บทที่ 10 เจ้าเป็นใคร?[รีไรท์] EnjoyBook
บทที่ 10 เจ้าเป็นใคร?[รีไรท์]
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง จ้าวหมิงลู่ถึงกับงงไปชั่วครู่ วิธีแก้ปัญหาแบบนี้มันอะไรกัน?
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจนาง ขณะที่พวกเขาทั้งสองมาถึง “หอการค้า มี่ตั้วตั้ว” ของตระกูลมี่
หลิงตู้ฉิงใช้จ่ายเงิน 30,000 เหรียญทองเพื่อซื้อแหวนเก็บของมิติขนาดเล็ก
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มซื้อของอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อหอการค้า ‘มี่ตั้วตั้ว’ ไม่มีสิ่งที่เขาต้องการแล้ว จากนั้นเขาก็ไปต่อที่หอการค้าหมอกเมฆา ซึ่งเป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟีนิกซ์
เขาได้ซื้อ คริสตัลเปลวเพลิง, เถาวัลย์เพลิงปฐพี, ผลมี่หยุน และแม้แต่ใช้จ่ายไปอีก 3,000 เหรียญทองเพื่อซื้อเลือดอสูรเพลิงปฐพีขวดเล็ก หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ไปที่สมาคมปรุงยาและซื้อเตาหลอมโอสถรวมไปถึงสมุนไพรจำนวนมาก
หลังจากการเดินทางครั้งนี้ เหรียญทอง 100,000 เหรียญที่จ้าวเหมิงลู่เพิ่งมอบให้เขาตอนนี้เหลือเพียง 10,000 เหรียญทองกว่า ๆ
อันที่จริงแล้วถ้าหากเขาไม่จำเป็นต้องเหลือเงินไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของคนในเรือน หลิงตู้ฉิงคงใช้พวกมันจนหมดไม่เหลือสักแดงเดียว
หลังจากซื้อของหลายอย่างเสร็จแล้ว หลิงตู้ฉิงและจ้าวเหมิงลู่ก็ออกจากสมาคมปรุงยาไปด้วยกัน ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไปพวกเขาก็ต้องหยุดเดิน
เวลานี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ขวางทางพวกเขาไว้
“เจ้าคือคนที่บอกว่าสถาบันหงส์เพลิงของเราเป็นขยะและเจ้ายังทำให้น้องชายของข้าบาดเจ็บอีกด้วยใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มถามด้วยสีหน้าถมึง
“เจ้าเป็นใคร?” หลิงตู้ฉิงถามอย่างขวานผ่าซาก
ชายวัยกลางคนตอบด้วยโทสะว่า “ข้าคือ เจิ้นป่าเจ่า ผู้อำนวยการขนส่งของสถาบันหงส์เพลิง เจิ้นสีชวงเป็นน้องชายของข้า”
หลิงตู้ฉิงจ้องมองที่เจิ้นป่าเจ่า และพูดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8 เจ้ามันก็แค่เศษขยะไม่ได้ต่างจากน้องชายเจ้าสักเท่าไหร่”
เจิ้นป่าเจ่าพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่คนเขาพูดกันไว้เลย ตัวจริงของเจ้านี่มันช่างยโสโอหังน่าตายจริง ๆ เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 8 แล้วยังปากดีด่าชาวบ้านเป็นขยะโดยไม่ดูสารรูปตัวเองเอาซะเลย!”
จ้าวเหมิงลู่ที่อยู่ข้าง ๆ ตะลึงงัน ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเขาอยู่ที่ระดับ 7 เหรอ?
ขณะที่นางมองหลิงตู้ฉิงอย่างระมัดระวัง น้ำตานางก็เอ่อขึ้นมา มันเป็นระดับ 8 จริง ๆ หลิงตู้ฉิงบ่มเพาะอย่างไร ทำไมถึงเลื่อนระดับได้ในคืนเดียว? ทำไมกว่าที่นางจะเลื่อนระดับได้สักขั้นนางต้องฝึกฝนแทบเป็นแทบตายและทำไมเขาถึงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนให้มันอะไรมากมายแต่ระดับกลับเพิ่มเอา ๆ แบบนี้กัน?
