นอกสวรรค์

นอกตำหนักราชาเทพ

เทพทุกองค์ต่างคุ้มกันทางเข้าวิหาร ปิดกั้นไม่ให้เทพจินเยี่ยนและมนุษย์แสงเข้าไปได้

กู่ฉิงซานไม่สนใจเรื่องนี้อีกแล้ว

เพียงสะบัดมือ วัตถุดิบหายากทั้งหมดลอยเข้าวิหารก่อนวางเรียงตรงหน้าลั่วปิงหลีอย่างเป็นระเบียบ

กู่ฉิงซานแตะลั่วปิงหลีอีกครั้ง

พลังเยือกแข็งที่ปกคลุมลั่วปิงหลีเอาไว้กลายเป็นหมอกก่อนกระจายหายไป

ลั่วปิงหลีได้รับอิสรภาพอีกครั้ง

นางก้มลงกับพื้นขณะตรวจสอบวัตถุดิบหายาก

“วัตถุดิบเพียงพอ ข้ารู้สึกแล้วว่าผนึกกำลังปรากฏขึ้นจากจุดตันเถียนของข้า ตอนนี้ข้าอยากจะคลายผนึกออก เจ้าจะต้องปกป้องข้า”

ลั่วปิงหลีหลับตาลงก่อนเริ่มพยายามคลายผนึกในจุดตันเถียนออก

กู่ฉิงซานลุกขึ้นจากบัลลังก์ เดินไปตามโถงช้าๆ ก่อนมายืนอยู่หลังลั่วปิงหลี

นี่คือช่วงเวลาสำคัญ ต่อให้จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่กู่ฉิงซานก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว

เขาชักคทาเยือกแข็งออกมาอย่างเงียบงันเพื่อเตรียมใช้วิชาเยือกแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดเพื่อขัดขืนทุกการโจมตีที่เป็นไปได้

หลังจากใช้พลังวิญญาณทั้งหมดเพื่ออัปเกรด “สกิลเทพสงคราม” และเรียนรู้สกิลเทพแห่งความเย็นยะเยือก ในที่สุดมันก็กลายเป็นไพ่ตายของกู่ฉิงซาน

นอกตำหนักราชาเทพ เทพจินเยี่ยนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้าเคยสนใจอนาคตของเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยหรือ”

เทพองค์หนึ่งตะโกนตอบว่า “พวกข้าต้องรอดก่อนจึงสามารถสนใจอนาคตได้”

เทพหลายองค์เห็นด้วย

เทพจินเยี่ยนกัดฟัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เขาเป็นเพียงแค่เทพ ต้องเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์เทพบรรพกาลทั้งหมด มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับมือได้โดยง่าย

เทพจินเยี่ยนหันศีรษะไปกระซิบกับมนุษย์แสง “เจ้าต้องคิดหาทางแล้ว”

มนุษย์แสงกล่าวว่า “ท่านราชาเทพ โปรดเชื่อข้าด้วย อนาคตสำคัญมาก โปรดช่วยเขาด้วยเถอะ!”

กู่ฉิงซานฟังก่อนยิ้มออกมา

เขากล่าวว่า “ไม่มีปัญหา เขาจะต้องไปฆ่านักพรตมนุษย์จากอนาคตอยู่แล้ว ข้าจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่เอง”

มนุษย์แสดงกล่าวว่า “เช่นนั้นดาบ…”

กู่ฉิงซานขัดอีกฝ่าย จากนั้นกล่าวว่า “น่าแปลก เขาบอกว่าการฆ่าคนคนนั้นจะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงอาจหาญมาท้าทายราชาเทพผู้นี้เพื่อดาบเล่มนั้นกันเล่า”

เทพจินเยี่ยนแย้งว่า “นั่นก็เพราะถ้าข้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไป ข้าจะทำให้อนาคตดียิ่งกว่าได้”

กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา “ความปรารถนาทำให้ตาของเจ้ามืดบอด ทำให้เจ้าหลงลืมหน้าที่ตัวเอง เจ้าเพียงแค่ทำตัวอาจหาญเพื่อต้องการสมบัติก็เท่านั้น”

เขากล่าวกับมนุษย์แสงว่า “ตอนนี้ข้ามีวิธีคลี่คลายสำหรับทั้งสองโลกแล้ว”

“เชิญท่านว่ามา” มนุษย์แสงกล่าว

“ข้าจะส่งเทพทรงพลังบางส่วนติดตามเขาเพื่อไปตามหาและฆ่านักพรตมนุษย์ผู้นั้น แบบนี้ ในอนาคตก็จะไม่มีปัญหาแล้ว”

“ส่วนความลับของดาบศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นของข้า ข้าจะตามหาดาบเล่มนั้นเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของเทพทั้งมวล แบบนี้ เทพอย่างพวกเราก็ไม่ต้องถึงแก่ความตายแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวช้าๆ

เทพทุกองค์พยักหน้าหลังจากได้ฟังเช่นนี้

ใช่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งปัญหาในอนาคตและปัจจุบันก็จะได้รับการคลี่คลาย

