ตอนที่ 251 คนสำคัญของหมู่บ้าน

ชุยต้าพูดด้วยความโกรธเคือง “พี่หก พี่รู้ไหมว่าคนในหมู่บ้านพูดถึงพี่ว่ายังไง?”

“พูดว่าอะไรล่ะ?” จ้าวเหวินเทาแสร้งทำเป็นไม่รู้

“พวกเขาพูด…พูดไม่น่าฟังเอาซะเลย!” ชุยต้าพูดด้วยความเคืองใจ “ผมกับน้องชายไปส่งฟองเต้าหู้ที่บ้านน้ามา ตอนที่เพิ่งกลับมาถึง ก็ได้ยินพ่อพูดแบบนั้น ผมนี่โกรธแทบตายเลยจริง ๆ!”

จ้าวเหวินเทารับฟัง ที่แท้ชุยต้าไม่ได้อยู่ที่บ้าน เขาคิดไว้อยู่แล้วเชียว เด็กคนนี้ไม่เลวเลย ได้ยินข่าวลือจากปากคนอื่นเขาจะไม่โต้ตอบได้อย่างไรกัน

“มีอะไรน่าโกรธ ปากคนก็อยู่ใต้จมูกนั่นแหละ อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ กินข้าวหรือยัง ถ้ายังไม่ได้กินก็มากินด้วยกัน!” จ้าวเหวินเทาเรียก

เย่ฉูฉู่กล่าว “กินด้วยกันสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวฉันไปหยิบตะเกียบมาให้ แล้วก็อุ่นหมั่นโถวให้ด้วย”

ชุยต้าเห็นเย่ฉูฉู่เดินถือถ้วยโจ๊กขาวเข้ามา ข้าวเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก หนึ่งปีได้รับประทานสักครั้งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว มีบางครอบครัวใช้เวลาตั้งหลายปียังไม่เคยได้รับประทานสักครั้งเลย!

“ผม…ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย” ชุยต้าพูดจบก็แอบแสดงสีหน้าลำบากใจ

จ้าวเหวินเทามองออกว่าเขาคิดอะไร จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรต้องเกรงใจ ก็แค่ข้าวมื้อเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับนายอยู่พอดี”

ชุยต้าได้ยินว่ามีเรื่องอยากจะมาหาเขา จึงได้สติในทันที เขารีบขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว “พี่หก พี่จะคุยอะไรกับผมเหรอ”

“กินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วค่อยคุย”

เย่ฉูฉู่นำโจ๊กมาให้ชุยต้าแล้ว จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ จ้าวเหวินเทาแล้วรับเสี่ยวไป๋หยางไป เสี่ยวไป๋หยางก็ซุกซนอยากจะปีนขึ้นไปบนโต๊ะ เย่ฉูฉู่จึงทำได้เพียงแค่อุ้มลูกเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้

ลูกลิงเห็นว่ามีคนนอกอยู่ด้วยมันย่อมไม่ขึ้นมาบนโต๊ะอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ย้ายก้นไปที่ห้องตะวันตกนานแล้วด้วย

“ภรรยา คุณรอผมกินเสร็จแล้วเดี๋ยวเอาลูกมาให้ผมดูให้นะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ไม่เป็นไร คุณกินเถอะค่ะ ถึงเวลานอนของลูกแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยางเข้าไปในห้องตะวันตก

“นายกินเลย” จ้าวเหวินเทาพูดกับชุยต้า “เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งกล่อมยากแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย ตอนนี้อยากจะขึ้นมากวาดบนโต๊ะซะแล้ว!”

“พอเด็กโตขึ้นก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ” ชุยต้าก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงพูดตามน้ำไปหนึ่งประโยคและเริ่มรับประทานอาหาร

โจ๊กอร่อยจริง ๆ หอมชะมัดเลย!

หมั่นโถวก็อร่อย อืม เนื้อนี้ก็อร่อยเหมือนกัน!

ชุยต้าไม่เคยรับประทานอาหารแบบนี้มาก่อน เขาสัญญาอยู่ภายในใจว่าเขาจะต้องตั้งใจทำงาน จะต้องเป็นเหมือนพี่หก ได้รับประทานอาหารแบบนี้ทุกวันให้ได้

จ้าวเหวินเทากล่าว “นี่คือเนื้อหมักซีอิ๊ว ฉันซื้อกลับมาจากในเมือง นายน่าจะไม่เคยกิน กินเยอะ ๆ นะ”

ชุยต้าพูดด้วยความซื่อสัตย์ “เนื้อนี้อร่อยจริง ๆ”

