บทที่ 60 สมเป็นยอดคนจริงๆ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ทุกคนถึงกับตะลึงงันและมองไปที่เย่เทียนที่กำลังเอามือไขว้หลังอยู่

เพียงแค่สามหมัดก็เอาชนะได้ คงไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของหวางลี่อีก แค่ดูผลลัพธ์ก็ทำให้ทุกคนต้องตกใจจนผวากันไปหมดแล้ว!

แม้เหล่ยซิงไห่กับจ้างตงที่เกิดเป็นนักสู้ ในเวลานี้ก็ถึงกับสั่นไปทั้งตัว

ผู้แข็งแกร่งระดับดำสำหรับพวกเขานั้นเป็นความแข็งแกร่งที่ใหญ่ค้ำฟ้าจริงๆ!

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนแล้ว มันกลับทำอะไรเย่เทียนไม่ได้เลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เย่เทียนคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก

“นี่เราทำอะไรลงไป ถึงดูถูกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าเขาจะคิดบัญชีเรา เราจะเหลืออะไรอีก?”

จ้างตงอดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเองแรงๆ ในเวลานี้ ความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ได้ครอบงำจิตใจเขาไปแล้ว

สำหรับเหล่ยซิงไห่นั้นตัวสั่นรุนแรงมากกว่าเดิม ในตอนนี้เขาทำได้เพียงหลับตาลงอย่างหมดหวัง เพราะเขารู้ดีว่าศพต่อไปก็คือเขา!

“นี่มัน……”

ส่วนเชิ่งหู่ได้แต่อ้าปากข้างและยืนทื่ออยู่กับที่ราวกับเพิ่งถูกฟ้าผ่า

“คุณเย่ ไม่สิ ท่านเทียน ท่านเทียนครับ!”

ในขณะนั้นหลิวชิงก็ตั้งสติได้และตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง ทำให้ทุกคนตื่นจากความตกใจ

จากนั้นหลิวชิงก็วิ่งเข้าไปหาเย่เทียนเหมือนสุนัขตัวหนึ่งพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ท่านเทียนครับ ท่านทรงพลังจริงๆ เลยนะครับที่ล้มไอ้แก่คนนั้นได้เพียงแค่หมัดเดียว!”

“หุหุ ยังไงท่านเทียนก็เก่งที่สุด ลงมืออย่างเด็ดขาด ทำได้ดี ทำได้ดีมากครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

เมื่อพูดจบเขาก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ

เย่เทียนที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไร้คำบรรยาย เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เขาชิงลงมือก่อน หลิวชิงคนนี้คงคุกเข่าต่อหน้าหวางลี่ไปแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เข้าใจหลิวชิงดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย ใครก็เลือกทำเช่นนี้เหมือนกัน

“พอแล้ว ผมฆ่าเขาให้แล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือ คุณจัดการเองเลยนะ”

เมื่อฟังคำพูดนี้ หลิวชิงก็พยักหน้ารัวๆ จากนั้นหันไปที่เชิ่งหู่อย่างกะทันหัน และนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“พี่ใหญู่เชิ่ง คนหนุนหลังแกก็ตายแล้ว ตอนนี้แกจะเอาอย่างไงต่อ?”

เชิ่งหู่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็กลืนน้ำลายอย่างไม่หยุด เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ และสีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับศพเลย

แต่เขาเคยสถานการณ์ที่ดุเดือดแบบนี้มาแล้ว และสถานการณ์ในตอนนี้ เขารู้ดีว่าไม่มีทางเอาจะชนะได้อย่างแน่นอน

หวางลี่ที่สามารถเดินอยู่บนผิวน้ำ และยังสามารถหยุดกระสุนปืนได้ เก่งพอแล้วยัง?

แต่ท้ายที่สุดกลับถูกเย่เทียนล้มด้วยสามหมัดเท่านั้น!

