บทที่ 58 ใครจะเป็นศัตรูได

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ในขณะที่จ้างตงเห็นการโจมตีของเหล่ยซิงไห่ เขาก็หมดหวังแล้ว

เขาเห็นพลังอันแข็งแกร่งของเหล่ยซิงไห่ได้อย่างรวดเร็ว และถึงกับนึกถึงฉากโศกนาฏกรรมที่เย่เทียนกำลังจะเผชิญ

แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น เขาจึงหันไปมองและทำให้เขาตกใจจนแข็งทื่ออยู่กับที่

เหล่ยซิงไห่ที่น่าเกรงขามก่อนหน้านี้ได้นอนคาพื้นเหมือนสุนัขที่ตายไปแล้ว ด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของเขาจึงบูดเบี้ยวอย่างดูไม่ได้

สิ่งนี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”

“หึหึ ปรมาจารย์จ้างครับ ระดับเหลืองชั้นสูงที่คุณพูดถึงก็ไม่เท่าไหร่นะครับ!”

เป็นหลิวชิงเองที่ตั้งสติได้ก่อนและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “แค่หมัดเดียวของคุณเย่ มันก็ล้มลงกับพื้นแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

“นี่มันเป็นไปได้ไง?”

สีหน้าของจ้างตงเปลี่ยนไปอย่างมาก ต้องรู้ว่าเหล่ยซิงไห่เป็นถึงนักบู๊ระดับเหลืองชั้นสูง ซึ่งต่างจากระดับดำแค่ระดับเดียวเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าเจอเผชิญหน้าด้วย มันก็ยากที่จะรอดไปได้!

แต่แล้ว เย่เทียนกลับเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย แสดงว่า เย่เทียนแข็งแกร่งกว่างั้นหรือ?

“หรือว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดำ?”

จ้างตงรู้สึกสงสัยในใจ และสายตาที่มองเย่เทียนก็ค่อยๆ กลายเป็นความอิจฉา

“ข้าไม่นึกเลยว่า เพิ่งออกจากเขาก็เจอยอดฝีมือเข้าแล้ว!”

และในขณะนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนต่างก็หันไปมอง จากนั้นรถสองคันที่ไม่รู้มาเมื่อไหร่ก็จอดอยู่ที่ริมทะเลสาบเยี่ยนกุย

โดยรอบของรถมีคนยืนอยู่มากมาย และในท่ามกลางคนเหล่านั้น ชายแก่คนหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงกลาง ซึ่งเขาคนนั้นก็คือหวางลี่ เป็นนักบู๊ระดับดำและยังเป็นศิษย์พี่ของหวางซานด้วย!

คำพูดเมื่อครู่นี้ก็ดังมาจากปากเขานั่นเอง!

ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หวางลี่คือเชิ่งหู่ หัวหน้าของแก๊งเสือดำ!

“เชิ่งหู่!”

เมื่อหลิวชิงเห็นคนที่มา สีหน้าของเขาก็ตึงเครียดทันที

นอกจากหวางลี่คนนั้นแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นสมาชิกแก๊งเสือดำทั้งนั้น

“หลิวชิง มึงคงคิดไม่ถึงสิว่า กูจะมาที่นี่ได้ไง!”

เชิ่งหู่หัวเราะเยาะและมองพวกเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

ก่อนหน้านี้เขาวางแผนกับหลิวเหวินซวุ่แล้ว และรอโอกาสนั้นมาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าสองวันผ่านไป โอกาสจะมาเยือนอยู่ตรงหน้า!

“แกมาทำอะไรที่นี่?”

แม้หลิวชิงกังวลใจมาก แต่เขายังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย

“แน่นอนว่าต้องมาจัดการแก๊งไผ่เขียวของนายอยู่แล้ว แล้วก็นายด้วย เย่เทียน อย่าคิดว่าวันนี้นายจะรอดไปได้อีก!”

เชิ่งหู่แสดงสีหน้าดุร้าย และคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความเย็นชา

เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของหลิวชิงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

พวกเขาในตอนนี้อยู่กลางทะเลสาบ นอกจากสะพานนั้น พวกเขาไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว!

อีกทั้งคืนนี้เขาไม่ได้พาลูกน้องมาด้วย แต่ศัตรูมากับจำนวนมากมาย ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็ยากที่จะรอดไปได้แน่!

“ให้ตายสิ!”

หลิวชิงแอบด่าเชิ่งหู่ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ในใจ แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา และพูดอย่างเย็นชาว่า “เชิ่งหู่ แกกล้าทำอะไรข้างั้นเหรอ นี่แกไม่กลัวตระกูลฉินจะเอาคืนเลยใช่ไหม?”

“ตระกูลฉินเหรอ?” เชิ่งหู่เบะปากแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ตระกูลฉินแล้วยังไง หลังจากคืนนี้ทั่วทั้งเจียงหนันก็จะเปลี่ยนไป ต่อให้เป็นตระกูลฉินก็ไม่กล้าจะทำอะไรข้าหรอก!”

ในขณะที่พูดอยู่เขาก็มองไปทางหวางลี่ เพราะหวางลี่คือที่พึ่งที่ดีที่สุดของเขาในตอนนี้!

หวางลี่ไม่ได้พูดมาก เขาได้แต่ก้าวไปข้างหน้าและเดินตรงไปทางทะเลสาบ!

แต่ฉากต่อมา ทำให้ทุกคนตกใจราวกับเห็นผีและงงเป็นไก่ตาแตก

เพราะพวกเขาเห็นหวางลี่เหยียบลงทะเลสาบและยังเดินอยู่บนน้ำราวกับเดินอยู่บนพื้นดิน แม้ระยะห่างเป็นร้อยเมตร แต่เขากลับวิ่งผ่านได้ในพริบตา!

