ตอนที่ 334

The Divine Nine Dragon Cauldron

คลื่นจิตสังหารพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

พลังนั้นยิ่งใหญ่มหาศาล มากพอที่จะสังหารซือหยูได้ตามใจนึก

 

เหล่านักสู้ที่กำลังล่าสัตว์อสูรไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พวกเขามองซือหยูที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

หลายคนกังวลกับสิ่งที่ซือหยูต้องเจอ

 

แต่น่าประหลาดที่ซือหยูยังคงใจเย็น เขาหันไปมองที่กลางเมือง

 

“ถ้าเจ้าเห็นทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม ทำไมเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมาให้เร็วกว่านี้เล่า?”

 

“ทำไมเจ้าไม่พูดตอนที่เขาพยายามจะขโมยคะแนนของข้าตอนที่ข้าไม่ทันได้เตรียมตัวกัน? ทำไมไม่พูดว่าเขาพยายามจะทำร้ายข้า? เจ้าที่เป็นทั้งเจ้าตระกูลและเจ้าเมืองกลับใช้วาจาซ่อนเร้นกับข้างั้นรึ? หรือว่าในการล่าสัตว์อสูรครั้งนี้ ทุกคนจะฆ่าคนอื่นก็ได้โดยไม่มีข้อยกเว้นกัน?”

 

เจ้าเมืองอันยี่มิอาจปล่อยให้มีการฆ่ากันเองเกิดขึ้นในตอนนี้แน่

 

ต่อหน้าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้กันเองถือเป็นข้อห้ามร้ายแรง เจ้าเมืองอันยี่ที่ต้องการจะต่อสู้กับคลื่นสัตว์อสูรรู้ในข้อนี้ดี

 

ถ้าเจ้าเมืองอันยี่ยอมรับ ผลที่ได้ก็จะร้ายแรงกับเมือง

 

ที่กลางเมืองเงียบไปชั่วครู่ เหล่าผู้คนเป็นกังวล แต่สุดท้ายเสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้น

 

“บุตรชายข้าเป็นฝ่ายผิด!”

 

ผู้คนอ้าปากค้าง เจ้าเมืองอันยี่ถูกบังคับให้ก้มหัวเพราะคนอื่น!

 

แต่เจ้าเมืองอันยี่ยังพูดไม่จบ

 

“แต่เจ้าก็เป็นคนผิดเช่นกัน ที่ปล่อยให้ลูกชายข้าเข้าไปติดกับดัก!”

 

ทั้งสองพยายามจะทำร้ายกัน ถ้านายน้อยตระกูลตู่เป็นคนผิด ซือหยูก็ต้องผิดด้วย

 

ซือหยูหัวเราะอย่างเย็นชา

 

“เขาโลภในคะแนนและพยายามจะฉวยโอกาสในครั้งนี้ เขาไม่ได้ระวังตัวให้ดีและเอาตัวเข้าไปติดกับเอง ข้าผิดที่ใดกัน? ข้ามีหน้าที่ในการเตือนภัยงั้นรึ? อย่าพูดถึงเรื่องที่เขาพยายามจะฆ่าข้าเลย! มันเป็นใครกัน? สหายข้ารึ? ผู้มีพระคุณรึ?”

 

“ถ้าเจ้าคิดว่าข้าต้องตอบแทนคนที่จะสังหารข้าเช่นนั้น ข้าขอให้ท่านสาธิตให้ดูจะได้หรือไม่?! ข้าคือหยินหยูที่ทำร้ายคนตระกูลตู่มากมายใช่หรือไม่? หากเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่ตอบแทนข้าโดยให้รางวัลสักหน่อยล่ะ?”

 

“ถ้าเจ้าทำไม่ได้แล้วทำไมเจ้าถึงบังคับให้ข้าตอบแทนเช่นนั้น? เรื่องนี้มันน่าขันนัก!”

 

คำพูดต่อการเผชิญหน้ากันเช่นนี้ทำให้เหล่านักสู้แทบกัดลิ้น

 

เจ้าตำหนักหยินหยูกำลังถูกสงสัยว่าเก็บเรื่องภัยตรงหน้าเอาไว้ และวางแผนให้นายน้อยตระกูลตู่ติดกับดัก แต่คำอธิบายของเขาก็มีเหตุผลอย่างมาก

 

นายน้อยตระกูลตู่ไม่รู้อันตรายตรงหน้า ถ้าซือหยูเตือนก็จะถือว่าเป็นน้ำใจ แต่ก็ไม่มีใครโทษเขาได้ถ้าเขาไม่บอก

 

เพราะอย่างไรนายน้อยตระกูลตู่ก็มิใช่สหายของซือหยู พวกเขากลับมีความบาดหมางใจต่อกัน และนายน้อยตระกูลตู่ก็พยายามจะสังหารซือหยู

 

เมืองอันยี่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบอย่างเย็นชา

 

“ลิ้นปลิ้นปล้อนนั่นมันอะไรกัน!”