และเวลานี้ เขามีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น

โดยที่ไม่มีการลังเลใดๆ เขารีบคุกเข่าต่อหน้าเย่เทียนทันที

“ท่านเทียนครับ การล่วงเกินของผมที่ผ่านมา ผมขอท่านเทียนผู้ใจบุญอภัยให้ผมสักครั้งเถอะครับ ขอแค่ท่านให้อภัยผม ต่อจากนี้ไป แก๊งเสือดำของผมก็จะคอยรับใช้ท่านเทียนไปตลอดครับ!”

เมื่อเขาพูดจบ หลิวชิงก็ขมวดคิ้วขึ้น แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้ตัวและพูดขึ้นทันทีว่า

“ท่านเทียนครับ ผมด้วยครับ นับตั้งแต่วันนี้ ท่านจะสั่งแก๊งไผ่เขียวของผมไปทางซ้าย ผมจะไม่ไปทางขวาเด็ดขาด หรือแม้ว่าท่านจะสั่งให้เราบุกน้ำลุยไฟ แก๊งไผ่เขียวของผมก็จะทำตามทุกคำสั่งของท่านครับ!”

พวกอันธพาลสองแก๊งใหญ่ของเมืองเจียงหนัน เมื่อได้เห็นฝีมือของเย่เทียนแล้ว พวกเขาต่างก็ยอมจำนนให้กับเย่เทียนทันที!

แต่เย่เทียนไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกเขา เพราะเขารู้ดี การที่ทั้งสองคนนี้ทำเช่นนี้ ก็เพราะพวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของเขา

ถ้าไม่อย่างนั้น เขามั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่ทำเช่นนี้หรอก!

และเย่เทียนก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าใครอีก เขาฆ่าแค่หวางลี่คนเดียวก็เพียงพอที่จะหยุดเชิ่งหู่คนนี้ได้แล้ว

“ชั่งเถอะ คุณลุกขึ้นเถอะ วันหลังคุณอย่าไปยุ่งกับร้านดรุณียั่วรักอีก ผมก็จะไม่ยุ่งกับคุณ”

เชิ่งหู่ที่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้สึกขอบคุณอย่างซาบซึ้งมาก และพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว

“ท่านเทียนครับ ท่านวางใจเถอะครับ ต่อให้ผมยืมความกล้าของคนสิบคนมา ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยครับ”

เย่เทียนพยักหน้าและพูดต่อว่า “แล้วหวางลี่คนนี้ คุณไปรู้จักเขาได้ไง?”

เชิ่งหู่ไม่กล้าปกปิดและรีบตอบไปว่า “หลิวเหวินซวุ่ของบริษัทแซ่หลิวจ้างมาครับ เขาจ้างมาเพื่อจะ……”

เมื่อพูดถึงท้ายประโยค เสียงของเขายิ่งอยู่ยิ่งเบาลง และไม่กล้าพูดต่ออีก

“บริษัทแซ่หลิว?”

เย่เทียนขมวดคิ้วเบาๆ คิดไม่ถึงเลยว่าบริษัทแซ่หลิวยังกล้ามาหาเรื่องเขาอีก จากนั้นเขามองไปที่เชิ่งหู่แล้วพูดเบาๆ ว่า “เรื่องนี้มอบให้คุณจัดการแทนนะ คุณเข้าใจความหมายของผมใช่ไหม?”

“เข้าใจครับ!”

เชิ่งหู่สั่นไปทั้งใจ แม้เย่เทียนไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ

คนที่กล้าสร้างศัตรูกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ ต่อให้เป็นบริษัทชั้นนำในเจียงหนันอย่างบริษัทแซ่หลิว พวกเขาก็ต้องจ่ายด้วยราคาแพงอย่างแน่นอน!

จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่หลิวชิงอย่างไม่ตั้งใจ และทันใดนั้นเขาก็เห็นแววตาที่แน่วแน่ของหลิวชิง

เป็นคู่อริมานานกว่าสิบปี แต่หลังจากคืนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงเรือลำเดียวกันและต้องยุติการเผชิญหน้าซึ่งกันและกันแล้ว

“แล้วก็ เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะเก็บเป็นความลับนะ ถ้าใครกล้าเปิดเผย พวกคุณคงรู้ผลที่ตามมาคืออะไร!”

