ตอนที่ 300 หลิน ต้าเหว่ย เข้าเมือง

สิ่งสําคัญเป็นอันดับแรกในการทําธุรกิจ คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี หลินฟานเข้าใจความจริงในข้อนี้บรรดาผู้นําธุรกิจเหล่านี้ได้มีความคิดริเริ่มในการส่งข้อความมาแสดงความยินดีต่อเขา

และเขาจะไม่มีทางทำพลาด ในเรื่องนี้ อย่างแน่นอน

ไป

เฉิง

ดังนั้น กว่า หลินฟานจะจัดการอะไรให้เสร็จก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว

วันนี้สามารถอธิบายได้ว่าเป็นวันที่ยุ่งที่สุดของ หลินฟาน ตั้งแต่ที่เขาร่ำรวย เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นเรื่อยๆความวุ่นวายดังกล่าวก็กลายมาเป็นกิจวัตรประจําวันของหลินฟาน

หลินฟาน ออกจากบริษัท และพา จ้าว เจียอี้ เลขาของเขาไปเข้าร่วมการประชุมธุรกิจในหยุนไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากสํานักงานใหญ่ของ เทียนต้า แอร์ไลน์ หลินฟาน มีสาย โทรศัพท์เข้า เมื่อเห็นว่าผู้ที่โทรเข้ามา คือแม่ของเขา เขาจึงรับสายอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวฟาน ลุงสามของลูกจะขึ้นเครื่องบินตอนบ่าย 02:30 น. ถ้าหากลูกมีเวลาก็มารอรับเขา หน่อย เขาไปคนเดียว” แม่หลินกล่าว

หลินฟาน เหงื่อตก วันนี้เขายุ่งมากจนเกือบลืมเรื่องของลุงสามไป โชคดีที่แม่เขาได้โทรมาเตือน

“ตกลงครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” หลินฟานพูด

และเขาวางสายทันที

“ไปสนามบินหยุนเฉิง” หลินฟาน พูดกับ จ้าว เจียอี้ ที่กําลังขับรถอยู่

จ้าว เจียอี้ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย : “ท่านประธาน พวกเรากําลังจะไปเข้าร่วมการประชุมธุรกิจตอนนี้หากจะไปสนามบิน ฉันเกรงว่าเราจะสาย…”

หลินฟาน กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมกําลังจะโทรหา คุณซ่ง”

ในตอนนี้ เขาไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมธุรกิจได้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้คนในครอบครัวของเขารออยู่ที่สนามบิน สําหรับ หลินฟานไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าครอบครัวของเขา จ้าวเจียอี้ ไม่กล้าพูดอะไรอีกเธอจึงหันกลับไปและรีบขับไปที่สนามบินสนามบินหยุนเฉิง

ชาวนาวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าธรรมดาเรียบๆ ถือถุงผ้ากระสอบแบบที่ใช้กันในชนบทเดินออกมาจากสนามบินและมองไปยังมหานครที่พลุกพล่านตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่ขี้อายหลิน ต้าเหว่ย!

ลุงสามของ หลินฟาน

ด้วยการทํางานหนักมาหลายปี หลิน ต้าเหว่ย ซึ่งอยู่ในวัย 50 ปีจึงดูแก่เท่ากับคนอายุ 60 ปีนอกจากนี้เนื่องจากความเจ็บป่วย ใบหน้าของเขาจึงซีดเผือดและดูผอมบางลงไปมาก

หลิน ต้าเหว่ย แบกสัมภาระมาที่ป้ายรถเมล์ ด้านนอกสนามบิน เพราะนอกจากรถเมล์แล้วยังมีรถอีกหลายคันที่มารอรับคน

หลิน ต้าเหว่ยรู้อยู่แล้วว่าหลินฟาน จะมารับเขา ดังนั้นเขาจึงรอ หลินฟานที่นี่เมื่อหลินต้าเหว่ยปรากฏตัว เขาได้รับสายตาที่ดูรังเกียจจากผู้คนรอบข้างของเขา“พวกแรงงานในชนบทอีกคนแล้ว งั้นเหรอ?”