มนุษย์แสงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงเกิดความลังเล “หนทางการตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์อันตรายมาก ท่านอาจจะไม่รอดก็ได้”

กู่ฉิงซานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าคือราชาเทพผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์เทพ ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้ แล้วจะให้องค์อื่นทำแทนหรือ”

มนุษย์แสงกล่าวว่า “เทพจินเยี่ยนรู้ความลับมากมาย ถึงแม้เขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าท่าน แต่เขารับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีกว่า”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขารู้ความลับมากมายจนมากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้” กู่ฉิงซานถาม

“ข้ามั่นใจ” มนุษย์แสงกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างพึงพอใจ “แบบนั้นเขาก็สามารถบอกความลับเหล่านั้นให้ข้าฟังได้ ทำแบบนี้ไม่เพียงแค่ข้าจะกลายเป็นเทพผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่ยังเป็นเทพผู้รู้ความลับมากที่สุดอีกด้วย”

“นอกจากข้าก็ไม่มีใครที่เหมาะจะควบคุมดาบเล่มนั้นอีกแล้ว!”

มนุษย์แสงตกตะลึง

เทพจินเยี่ยนจ้องเขม็ง ปากอ้ากว้าง แต่ไร้คำพูดออกมาอยู่เนิ่นนาน

พูดมาได้อย่างไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สู้เพื่อดาบเล่มนั้น แถมยังจะให้มอบความลับอีกมากมายให้งั้นหรือ

แบบนี้…

ขณะเทพจินเยี่ยนคิด กู่ฉิงซานก็ได้ทำการตัดสินใจแล้ว “เอาตามนั้นก็แล้วกัน เทพแห่งการโกหก เจ้ารับผิดชอบเรื่องตรวจสอบคำพูด อย่าให้เขามาดูถูกด้วยคำโกหกเด็ดขาด”

“เทพแห่งชีวิต เทพแห่งการวัดผล เทพแห่งเสียง เทพแห่งน้ำ ดูแลเขาตอนเค้นความลับให้ดี รอจนกระทั่งเสร็จสิ้นแล้วมารายงานข้า”

“ขอรับ นายท่าน!” พวกเทพขานรับ

เทพจินเยี่ยนถูกพาตัวไป

มีเพียงมนุษย์แสงที่ยังยืนอยู่เพียงลำพังโดยไม่พูดอะไรมาพักใหญ่แล้ว

กู่ฉิงซานไม่สนเรื่องนอกโถงอีก เขาหันมามองลั่วปิงหลี

นางลืมตาขึ้น

“ผนึกคลายออกแล้ว ข้าเข้าใจวิธีหลอมแผ่นหยกแล้ว โปรดรออีกสักพัก ข้าจะสร้างแผ่นหยกให้เดี๋ยวนี้แหละ” ลั่วปิงหลีกล่าว

นางใช้มือสร้างไฟขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนเริ่มเผาวัตถุดิบหายากนานาชนิดด้วยเปลวไฟ

กู่ฉิงซานยืนกุมมืออยู่ด้านข้างขณะรออย่างอดทน

หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุด เขาก็เข้าใกล้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไปอีกขั้นแล้ว

ตอนนี้เอง มนุษย์แสงที่อยู่นอกตำหนักพลันเคลื่อนไหว

เขากล่าวกับกู่ฉิงซานว่า “ท่านราชาเทพ มีความลับที่ข้าต้องบอกท่านให้ได้”

“ความลับอะไร” กู่ฉิงซานถาม

มนุษย์แสงมองเหล่าเทพที่ทำน้าที่คุ้มกันตำหนักก่อนกล่าวว่า “ความลับนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่รู้ได้”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างยินดีว่า “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาที่โถงได้เลย”

หลังจากกลายเป็นร่างเป็นเทพแห่งความเย็นยะเยือก ทำให้เขามีความมั่นใจในระดับหนึ่ง นั่นก็คือศัตรูไม่มีทางสังหารเขาได้ในครั้งเดียว

เหล่าเทพได้ยินคำพูดของราชาก่อนเปิดทางให้

มนุษย์แสงเดินเข้าตำหนักราชาเทพ

มันมองลั่วปิงหลีผู้กำลังขัดเกลาแผ่นหยก จากนั้นมองกู่ฉิงซาน

“เป็นอะไร เจ้ามีเรื่องอยากจะบอกข้าไม่ใช่หรือ” กู่ฉิงซานถาม

มนุษย์แสงพึมพำออกมา “ในฐานะราชาเทพ ความสามารถของท่านในการทำเช่นนี้เกินกว่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์”

“เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ” กู่ฉิงซานแสร้งทำเป็นสับสน

มนุษย์แสงพลันถามว่า “นายท่าน เป้าหมายของท่านคืออะไรกันแน่”

“เป้าหมายของข้าหรือ”

“ใช่ เป้าหมายที่แท้จริงของท่านที่ทำให้ยอมทำทุกอย่างนี้”