ทุกคนต่างก็ตกใจกลัว แล้วจะกล้าขัดคำสั่งได้อย่างไร? ทุกคนได้แต่รีบพยักหน้าตอบตกลงและไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเลย เพราะการขัดคำสั่งในที่นี้ ก็คือการตายสถานเดียว!

เมื่อเห็นอย่างนี้เย่เทียนก็วางใจและหันไปพูดกับหลิวชิงว่า “เรื่องมันก็มาถึงตรงนี้แล้ว คุณอย่าลืมที่เราสัญญากันไว้ล่ะ”

และเมื่อพูดจบ เย่เทียนเอามือไขว้หลังแล้วเดินตรงไปที่ชายฝั่งโดยที่ไม่สนใจใครอีก

“สมกับเป็นยอดคนจริงๆ!”

จ้างตงมองไปที่เย่เทียนที่กำลังเดินออกไป แม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่ในใจเขาก็อยากตามไปมาก

ต่อจากนี้ ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว หลิวชิงกับเชิ่งหู่จะไม่มีปัญหากันอีก ทั้งสองได้จับมือกันและบรรลุสัญญาของพันธมิตร

คนที่น่าสงสารที่สุดคือเหล่ยซิงไห่ เขาถูกเย่เทียนจัดการแล้วยังไม่พอ ตอนนี้ยังถูกหลิวชิงมัดไว้อีก ซึ่งจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญต่อจากนี้นั้น มันต้องเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง!

เมื่อจบเรื่อง เย่เทียนก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาปฏิเสธหลิวชิงที่ตั้งใจจะชวนเขาไปเที่ยวที่สโมสรจุนเหา แต่กลับไปที่บาร์ทันที

ณ สถานการณ์ในตอนนี้ ปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว เขากำลังจะไปคุยเรื่องนี้กับซูเหมย แต่ซูเหมยก็ได้เข้ามาหาเขาก่อน

“คุณมาหาฉันที่ออฟฟิศหน่อย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เย่เทียนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินตามเธอขึ้นไปชั้นบน

และเมื่อมาถึงห้องทำงาน ซูเหมยก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอเดินไปแล้วนอนลงบนโซฟาและพูดอย่างเย้ายวนว่า “มาสิ”

“อะไร?”

เย่เทียนถึงกับผงะ เขามองไปที่หุ่นอันสวยงามที่อยู่ตรงหน้าและกลืนน้ำลายอย่างไม่หยุด

หรือว่านางเห็นเราแสดงศักยภาพเมื่อช่วงกลางวัน แล้วช่วยนางแก้ไขปัญหาได้ นางคงจะไม่มีอะไรตอบแทน ก็เลยจะใช้ร่างกายของนาง?

ซูเหมยสังเกตเห็นสีหน้าความผิดปกติของเย่เทียน และใบหน้าอันงดงามของเธอก็แดงก่ำอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นพูดอย่างใจร้อนว่า “นี่คุณคิดอะไรอยู่! คุณลืมไปแล้วเหรอว่าต้องมานวดให้ฉันทุกๆ สามวันน่ะ? คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะ หรือว่าคุณไม่คิดจะรักษาให้ฉันแล้ว?”

เย่เทียนเพิ่งดึงสติกลับมาได้ เมื่อได้ยินคำพูดของซูเหมย เขาก็คิดในใจว่า เขาเกิดใหม่มาหนึ่งเดือนแล้วไม่ใช่หรือ?

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ จากที่ไม่มีอะไรเลย เขาสามารถฝึกไปถึงพลังชั้นสามได้แล้ว ซึ่งการฝึกในครั้งนี้ มันเร็วกว่าชาติที่แล้วมาก

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจต้องเจอในอนาคต เย่เทียนก็คิดว่ามันยังไม่เพียงพอ เขายังต้องหาสิ่งอื่น เพื่อมาเพิ่มศักยภาพของเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ในขณะที่คิดเรื่องนี้อยู่ เย่เทียนก็เดินตรงมาที่โซฟา จากนั้นยื่นมืออันชั่วร้ายของเขาออกมาแล้วเหยียดตรงไปที่หุ่นอันงดงามของซูเหมย……