“พลังภายในปลดปล่อยออกมา และยังเดินอยู่บนน้ำได้ด้วย!”

“เขา……เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดำจริงๆ!”

สีหน้าของจ้างตงเปลี่ยนไปทันที และทันใดนั้นเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับเพิ่งเสียญาติพี่น้องไป

ถ้าเป็นเหล่ยซิงไห่เมื่อครู่นี้ เขาอาจยังกล้าที่จะประลองกัน

แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับดำแล้ว ถ้าหากจะฆ่าเขาจริงๆ มันง่ายยิ่งกว่าการฆ่ามดตัวหนึ่งด้วยซ้ำ

หลิวชิงและคนอื่นๆ ดูเคร่งเครียดทันที พวกเขาได้แต่จับจ้องไปที่หวางซานที่ยืนอยู่บนเกาะราวกับเห็นผีตนหนึ่ง

หวางลี่คนนี้อายุหกถึงเจ็ดสิบปีแล้ว เขาผมหงอกเต็มหัวและใส่เสื้อคลุมสีเขียวเข้มพร้อมกับสองมือไขว้หลังเอาไว้ ซึ่งดูแล้วเขาไม่ต่างอะไรกับปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในของภาพยนตร์เลย

ขณะที่เขายืนอยู่บนเกาะ ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับมีไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายในตัว

แม้แต่เย่เทียนก็หันไปมองพร้อมกับสายตาที่มีเงื่อนงำ

และในขณะนี้เอง เชิ่งหู่ก็พาคนของเขาวิ่งมาและสายตาที่มองหวางซานก็เต็มไปด้วยความยกย่อง

สองวันก่อนหน้านี้ที่เจอหวางลี่เป็นครั้งแรก เขาได้ยอมรับในความแข็งแกร่งของหวางลี่ไปแล้ว

“ผู้อาวุโสหวางครับ คนนั้นก็คือเย่เทียน คนที่ท้าทายบริษัทแซ่หลิวครับ!”

ทันทีที่ได้ยินคำนี้ หวางลี่ก็หันกลับมาแล้วมองไปที่เย่เทียน

“อ้อ นายเองเหรอ เย่เทียน ฝีมือไม่เลวเลยนะ ถึงสามารถเอาชนะนักบู๊ระดับเหลืองได้ จากวันนี้ ไปนายมาทำงานให้ข้าสิ อยู่กับข้า แล้วข้าจะรับปากว่าจะไม่ฆ่านาย!”

เมื่อเขาพูดจบ สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

และก่อนที่เย่เทียนจะตอบ เขาก็พูดต่อว่า “แล้วก็ นับตั้งวันนี้เป็นต้นไป แก๊งไผ่เขียวจะเป็นลูกน้องของแก๊งเสือดำ และอนาคตของเจียงหนัน ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งจากข้า!”

แม้เสียงของเขาไม่ได้ถือว่าดังมาก แต่ก็ดังชัดเจนในหูของทุกคน

“ไอ้แก่หัวหงอก ยังกล้ามายึดครองโลกใต้ดินของเจียงหนันเหรอ? เดี๋ยวกูเป่าหัวมึงทิ้งแม่งเลย!”

และในขณะนั้น ลูกน้องคนหนึ่งของหลิวชิงหยิบปืนออกมาจากเอวแล้วยิงรัวไปที่หวางลี่สามนัด!

ถ้าเป็นคนธรรมดา สามนัดนี้ เพียงพอที่จะปลิดชีวิตของเขาได้!

หลิวชิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความหวัง แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความหวังก็กลายเป็นความผิดหวังทันที!

กระสุนยิ่งฝ่าอากาศในยามราตรี เดิมที่จะยิงใส่ตัวของหวางลี่

แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร กระสุนที่อยู่ห่างจากหวางลี่เพียงแค่ครึ่งเมตรก็หยุดอยู่กลางอากาศ

ซึ่งมันยากที่จะจินตนาการได้จริงๆ!

“ผู้แข็งแกร่งระดับดำ จะสร้างเกาะให้กับตัวเอง และกระสุนก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องจริง มันเป็นเรื่องจริง!”

จ้างตงก็ถึงกับตัวสั่นปากสั่นไปหมด

“หือ……”

ผู้คนในศาลาก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับสีหน้าที่ซิดเซียว

“ผู้อาวุโสหวางแข็งแกร่งและน่าเกรงขามมากจริงๆ!”

ส่วนเชิ่งหู่ก็หัวเราะออกมาอย่างประจบสอพลอ

หวางลี่โบกมือแล้วถอดเกาะที่สร้างขึ้น จากนั้นหันมองไปที่คนที่ยิงปืนออกมา

“กล้ายิงข้างั้นเหรอ ไปตายซะ!”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น หวางลี่ก็ดูเหมือนจะสะบัดฝ่ามือเบาๆ!

บูม!

เสียงดังสนั่นขึ้น

ลมจากฝ่ามือที่ไม่สามารถมองเห็น ได้พุ่งเข้าใส่ร่างกายของชายคนนั้น

ชายคนนั้นกรีดร้องออกมาและกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตรทันที และก่อนที่เขาจะร่วงลงพื้น เขาก็สิ้นชีพไปแล้ว!

“นี่มัน……”

หลิวชิงกลัวจนสุดขีดแล้ว เขาได้แต่เบิกตากว้างแล้วกลืนน้ำลายอย่างไม่หยุด

เดินอยู่บนผิวน้ำ ไม่กลัวแม้แต่ปืน และยังฆ่าคนด้วยลม!

นี่มันฝีมือของเทพชัดๆ ถามจริงใครจะสู้กับเขาได้อีก?