“ฉันก็คิดว่าอร่อยเหมือนกัน นี่เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงมากตรงถนนเส้นนั้นในเมืองเลยนะ ฉันได้ยินคนอื่นพูดกันก็เลยซื้อกลับมา” จ้าวเหวินเทาซดโจ๊กไปพลางพูดคุยไปพลาง

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็นำถ้วยและตะเกียบไปล้าง ชุยต้าก็รีบเข้ามาช่วย

เย่ฉูฉู่อุ้มลูกเดินออกมา “ไม่ต้องทำหรอกค่ะ ลูกหลับแล้ว คุณช่วยดูลูกนะ ฉันขอกินข้าวก่อน”

“ได้สิ ภรรยา คุณกินเสร็จก็วางไว้นะ เดี๋ยวผมล้างให้เอง” จ้าวเหวินเทากล่าว

“พอเถอะ ไม่ต้องให้คุณช่วยหรอก” เย่ฉูฉู่วางลูกลงบนเตียงและเดินไปรับประทานอาหาร

จ้าวเหวินเทาชงน้ำชาหนึ่งกา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนเตียง เขาเรียกให้ชุยต้ามานั่งด้วยกัน จากนั้นก็รินน้ำชาให้ตัวเองและชุยต้าคนละแก้ว

“ชุยต้า นายเลี้ยงกระต่ายมาเกือบครบปีแล้วใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว

ท่าทางของจ้าวเหวินเทาในตอนนี้ในสายตาของชุยต้าเขามีบารมีความเป็นพี่ใหญ่สูงเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าบารมี แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่อาจพูดออกมาได้

ตอนนี้จ้าวเหวินเทาวิ่งเข้าเมืองเป็นประจำ นิสัยอะไรของเขาก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ไม่ได้วิ่งออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เลย

“ใช่ ใกล้จะครบปีแล้วล่ะครับ” ชุยต้ารีบพูด น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความระมัดระวัง

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งนี้ เขาจริงจังขนาดนี้เพื่อปฏิบัติต่อชุยต้าเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“งั้นก็ต้องมีประสบการณ์แล้ว ฉันมีงานนึงไม่รู้ว่านายอยากทำหรือเปล่า” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งานอะไรเหรอ พี่หก ถ้าผมทำได้ ผมทำแน่นอน!” ชุยต้าให้สัญญา

“ถ้านายทำไม่ได้ฉันไม่ตามหาตัวนายหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เลี้ยงกระต่ายไง ช่วยเลี้ยงกระต่ายให้ฉัน ฉันจะจ้างนาย ครั้งนี้ไม่เหมือนกับขนฟืนพวกนั้นแล้วนะ ฉันจะให้เงินนาย แต่นายต้องระมัดระวังด้วยนะ ถึงยังไงกระต่ายก็เทียบกับฟืนไม่ได้”

ชุยต้าแอบไม่เข้าใจเท่าไรนัก “พี่หก กระต่ายบ้านพี่ถึงแม้ว่ามันจะเยอะ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นต้องจ้างคนมั้ง? ถ้าพี่ยุ่งจนทำไม่ทัน ผมกับน้องชายจะช่วยมาดูให้วันละสองรอบก็ได้ พวกเราไม่เอาเงินหรอก”

จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่เยอะ แต่ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็เยอะแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้รีบอะไร นายกลับไปคิดดูก่อน หลังจากผ่านช่วยข้ามปีแล้วนายค่อยมาให้คำตอบฉันก็ได้ นายก็ไม่ต้องหนักใจนะ นายอยากทำหรือไม่อยากทำ พวกเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม”

ชุยต้ารีบพยักหน้า “พี่หก ผมเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามจ้าวเหวินเทาว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ฉันไม่ได้กลับมาแค่คืนเดียวทำให้ทั้งหมู่บ้านเป็นกังวลหมดเลย คนที่ไม่รู้คงคิดว่าฉันเป็นคนสำคัญ!”

“พี่หก ก็เพราะพี่เป็นคนสำคัญน่ะสิ หมู่บ้านของพวกเราพี่เป็นคนสำคัญที่สุดแล้ว!” ชุยต้าพูดจากใจจริง

จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม “คำพูดนี้อย่าเอาไปพูดข้างนอกเชียวนะ จะได้ไม่มีใครหัวเราะ ฉันเป็นคนสำคัญอะไรกัน เมื่อคืนฉันไม่ได้กลับมาก็เพราะฉันไปซื้อที่ดินในเมืองมา ขั้นตอนดำเนินการไม่เสร็จ ก็เลยทำให้ล่าช้าไปคืนหนึ่ง”

จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ แต่ชุยต้าที่ได้ยินกลับใจเต้นแรงด้วยความตกตะลึง อะไรนะ พี่หกซื้อที่ดินในเมืองแล้ว!