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจเจิ้นป่าเจ่า เพราะเขาไม่จำเป็นจะต้องพูดคุยกับเศษขยะ
อย่างไรก็ตามในสายตาของเจิ้นป่าเจ่า เขาคิดว่าหลิงตู้ฉิงกลัวเขา
“เจ้าพูดว่าน้องชายของข้าเป็นขยะใช่หรือไม่? เจ้าชอบกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่าใช่ไหม? ถ้าเจ้ามีความสามารถก็เข้ามาและทำให้ข้าเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน” เจิ้นป่าเจ่าเยาะเย้ย
“ข้าไม่มีเวลา!” หลิงตู้ฉิงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับจ้าวเหมิงลู่ “แม้ว่าเจ้าจะยังบาดเจ็บอยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการจัดการเขา รีบซ้อมเขาแล้วตามข้ากลับไปที่เรือน”
จากนั้นเขาก็กลับเรือนโดยไม่หันกลับมามอง
“ได้ ข้าจะสู้กับเขาเอง!” จ้าวเหมิงลู่รีบพูดขึ้น
จากนั้นนางหันหน้าไปและพูดกับเจิ้นป่าเจ่า “ถ้าเจ้าอยากจะสู้ ก็รีบ ๆ หน่อย ข้าไม่ค่อยมีเวลา!”
“สาวน้อยเจ้ากำลังจะไปกับขยะ…” เจิ้นป่าเจ่าที่กำลังจะเยาะเย้ยนางก็สังเกตเห็นรัศมีพลังระดับการบ่มเพาะขอบเขตประสานทะเลปรานบนร่างกายจ้าวเหมิงลู่แผ่ออกมา และเครื่องหมายของสถาบันราชวงศ์ของจ้าวเหมิงลู่ เขาจึงรีบเงียบปากลงทันที
“ถ้าเจ้าไม่สู้ ข้าจะไปแล้วนะ!” จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างใจร้อน
เจิ้นป่าเจ่าหัวเราะ “แม่นางเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันราชวงศ์ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้อย่างไร? แต่ว่าทำไมแม่นางถึงอยู่กับคนแบบนั้น… “
จ้าวเหมิงลู่มองเจิ้นป่าเจ่า และพูดอย่างเฉยเมยว่า “มีคนแบบเจ้าในสถาบันหงส์เพลิงถือเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง เจ้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่ต่อสู้เป็นใครและยังกล้าบังอาจที่จะหยิ่งผยอง ไม่รู้ว่าเจ้ามีชีวิตรอดมาได้ยังไงจนถึงตอนนี้ ในเมื่อเจ้าไม่กล้าสู้กับข้า งั้นข้าขอตัว!”
หลังจากนั้นนางก็รีบวิ่งไปทางที่หลิงตู้ฉิงเดินจากไป
เมื่อตามหลิงตู้ฉิงทัน จ้าวเหมิงลู่ยิ้มและพูดว่า “เขาไม่กล้าสู้ ดังนั้นข้าจึงรีบมา”
หลิงตู้ฉิงเหล่มองไปยังนางและถามว่า “เจ้าพร้อมที่จะเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเจ้าเองแล้วหรือยัง?”
เมื่อได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง จ้าวเหมิงลู่ก็รู้สึกขัดแย้ง นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการให้ใครสักคนทุบตีจะสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้
นางยังตัดสินใจไม่ได้จึงเลี่ยงที่จะให้คำตอบตรง ๆ ก่อนแล้วจึงพูดว่า “อาการบาดเจ็บของข้ายังไม่หาย จะดีกว่าไหมถ้าจะรอให้ข้าหายดีก่อนแล้วข้าค่อยทำการเพิ่มระดับ?”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน!” หลิงตู้ฉิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร
หลังจากกลับถึงบ้าน หลิงตู้ฉิงจึงเรียกให้โม่หยูถังมาพบ จากนั้นเขาจึงส่งเหรียญทองที่เหลือทั้งหมดให้และพูดว่า “ให้เด็ก ๆ ทั้งหมดอยู่แต่ในเรือนเท่านั้นอย่าให้ออกไปหางานทำข้างนอก อีกไม่กี่วันข้าจะปลุกสายเลือดของยู่ชาน และไช่หยุน ส่วนอาการบาดเจ็บของเจ้า ข้าจะตรวจให้ในภายหลัง”
โม่หยูถังถามด้วยความงุนงงว่า “นายท่านได้เงินมาจากไหน? นอกจากนี้นายท่านสามารถบ่มเพาะได้แล้วจริงหรือ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าได้รับเงินมาระหว่างการเดินทาง และแน่นอนว่าข้าสามารถบ่มเพาะได้ นายน้อยของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ?”