“อี๋ สกปรก และดูเหมือนว่าจะมีกลิ่น!”

“เขากําลังรอรถเมล์อยู่ อยู่ให้ห่างจากเขา ทันทีเมื่อขึ้นรถ”

ผู้คนกระซิบ และพยายามหลีกห่างจาก หลิน ต้าเหว่ย

หลิน ต้าเหว่ย ไม่ได้สังเกตเห็นการกระทําของผู้คนรอบตัวเขา ความสนใจของเขาทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ฝูงชน เขากําลังมองหาร่างของหลินฟาน

ตามการเดาของเขา หลินฟาน ต้องมาโดยรถเมล์ หรือควรจะมารับเขาด้วยรถมอเตอร์ไซค์

ไฟฟ้า ท้ายที่สุด เขาได้ยินจากแม่ของ หลินฟาน ว่า หลินฟาน ทํางานเป็นพนักงานส่งอาหารในหยุนเฉิงและพนักงานส่งอาหารส่วนใหญ่มักจะขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มองดูมาเป็นเวลานาน เขาก็ไม่พบ หลินฟานที่กําลังขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอยู่เลยเวลานี้มีรถบัส ได้มาจอดที่หน้า ป้ายหยุดรถ

หลิน ต้าเหว่ย กลัวว่า หลินฟาน จะไม่เห็นเขา เมื่อเขามาโดยรถเมล์ดังนั้นเขาจึงเดินไปทางประตูรถ

ในรถบัส คนกลุ่มหนึ่งได้ลงมาจากรถ และครู่หนึ่ง บริเวณโดยรอบก็แออัดไปด้วยผู้คนผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากรถ ร่างกายของเขาเซเล็กน้อยและในฝูงชนที่แออัด เขาได้กระแทกไหล่ของหลิน ต้าเหว่ย

ผู้ชายคนนั้น เหลือบมองไปที่ หลิน ต้าเหว่ย และรู้สึกหงุดหงิด ในทันที

“ไอ้ชาวนาตัวเหม็น แม่มึงสิ แกชนฉัน!” ชายคนนั้นชี้ไปที่จมูกของ หลิน ต้าเหว่ยและสบถสาปแบ่งออกมา

“ขอโทษด้วย” หลิน ต้าเหว่ย พูดอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจ

ถึงเขาจะเป็นชาวนา แต่เขาก็ซื่อสัตย์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ริเริ่มที่จะชนชายคนนี้แต่ชายคนนี้ก็มาชนเขาแต่เขาก็ยังริเริ่มที่จะขอโทษกลับไป

ชายคนนี้คงเห็นว่าเขารังแกง่าย ไม่เพียงแต่ไม่หยุดแค่นั้น เขายังชี้มาที่จมูกของเขาด้วย “แกมันสกปรกเหมือนกับหมาแก่ๆ เสื้อผ้าฉันสกปรกหมดขอโทษงั้นเหรอฝันไปเถอะแกมันกล้าดียังไง!” ชายคนนั้นพูดอย่างดุดัน

หลิน ต้าเหว่ย ป่วย ยังมาในสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย เมื่อมาถูกผู้ชายคนนี้ที่มีอารมณ์รุนแรงดุด่า ใส่ใบหน้าของเขาก็ซีดลง ด้วยความกลัว

“ฉันขอโทษ ต้องการให้ฉันทําอย่างไร” หลินต้าเหว่ยถามอย่างขี้ขลาดเขาเพียงต้องการท่าให้ความโกรธของชายคนนี้สงบลง

ชายคนนั้นพูดว่า : “จ่ายชดเชยค่าเสื้อผ้าของฉันมา ฉันเพิ่งซื้อชุดนี้มาได้ไม่กี่วันแต่มันกลับสกปรกก็เพราะหมาแก่ๆอย่างแก!”