ในเมืองเลยนะ ซื้อที่ดิน!

ต้องใช้เงินเท่าไรกันเนี่ย?

“พี่หก ที่…ที่ดินใหญ่ขนาดไหนเหรอ?” เสียงของเขาสั่นเครือ

“ก็ขนาดเท่ากับหมู่บ้านพวกเรานี่แหละ ไม่รวมตงเหลียงนะ แค่ในหมู่บ้าน ใหญ่ประมาณนั้นแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว

ชุยต้าหายใจติดขัด “ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ ต้องใช้เงินเท่าไรเนี่ย?”

“ก็ไม่เยอะหรอก ไม่กี่หมื่น” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ ขณะยกน้ำชาขึ้นมาจิบ

หากใช้หนึ่งคำเพื่ออธิบายจ้าวเหวินเทาในตอนนี้ได้เหมาะสมที่สุด ก็คงจะเป็น…วางมาด!

เย่ฉูฉู่ก็รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอเดินมาดูลูกและได้ยินคำพูดนี้พอดี ภายในใจก็แอบขำ สามีของเธอเริ่มวางท่าอีกแล้ว ท่าทางของเขาราวกับจะยืมปากของชุยต้าให้ไปพูดให้คนในหมู่บ้านฟัง

เธอเดาไม่ผิดเลย จ้าวเหวินเทาพูดกับชุยต้าแบบนี้ก็เพื่อให้ชุยต้าไปพูดให้คนในหมู่บ้านฟัง

แน่นอนว่าเขาไม่เพียงแค่พูดให้คนในหมู่บ้านฟัง แต่ที่สำคัญก็คือพูดให้ทีมใหญ่ฟังด้วย เล่าให้เลขาฟัง หลังจากนี้ก็จะได้ซื้อที่ดินได้ง่าย ๆ

ผลลัพธ์ที่ได้ชุยต้าไม่ได้ทำให้จ้าวเหวินเทาผิดหวังเลย เขากลับไปเล่าให้น้องชายและพ่อฟัง

“ใครบอกว่าพี่หกทะเลาะกับคนอื่นจนถูกขังอยู่ในเมืองกันล่ะ พี่หกไปดำเนินการซื้อที่ดินในเมืองก็เลยกลับมาไม่ทันต่างหากเล่า เขาซื้อที่ดินเลยนะ ซื้อที่ดิน!”

คำพูดที่สำคัญชุยต้าพูดย้ำถึงสามรอบ สิ่งนี้ทำให้พ่อและน้องชายมึนงงไปหมด สุดยอด ไปซื้อที่ดินถึงในเมืองเลย!

ผู้คนไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ขอแค่ซื้อที่ดิน นั่นก็แสดงออกให้เห็นถึงความสุดยอดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซื้อที่ดินในเมือง

พ่อของชุยต้านั่งไม่ติดแล้วจึงไปเล่าให้น้องชายของเขาฟัง ที่บ้านของเจ้ารองชุยก็มีเหล่าหวังสามและคนขี้เกียจในหมู่บ้านอีกสามสี่คนนั่งคุยกันอยู่พอดี พวกเขากำลังนั่งนินทาจ้าวเหวินเทากันอยู่

“พวกนายเลิกพูดถึงเขาได้แล้ว!” พ่อของชุยต้าคล้ายกับได้รับข่าวที่สำคัญบางอย่าง จึงโบกแขนด้วยความตื่นเต้น “ที่จ้าวเหวินเทาไม่กลับบ้านเมื่อคืนก็เป็นเพราะยังดำเนินขั้นตอนซื้อที่ดินในเมืองไม่เสร็จ ที่ดินใหญ่เท่ากับหมู่บ้านของพวกเราเลยนะ ตั้งหลายหมื่นแน่ะ!”

ทุกคนถึงกับชะงัก ก่อนจะทยอยเอ่ยถาม

“นายไปฟังมาจากใคร?” เหล่าหวังสามถาม

“ฉันก็ได้ยินมาจากลูกชายคนโตน่ะสิ เมื่อกี้เขาเพิ่งไปที่บ้านจ้าวเหวินเทามา แถมยังได้ไปนั่งกินข้าวที่นั่นด้วยนะ พวกนายรู้ไหมว่าเขาได้กินอะไร ข้าวขาวเชียวนะ!”

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พวกที่นินทาเหวินเทานี่เก็บเศษหน้ากันทันไหมคะ เจอข่าวซื้อที่ดินในเมืองตบหน้าหน่อยเป็นไง

ไหหม่า(海馬)