กู่ฉิงซานกำลังจะพูด แต่จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นถึงบางสิ่งในคำพูดของอีกฝ่าย

เขาลดความเร็วลง ขบคิดแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อข้ารู้รากฐานความลับที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์พวกเราแล้ว ความคิดเดียวของข้าคือการเข้าประตู มีเพียงวิธีนั้นที่จะทำให้พวกเราควบคุมชะตากรรมได้”

มนุษย์แสงกล่าวว่า “ตามข้อตกลงกับเผ่าพันธุ์บรรพกาล ท่านสามารถช่วยให้พวกเขากลืนกินพวกมนุษย์ต่อได้ จนสุดท้ายพวกเขาก็ยอมให้พวกเราเข้าประตูบานนั้น”

“ไม่” กู่ฉิงซานตอบอย่างเด็ดขาด “การฝากความหวังไว้ที่คนอื่นเป็นการพึ่งพาที่ไม่มีความหมายอะไร ขอเพียงเจ้ามีกองกำลังที่ทัดเทียมกันก็สามารถรับประกันความยุติธรรมของข้อตกลงได้แล้ว”

มนุษย์แสงเงียบไปสักพักก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

เขาเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างได้ก่อนกล่าวว่า “ท่านราชาเทพ ท่านรู้หรือไม่ ที่จริงแล้วท่านอาศัยอยู่ในภาพมายา”

หัวใจของกู่ฉิงซานแทบกระโจนออกมาเมื่อได้ยินเช่นนี้

นี่หมายความว่าอย่างไร

มนุษย์แสงเตรียมจะบอกเรื่องการทำลายภาพซ้อนทับแห่งเวลางั้นหรือ

อีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรกันแน่

กู่ฉิงซานมองมนุษย์แสงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ถ้าเจ้ามีความลับอะไร เช่นนั้นก็จงบอกราชาผู้นี้มาเถอะ ถ้าเจ้าพยายามทำให้ราชาผู้นี้สับสนด้วยคำพูดที่อธิบายไม่ได้ล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ”

“ไม่ ไม่ทำให้ท่านสับสนแน่นอน” มนุษย์แสงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ข้าจะแสดงความจริงของประวัติศาสตร์ให้ได้เห็นเอง”

เขายื่นมือออกไปหากู่ฉิงซาน “นายท่าน ท่านต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำว่าท่านคือราชาผู้ยอดเยี่ยมจนแม้แต่สหายในอนาคตของท่านก็ไม่อาจสั่นคลอนตำแหน่งลงได้ กลับกัน ท่านจะตระหนักถึงทิศทางของอนาคตที่ทรงอำนาจมากยิ่งขึ้น”

“นายท่าน ตอนนี้ท่านมีคุณสมบัติเข้าสู่ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงแล้ว”

“คำว่าจริงของเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร”

“นายท่าน ท่านไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว โปรดจับมือข้าเอาไว้ ข้าจะพาท่านไปดูความลับของภาพซ้อนทับแห่งช่วงเวลา”

กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก

“ต้องสู้หรือเปล่า”

เขาคล้ายกับไม่รู้อะไรเลยถึงได้ลังเลที่จะถาม

“ไม่” มนุษย์แสงตอบ “สำหรับครั้งแรก พวกเราแค่อยากให้ท่านรู้ความจริง ส่วนเรื่องอื่น พวกเราไว้คุยกันทีหลังก็ได้”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองลั่วปิงหลี

ลั่วปิงหลีไม่มองเขา แต่ส่งกระแสจิตมาว่า “นี่คล้ายกับเป็นหนทางเอาตัวรอดที่ถูกเตรียมโดยเผ่าพันธุ์เทพ เจ้าต้องระวังตัวไว้ด้วย”

กู่ฉิงซานส่งกระแสจิตกลับไปว่า “ถ้าข้าไปขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ”

“วางใจได้ พอเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าจะถ่วงเวลาการขัดเกลาแผ่นหยกเอาไว้จนกว่าเจ้าจะกลับมา” ลั่วปิงหลีกล่าว

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นก่อนตะโกนไปที่นอกวิหาร “สิบสองอารักขาเทพ คุ้มกันตำหนักเพื่อราชาองค์นี้ให้ดี ห้ามให้ใครเข้าออกเด็ดขาด”

“ขอรับ นายท่าน”

เสียงของสิบสองอารักขาเทพดังมาจากนอกโถงของเหล่าเทพ

กู่ฉิงซานจับมือมนุษย์แสงเอาไว้ก่อนกระซิบแผ่วเบาว่า “อย่าพยายามหลอกข้า ไม่อย่างนั้น ต่อให้เจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากเจตจำนงของเทพ ข้าก็จะไม่มีวันปรานีเด็ดขาด!”

มนุษย์แสงกล่าวว่า “นายท่าน ท่านจะต้องขอบคุณข้าในไม่ช้าแน่”

“ขอบคุณหรือ”

“ใช่ ท่านจะต้องขอบคุณข้าที่มอบชีวิตใหม่อย่างแท้จริงให้”

……………………………….