หลิน ต้าเหว่ย กล่าวว่า “ได้ๆ ฉันจะจ่ายให้คุณ เท่าไหร่?”

หลิน ต้าเหว่ย เอื้อมมือออกไปอย่างสั่นเทาและคลําหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพบถุงพลาสติกที่ซ่อนไว้อย่างดีและเงินก็ถูกห่อด้วยถุงพลาสติกถึง 3 ชั้น

ชายคนนั้นพูดว่า : “เสื้อผ้าของฉันเป็นแบรนด์ดัง ดังนั้น ฉันต้องการค่าชดเชย 1,000 หยวน!”

หลิน ต้าเหว่ย ตกใจมาก : “1,000?”

เขาไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาตลอดทั้งปี และแม้ว่าเขาจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ หากยิ่งถูกก็ยิ่งจะดีมาก

ส่วนใหญ่ที่เขามักจะซื้อมา ก็มีราคาไม่กี่สิบหยวน

เสื้อผ้าราคา 1,000 หยวน เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

ชายคนนี้ เปิดปากขอค่าชดเชย 1,000 หยวน!

หลิน ต้าเหว่ย ตกใจจนหน้าซีดขาว : “ทําไม เสื้อผ้าถึงได้แพงนัก?”

ชายคนนั้นเยาะเย้ย : “เพียงมองในแวบแรก แกก็ดูเหมือนคนบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเลย แกไม่รู้จักแบรนด์ดังหรือแกรู้อะไรไหมนี่มัน Versace ฉันพูดถึงขนาดนี้ แกยังไม่เข้าใจที่ฉันพูดอีกยังไงแกก็ต้องจ่ายมันมาซะ จะจ่ายก็จ่ายมาและอย่ามาพูดมากกับฉัน!”

หลิน ต้าเหว่ย กล่าวว่า “ฉันมีเงินแค่นี้ นี่คือทั้งหมดที่ฉันมี และต้องนํามันมารักษาตัวถ้าฉันให้คุณ 1,000 หยวน ฉันอาจไม่มีเงินพอที่จะไปพบหมอ ขอน้อยลงกว่านี้หน่อยได้ไหม?” ชายคนนั้นพูดอย่างโกรธเคือง : “ไม่ได้ ไอ้สารเลวเฒ่าแกหยุดพูดเรื่องไร้สาระกับเล่าจื๊อ แล้วรีบจ่ายเงินมาซะ!”

หลิน ต้าเหว่ย ก๋ถุงพลาสติกในมือแน่น แล้วอ้อนวอน “ไดโปรด น้อยลงหน่อยเถอะเสื้อผ้าของคุณก็ไม่ได้ขาดคุณก็ยังใส่ได้แค่กลับไปซักสักครั้งก็ใส่ได้แล้ว”

ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ทรุดลง : “เสื้อผ้าของฉันสกปรก ก็เพราะหมาแก่ๆอย่างแกตัวแกที่มีกลิ่นเหม็นคาวขนาดนี้ ฉันจะใส่มันไปได้ยังไงถ้าแกยังไม่ให้เงินฉันอีกนะ เชื่อหรือไม่ฉันจะทุบตีแก!”

หลิน ต้าเหว่ย รู้สึกหวาดกลัว แต่เขาก็ยังกังวล จริงๆ ที่จะให้เงิน 1,000 หยวน แก่ชายคนนี้ไปทั้งๆ แบบนั้น

เขาเป็นเพียงแค่ชาวนาชราคนหนึ่งซึ่งปลูกข้าวโพดขายในบ้านเกิดของเขา เขาขายข้าวโพดเพียง 1 หยวนต่อปอนด์ และ 1,000 หยวน หมายถึงข้าวโพดหนัก 1,000 จิน (500 กิโลกรัม) (1
จิน เท่ากับ 500 กรัม)

ข้าวโพด 1,000 จิน ยากแค่ไหนที่จะเก็บเกี่ยวข้าวโพดให้ได้ 1,000 จิน?

