ตอนที่ 109 ระดับความชำนาญของพลิกสมุทรเพิ่มขึ้น

ระบบอัพเกรดเทพชาย

ตอนที่ 109 ระดับความชำนาญของพลิกสมุทรเพิ่มขึ้น

 

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียวเปล่งแสงสีฟ้า และปลดปล่อยแรงกดดันจากโบราณกาลออกมา

 

พลังและแรงกดดันอันทรงพลังนี้ทำให้สัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาตัวแข็งค่าง

 

แน่นอนว่าโอกาสแบบนี้หลิงเซียวย่อมไม่พลาดมันอยู่แล้ว

 

หลิงเซียวขยับมือ ดาบถึงในมือของเขาพลันฟาดฟันลงไป

 

ดาบอันคมกริบไร้ที่เปรียบฟาดฟันลงไปที่ศีรษะของสัตว์อสูรเหยียบเมฆาทันที

 

ฉึก!

 

เลือดหลั่งไหล ศีรษะของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาถูกปกคลุมไปด้วยเลือด

 

ดาบถึงที่ห่อหุ้มด้วยพลังจิตวิญญาณทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้บนใบหน้าของมัน

 

โฮกกก!

 

เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาจากปากของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆา

 

ขณะที่มันค่าราม หลิงเซียวก็ตะโกนอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า “พลิกสมุทร! “

 

พลังจิตวิญญาณพุ่งออกมาจากหน้าอกของหลิงเซียว ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ มันพุ่งเข้าใส่ลำคอของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาอย่างรวดเร็ว

 

ความเจ็บปวดอันมหาศาลทำให้สัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาค่ารามออกมาอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นเอง แสงเย็นเยือกก็พุ่งผ่านล่าคอของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาไป

 

แสงเย็นนี้ไม่ใช่อย่างอื่น มันคือดาบถังในมือของหลิงเซียว!

 

ฉึก!

 

เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นอาบย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน

 

หลิงเซียวถอยหลังออกไป ร่างของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาสั่นไหวอยู่หลายที่ ก่อนจะล้มลงกับพื้น

 

เหล่าคนดูในห้องถ่ายทอดสดถึงกับอึ้ง นี่มัน… นี่มันตายแล้วงั้นเหรอ?

 

“หลิงเซียวช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก นี่คือนักรบวิญญาณระดับสี่หรือไม่ก็ระดับห้า และมันยังเป็นสัตว์วิญญาณที่มีพลังป้องกันสูงมากอีกด้วย แต่มันกลับตายด้วยน้ำมือของหลิงเซียว!”

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? สัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาทำร้ายหลิงเซียวได้เพียงเล็กน้อย มันก็ตายลงซะแล้ว”

 

“เทพเจ้าหลิง พลังการต่อสู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

 

“…”

 

ในตอนนั้นเอง หลิงเซียวก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้ง

 

“อึ้ง! ทักษะต่อสู้จิตวิญญาณของโฮสต์ พลิกสมุทร เพิ่มระดับความชานาญ +i!”

 

“ตั้ง! ทักษะต่อสู้จิตวิญญาณของโฮสต์ พล็กสมุทร เพิ่มระดับความชำนาญ +1!”

 

“อึ้ง! ทักษะต่อสู้จิตวิญญาณของโฮสต์ ระดับความชำนาญของ พลิกสมุทร เพิ่มขึ้น ระดับความชำนาญในปัจจุบันของโฮสต์เพิ่มขึ้นเป็นสำเร็จเล็กน้อย!”

 

เมื่อหลิงเซียวได้ยินดังนั้น ก็เผยรอยยิ้มออกมาในทันที

 

การต่อสู้เมื่อครู่นี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที เท่านั้น แต่ในช่วงเวลานี้ หากหลิงเซียวไม่ทันระวัง เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสได้

 

ดังนั้นหลิงเซียวจึงใช้พลิกสมุทรอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่คิดเลยว่าพลิกสมุทรจะยกระดับขึ้นขนาดนี้

 

ซูเหยาและหวังไฉขยับตัวและพุ่งไปยังหลิงเซียวทันที

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูเหยาถามออกไป

 

หลิว รั่วเหยียน มองไปที่หลิงเซียวด้วยสีหน้าเป็นห่วง ส่วนหวังไฉก็เดินไปเดินมาข้างๆสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆา

 

ดูจากท่าทางของมันแล้ว เหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะกินสัตว์วิญญาณตัวนี้อย่างไร

 

“ไม่เป็นไร” หลิงเซียวกล่าว

 

จากนั้นหลิงเซียวก็ถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วเฉาผิงกับหยวนมู่ล่ะ?”

 

“พวกเขาน่าจะมาเร็วๆนี้” ซูเหยาตอบ

 

ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาก็พลันดังขึ้น

 

“เฉาผิง? หยวนมู่? นายหมายถึงพวกเขาสองคนเหรอ?” ชายหนุ่มร่างสูงยืนเอามือไพล่หลังเดินออกมาอย่างช้าๆจากที่ที่เฉาผิงเฝ้าระวังอยู่

 

และมีผู้เข้าแข่งขันอีกสี่คนที่เดินตามหลังเขามา คนหนึ่งถือเฉาผึ้งและอีกคนถือหยวนมู่

 

บนร่างของเฉาผึ้งและหยวนม่มีรอยแผลอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 

หลิงเซียวขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แกทำอะไรกับพวกเขา?”

 

“ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่สั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเขาก็เท่านั้นเอง” ชายคนนั้นยิ้มบางๆ

น้ำเสียงของชายคนนั้นเรียบเฉยราวกับว่าทุกอย่างไม่สาคัญสำหรับเขา

 

“ดูเหมือนว่าแกจะสนใจสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาสินะ?” หลิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น

 

ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ถูกต้อง มอบของและเสบียงทั้งหมดของพวกแกมาให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป! มิฉะนั้น…”