“นายน้อยยู่ชานบอกข้าแล้ว แต่…” โม่หยูถังพูดด้วยความงุนงง “ท่านบ่มเพาะไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าเคยได้ยินเรื่องของจั๊กจั่นเหมันต์ไหม…” หลิงตู้ฉิงเล่าเรื่องของจั๊กจั่นเหมันต์ให้โม่หยูถังฟัง
แต่โม่หยูถังไม่ได้ถูกหลอกง่าย ๆ เหมือนกับหลิงยู่ชาน เขาแสดงออกด้วยสีหน้าซับซ้อนและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหลิงตู้ฉิงสามารถบ่มเพาะได้จริง
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจว่าโม่หยูถังจะเชื่อเขาหรือไม่ หลังจากพูดคุยกับโม่หยูถังเสร็จ เขาจึงเดินไปยังห้องครัวเพื่อตั้งหม้อน้ำ แล้วนำเลือดของอสูรเพลิงปฐพีออกมา 2-3 หยด และเริ่มทำการผสมมันกับเถาวัลย์เพลิงปฐพี และผลึกเปลวเพลิง และตั้งหม้อน้ำทิ้งไว้ให้เดือด
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเดินไปหยิบอ่างน้ำขนาดใหญ่มาวางไว้ในลานและไปตามหลิงไช่หยุน
เมื่อหลิงไช่หยุนมาถึงที่ลานและเห็นอ่างน้ำก็พูดอย่างว่องไวว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่อยากอาบน้ำ! ข้ารู้สึกไม่สบายหลังอาบน้ำ! ข้าจะไม่อาบน้ำ!”
ก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงไช่หยุนไม่ต้องการอาบน้ำ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว
เนื่องจากการที่นางมีสายเลือดฟีนิกซ์เพลิงสวรรค์ นางจึงเกลียดชังน้ำในขณะที่ชอบอยู่ใกล้ไฟ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อสัญญากับเจ้าว่าเจ้าจะรู้สึกสบายมากที่ได้อาบน้ำครั้งนี้ ถ้าครั้งนี้เจ้ารู้สึกอึดอัดพ่อจะไม่บังคับให้เจ้าต้องอาบน้ำอีกต่อไป”
“เมื่อคืนท่านพ่อก็บอกว่าเวลากรีดนิ้วข้าจะไม่เจ็บ แต่ตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย” เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย
“คราวนี้พ่อจะไม่โกหกเจ้าอย่างแน่นอน” หลิงตู้ฉิงเกลี้ยกล่อม “เจ้าต้องการบ่มเพาะใช่หรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะเข้าใจเคล็ดทักษะวิชาพลังชีพหวนคืนแต่เจ้าก็ไม่สามารถฝึกฝนได้เจ้าไม่รู้สึกขัดใจบ้างเลยเหรอ? ถ้าเจ้าเชื่อฟังพ่อ อาบน้ำอย่างว่าง่าย เจ้าจะสามารถบ่มเพาะได้และเจ้ายังทำอะไรสนุก ๆ ได้อีกเยอะเลยในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นบินไปบนท้องฟ้าได้เป็นไง”
เด็กหญิงกระพริบตาอย่างตื่นเต้นและถามอย่างฉับพลันว่า “ท่านพ่อ สายเลือดของข้าคือนกฟีนิกซ์เพลิงสวรรค์ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง แต่อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้! อย่าบอกใครแม้ว่าจะเป็นพี่ ๆ ของเจ้าก็ตาม ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้ามีพลังมากกว่าพวกเขาเจ้าจะทำให้พวกเขากลัว”
“อืม ข้าจะไม่บอกใคร!” เด็กหญิงพูดพร้อมกับยิ้ม
จากนั้นพ่อและบุตรสาวก็กระซิบกระซาบกันในขณะที่หลิงตู้ฉิงต้มยาไปด้วย
4 ชั่วโมงต่อมาเมื่อต้มยาสำเร็จ หลิงตู้ฉิงเทยาลงในอ่างอาบน้ำแล้วพูดกับหลิงไช่หยุน “ทุกอย่างพร้อมแล้ว เจ้าลงไปในอ่างได้แล้ว”
ถ้ามันเป็นแค่น้ำธรรมดา ๆ ที่หลิงตู้ฉิงเทลงไปในอ่าง หลิงไช่หยุนคงไม่เชื่อมากนักว่ามันจะสบายตัว แต่ตอนนี้นางเห็นหลิงตู้ฉิงเทของหลายอย่างแปลก ๆ ที่นางไม่รู้จักลงในหม้อ นางจึงเชื่อว่ามันน่าจะไม่สบายตัวแค่เล็กน้อยเมื่อลงไปแช่
จากนั้นจึงรีบถอดเสื้อผ้าและกระโดดลงไปพร้อมกับกางเกงชั้นใน
ในวินาทีที่นางกระโดดลงไปนางก็เริ่มร้องไห้เสียงดังลั่น นางต้องการที่จะกระโดดออกจากอ่างพร้อมกับพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านโกหกข้าอีกแล้ว! น้ำมันร้อนเกินไปข้าไม่อยากอาบน้ำอีกแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงกดร่างกายทั้งหมดของนางลงในยาเหลวโดยตรง เขายิ้มและพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบน้ำ แต่นี่มันคือธาตุไฟและถ้าเจ้ารู้สึกว่ามันร้อนเกินไปเจ้าก็ต้องดูดซับธาตุไฟทั้งหมดก่อนแล้วจากนั้นจึงจะขึ้นมาได้”