เพียงเพราะไปสัมผัสอีกฝ่าย และนี้ถึงขนาดต้องจ่ายให้อีกฝ่าย ถึงขนาดนั้นเชียว?

เขาไม่เข้าใจกิจวัตรของเมืองนี้จริงๆ

ทันใดนั้น เขานึกถึง หลินฟาน และพูดว่า “อย่างนี้ไหม หลานชายของฉันจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า

เมื่อเขามาถึง ฉันจะให้เขามาพูดคุยกับคุณ”

เสี่ยวฟานทํางานหนักอยู่ในเมืองใหญ่ เขาต้องรู้จักอะไรมากกว่าเขา ไม่ว่าจะจ่าย 1,000 หยวนให้อีกฝ่ายหรือไม่ก็ตามเสี่ยวฟานสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องอย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินค่าพูดนั้น ผู้ชายคนนี้ก็หมดความอดทน และพูดด้วยความโกรธว่า “ไปหาแม่มึงไป!”

เขาเอื้อมมือไปผลัก หลิน ต้าเหว่ย

หลิน ต้าเหว่ย ถูกผลักถอยหลังออกไป ท้ายที่สุด เขาก็ล้มลงกับพื้น

“แกมันก็แค่ไอ้หมาแก่บ้านนอก แกมันสมควรถูกทุบตี! แกเป็นหนี้ฉัน แต่แกกลับไม่จ่ายนี้แกกําลังเรียกร้องหาความตายอยู่ใช่ไหมหะ!” ผู้ชายคนนั้นดุด่า ทั้งบังคับหลินต้าเหว่ย “ฉันจะขอถามแกอีกครั้ง แกจะจ่ายหรือไม่จ่าย”ชายคนนั้นตะโกนเสียงดัง

หลิน ต้าเหว่ย ก๋ถุงพลาสติกแน่นในมือทั้งสองข้าง เขาไม่ยอมปล่อย และพยายามอ้อนวอน

“ปล่อยฉันไปเถอะ!”

ชายคนนั้นดุด่า : “ปล่อยแกไป? รู้ไหมว่า เล่าจื๊อ เป็นใคร ในโลกใต้ดิน ไม่มีใครไม่รู้จัก เล่าจื๊อหากฉันต้องการที่จะทุบตีแกให้ตายตรงนี้ ก็ไม่มีใครมาห้ามฉันได้หรอก!”

เขายกมือขึ้น และตบ หลิน ต้าเหว่ย

ชายหนุ่มทุบตีชายชรากลางถนน!

ในเวลานี้ ทุกคนโดยรอบๆ ทําได้แต่เฝ้าดู ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมชายผู้นี้ประการแรก พวกเขาทั้งหมดไม่ชอบ หลิน ต้าเหว่ย ประการที่สองชายผู้นี้ดูเหมือนจะเมาสุราและเขาก็ดูดุร้ายมาก ใครจะกล้าเข้าไปยั่วยุเขากัน

เมื่อเห็นชายคนนี้ กําลังจะตบไปที่หัวของ หลิน ต้าเหว่ย

ทันใดนั้น เท้าข้างหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านข้าง และได้เตะชายคนนั้น แรงเตะได้ส่งชายคนนั้น บินออกไป และลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง และเขาก็ล้มลงไปกับพื้น

“ศาลประหาร!”

มีเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น จากชายหนุ่มรูปงาม ที่มีใบหน้าเย็นชา
หลิน ฟาน!

จู่ๆ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และนั่นทําให้ทุกคนตกตะลึง

[ 85% “Zhäosi”] – การแสวงหาความตาย เป็นคําพูดที่หมายถึงการแสวงหาความ

ตาย คําว่า 5% หรืออาจกล่าวได้ว่า “ศาลมรณะ”, “ศาลประหาร” มักถูกใช้เป็นคําสาปแข่ง