ข้าไม่กล้าเจ้าค่ะ ! ” เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย นางอธิบาย “คังอี้มาจากเฉียนโจว และข้าไม่เคยอยู่ราชวงศ์ต้าชุนมาก่อน ข้าไม่เข้าใจสถานการณ์ของราชวงศ์ต้าชุนและข้าไม่รู้ว่าอะไรดี ข้ายังไม่เข้าใจในสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายจริง ๆ แล้วข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหารประเภทใดที่ผู้คนในราชวงศ์ต้าชุนทานกัน ท่านแม่ ลูกสะใภ้ไม่กล้าจัดการเรื่องของคฤหาสน์เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ไม่เต็มใจที่จะมอบการควบคุมดูแล ตอนนี้นางได้ยินคังอี้พูดแบบนี้ นางรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก ดังนั้นนางจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เจ้าก็มาเรียนรู้จากข้าก่อน เมื่อเจ้าคุ้นเคยกับการจัดการสิ่งต่าง ๆ ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการ ! ”

หลังจากพูดแบบนี้ นางเห็นบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่ง หลังจากคำนับทุกคน เขาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “รายงานฮูหยินผู้เฒ่าและท่านฮูหยินใหญ่ องค์ชายเก้าเสร็จมาที่คฤหาสน์…”