 

“แล้วอย่างไรรึ? ลูกข้าก็เกือบจะถูกเจ้าสังหาร นี่ก็เป็นความจริงที่เจ้ามิอาจปฏิเสธได้!”

 

“เจ้าเป็นคนผิด!”

 

“เพื่อความยุติธรรม เจ้าทั้งสองจะต้องรับการโจมตีจากข้าเป็นการลงโทษ!”

 

เจ้าเมืองอันยี่ไม่เว้นช่องว่างให้โต้แย้ง เขาปล่อยคลื่นพลังวิญญาณสองสายออกมา

 

พลังหนึ่งพุ่งตรงไปยังนายน้อยตระกูลตู่ที่ถูกพากลับมาในเมือง ส่วนอีกพลังพุ่งตรงไปที่ซือหยู!

 

พลังที่ส่งมาถึงซือหยูนั้นเทียบได้กับอำมฤตระดับสามขั้นกลาง เกือบจะถึงขั้นสูง!

 

แม้จะฆ่าซือหยูไม่ได้ มันก็ทำให้ซือหยูเจ็บหนัก!

 

ถ้าเข้าต้องเจ็บหนักในคลื่นสัตว์อสูรเช่นนี้ ชะตาเช่นใดกันจะรอเขาอยู่?

 

นี่ไม่ต่างกับการสังหารซือหยูเลย!

 

ความต่างเดียวคือเขาฆ่าซือหยูตรงๆไม่ได้ อาณาจักรทมิฬอาจจะเข้ามาเกี่ยวข้อง!

 

และในความจริง พลังวิญญาณที่พุ่งไปหานายน้อยตระกูลตู่นั้นเป็นเพียงหนึ่งในห้าส่วนที่พุ่งไปหาซือหยู!

 

ด้วยกำลังของนายน้อยตระกูลตู่ มันทำให้เขาเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น!

 

“เขาบาดเจ็บอยู่แล้ว การลงโทษก็ต้องน้อยลงเป็นธรรมดา นี่คือการทำเพื่อความยุติธรรม เจ้าไม่ต้องเศร้าใจไป!”

 

เจ้าเมืองอันยี่พูดอย่างเรียบเฉย

 

ซือหยูหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

 

เขาพยายามจะฆ่าซือหยูอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็บอกซือหยูว่าไม่ต้องใส่ใจในความไร้ยุติธรรมตรงหน้า

 

“บัดซบ! ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าข้าก็มาหาข้าตรง เจ้าอยากทำแต่ไม่กล้า เจ้ายังคู่ควรที่จะเป็นผู้นำตระกูลหรือเจ้าเมืองอีกเรอะ?”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

 

ด้วยตัวตนของอาณาจักรทมิฬ เจ้าตระกูลมิอาจเสี่ยงฆ่าซือหยูอย่างเปิดเผย

 

ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้

 

ฟึ่บ–

 

แสงประกายที่แขน ธนูเงินปรากฏในฝ่ามือ

 

“ออกมา!”

 

ซือหยูกัดฟันใช้พลังทั้งหมดโก่งคันธนูมังกรฟ้าดิน!

 

ศรพลังวิญญาณที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้น!

 

ฟึ่บ–

 

เขาปล่อยมือ ศรธนูนั้นเป็นดั่งรุ้งที่ทะลวงนภาบินไปปะทะกับพลังวิญญาณของอีกฝ่าย

 

เจ้าเมืองอันยี่ที่ใจเย็นพูดอย่างเลือดเย็น

 

“บัดซบ! เจ้าชำระธนูไปแล้วรึ!”

 

เขาเคยสัญญาไว้ว่าจะให้ธนูกับฮั่นเจียงหลิน

 

แต่ตอนนี้ซือหยูชำระธนูไปแล้ว คงจะยากขึ้นอีกในการเอาธนูกลับมา!

 

ตู้ม—

 

พลังวิญญาณปะทะกับศรพลังวิญญาณทำให้เกิดวายุหมุนสังหารเหล่าสัตว์อสูรโดยรอบ พิรุณโลหิตโปรยปรายลงสู่ผืนดิน

 

เหล่านักสู้ต่างถอยด้วยความกลัว

 

“นั่นคือพลังของธนูมังกรฟ้าดินรึ? แค่โจมตีแบบธรมดาก็มีพลังเทียบเท่ากับอำมฤตระดับสามขั้นกลาง!”

 

เหล่าผู้คนตกใจอย่างมาก

 

ซือหยูลอยอยู่กลางอากาศ เขามองไปที่เมืองและหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

“ถ้าข้าคิดจะฆ่าลูกชายเจ้า เจ้าคิดว่าเขาจะยังรอดอยู่รึ?”

 

การโจมตีนั้นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาสังหารนายน้อยตระกูลตู่ได้

 

ในการต่อสู้เมื่อครู่ ซือหยูมีพลังที่จะสังหารเขาได้

 

“เขานี่จะเป็นครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามันมาเจอข้าอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะฆ่ามัน!”

 

ซือหยูพูดจบและเข้าไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬ

 

เขาต้องทำเช่นนี้เพื่อที่จะได้คะแนนมากที่สุดในการล่า เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเป็นรางวัลที่ตั้งไว้และเพื่อช่วยตู่หลง

 

แต่ดูจากอุปนิสัยของเจ้าเมืองอันยี่ ถึงเขาจะได้ลำดับหนึ่ง เขาก็คงมิอาจทำตามแผนได้!

 

ถ้าเขาใช้วิธีแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ เขาก็ต้องใช้เล่ห์กลเอามาเท่านั้น!

 

“เจ้ากล้าโต้ตอบการลงโทษของข้า ความผิดอีกกระทง! แล้วเจ้ายังกล้าหนีจากกลุ่มอีก! เจ้าลืมที่ข้าเพิ่งพูดไปรึ?”

 

เสียงอันไร้อารมณ์ดังมาจากเมืองอันยี่

 

คนที่กล้าหนี…ต้องตาย!

 

ซือหยูหัวเราะด้วยความโกรธ เขาคงจะตายถ้าเขาอยู่ต่อเพื่อรับการลงโทษ และเขาก็ต้องตายเช่นกันถ้าต้องเลิกล่าสัตว์อสูร

 

ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าเมืองอันยี่ก็ไม่คิดจะปล่อยให้ซือหยูรอดไปได้!

 

“งั้นเจ้าก็มาฆ่าข้าซะเถอะ!”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

ถ้าอีกฝ่ายกล้าพอที่จะฆ่าเขา เขาก็คงใช้พลังที่สังหารสัตว์อสูรอำมฤตระดับสี่นั่นไปแล้ว ทำไมเขาต้องมาพูดกับซือหยูจนถึงตอนนี้กัน?

 

“ข้าพูดเมื่อใดกันว่าข้าจะฆ่าเจ้า? ข้าก็แค่อยากจะลงโทษเจ้าเท่านั้น!”

 

เจ้าเมืองอันยี่แก้ตัว

 

จากนั้นคลื่นพลังอำมฤตระดับสามขั้นสูงก็พุ่งเข้าใส่ซือหยู!

 

เมื่อเห็นพลังวิญญาณพุ่งเข้ามา แววตาซือหยูเย็นชาลง

 

“ออกมา!”

 

ศรพลังวิญญาณถูกปล่อยออกไปอีกครั้ง

 

ครืน—

 

ผลของการระเบิดนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม!

 

พลังวิญญาณสองสายปะทะกัน มีพลังวิญญาณอีกเล็กน้อยที่หลงเหลือพุ่งเข้าใส่ซ์อหยู!

 

“เร่งเวลา!”

 

ในยามวิกฤติ ซือหยูต้องเร่งเวลาเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นอีก!

เขาพุ่งทะยานไปไกลหลายลี้ในพริบตาเดียวและเกือบจะไม่รอดจากพลังวิญญาณนั้น

 

จากนั้นเขาก็หนีไปไกลถึงขอบนภา

 

เขาหายตัวไปในพริบตา

 

ซือหยูหนีไปได้!

 

เจ้าเมืองอันยี่ปรารถนาจะไล่ตามแต่เขาจะละมือไปจากคลื่นสัตว์อสูรได้อย่างไร?

 

ซือหยูหยุดที่ไกลออกไปหลายลี้ แววตาเขาเย็นชา

 

“เจ้าเมืองอันยี่ ข้าจะต้องล้างแค้นเจ้าให้ได้!”

 

ซือหยูร่อนลงกับพื้น เขาเดินกลับหลังไปอย่างเงียบเชียบ

 

เขาเดินไปจนถึงข้างซากศพของวิหคน้ำแข็ง!