โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.323 – ลูกวัวแรกเกิดไม่หวั่นเกรงพยัคฆ์

 

เพล้ง!

 

หน้าต่างแตกกระจาย กระสุนปืนใหญ่ทะลุเข้ามาในห้องรับรองและ–

 

–บรึ้ม!

 

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น วินาทีต่อมา ควันดำนับไม่ถ้วนก็ฟุ้งไปทั่วบริเวณ

 

ทว่านี่มิใช่ควันไฟ หากแต่เป็นหมอกดำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากรูนมืด!

 

อาจกล่าวได้ว่ากระสุนนี้คือรุ่นดัดแปลงของระเบิดควัน

 

ท่ามกลางความมืดมิด ผู้ใช้พลังหลายคนเริ่มลงมือทันที พุ่งตรงเข้ามายังทิศทางของฉินเฟิง

 

และคนทั้งหมดนี้ ฉินเฟิงไม่อาจทราบได้เลยว่าเป็นใคร!

 

ฝูงชนที่เคยกระจายอยู่รอบกายฉินเฟิงเมื่อครู่ บัดนี้พุ่งเข้าโจมตีเขา

 

พริบตาเดียว อย่างน้อยสามกระบวนท่าวรยุทธตกลงบนแขนของฉินเฟิง หากเขาถอนมือออกมาไม่ทัน คงโดนคมของมันสะบั้นขาดไปแล้ว

 

“อันตราย!” เฉินเซียงที่ยืนอยู่ข้างกายฉินเฟิงแต่แรก สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารผุดขึ้นรอบตัว เขาเร่งเอ่ยเตือนออกไป

 

ปัจจุบันเขาเองก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรูนมืด ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้น

 

“คิดจะฆ่าฉันอย่างงั้นหรือ? ได้ ได้เลย งั้นเรามาดูกันว่าพวกแกมีความสามารถมากพอรึเปล่า!”

 

“ตูม!” กลิ่นอายขนาดใหญ่กระจายออกมาจากกายของฉินเฟิง พริบตาเดียว ทั้งตัวเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นปราณกำลังภายใน

 

คมอาวุธแล้วอาวุธเล่าสับเข้ามา พวกมันกระทบเข้ากับเกราะปราณกำลังภายในทันที

 

ภายนอกอาวุธของพวกเขา แน่นอนว่าย่อมถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยกำลังภายใน ทว่ากำลังภายในนี้ เพื่อปะทะกับปราณกำลังภายในของฉินเฟิง มันไม่อาจเจาะทะลวงฝ่าเข้าไปได้!

 

กำลังภายในของศัตรูในที่มืดไม่แกร่งพอ

 

“ใครก็ได้ มาช่วยจัดการมันที!”

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ยังไง!”

 

“ถึงไม่มีตราเลเวล D แต่สามารถมายังแนวหน้าได้ นั่นก็พอแล้วที่จะบ่งบอกว่าเขาแข็งแกร่งมาก บางทีอาจเป็นรุ่นเยาว์ของพวกตระกูลชั้นสูง?”

 

“ที่นี่ยังมีตระกูลชั้นสูงอื่นอยู่อีกรึไงกัน!”

 

“ช่วยกันฆ่าเขา แล้วชิงเอาแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายมา!”

 

คนเหล่านี้สนทนาบางอย่างกัน ทั้งยังปลุกปั่นผู้คนอีกจำนวนมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น สภาพแวดล้อมในปัจจุบันยังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำ คนทั้งหลายย่อมสามารถโจมตีฉินเฟิงด้วยเจตนาร้ายได้สบายๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

 

แน่นอน พวกเขาคงไม่ทันได้คิดหรอกว่า แม้จะตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่วิสัยทัศน์ของฉินเฟิงกลับกระจ่างใสราวกับช่วงเวลากลางวัน หมอกโง่ๆนี่ไม่ได้ส่งผลต่อการรับรู้และสายตาของเขาแม้แต่น้อย

 

ท่ามกลางความมืดมิด โหวหยางเจียวกำลังหอบหายใจหนักหน่วง , ใบหน้าของตี๋เล่ยที่กำลังดำคล้ำ และสีหน้าสะใจของเล่ยชาง ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในวิสัยทัศน์ของฉินเฟิง

 

เฉินเซี่ยงที่อยู่ข้างกายฉินเฟิงขมวดคิ้วมุ่น การโจมตีเมื่อครู่ส่งผลกระทบมาถึงเขา นี่ทำให้เจ้าตัวโกรธมาก

 

“อย่ารังแกกันให้มันมากนัก ไสหัวไปให้พ้น!” เฉินเซี่ยงตวาดด้วยความโกรธ

 

แม้จะเป็นแค่การพบกันโดยบังเอิญ แต่เฉินเซี่ยงไม่ต้องการให้รุ่นเยาว์ที่ดูมีอนาคตไกลตายลงที่นี่

 

วินาทีต่อมา พลังสมาธิของเฉินเซี่ยงพลันลุกโหม ยอดหินอันแหลมคมผุดออกมาจากอากาศที่บางเบา

 

ที่แท้เฉินเซี่ยงก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ดิน!

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมก่อนหน้านี้ ตอนที่พูดถึงเลเวล C เขาถึงได้ดูทรนงนัก

 

เพราะผู้ใช้อบิลิตี้ คือการดำรงอยู่ที่แสนจะภาคภูมิ ดังนั้นมีความทรนงในศักดิ์ศรีเป็นธรรมดา

 

ยอดหินแหลมก่อตัวเป็นแนวครึ่งวงกลม ช่วยปิดกั้นศัตรูทางขวาของฉินเฟิง นี่ถือเป็นการช่วยฉินเฟิงลดภาระที่มองไม่เห็น!

 

“อย่าเข้ามาก้าวก่ายธุระของคนอื่น!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้ถูกดัดแปลงด้วยกำลังภายใน อีกทั้งการโจมตีของคนๆนี้ยังไม่สะดุดลงแม้สักจังหวะเดียว ทะลวงฝ่ากำแพงยอดหินของเฉินเซี่ยง ทำลายมันแตกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา

 

บังเกิดความโกลาหลขึ้นท่ามกลางสนามรบ เฉินเซี่ยงขมวดคิ้วแน่น พยายามทุ่มพลังสมาธิออกไป

 

ณ จุดนี้ฉินเฟิงเข้าใจแล้ว ว่าเฉินเซี่ยงตั้งใจจะช่วยเขาจริงๆ

 

ในยุคโลกาวินาศ ใช่ว่าทุกคนจะเลวร้ายไปซะหมด ยังมีบางคนที่ยังคงหลักการเป็นของตัวเองหลงเหลืออยู่

 

“พี่ชายเฉิน ขอบคุณมากจริงๆ” ฉินเฟิงส่งเสียงหุ้มกำลังภายในไป

 

เฉินเซี่ยงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ต้องทราบนะว่า หากคิดจะส่งเสียงห่อหุ้มกำลังภายในมา ผู้ส่งจะต้องทราบตำแหน่งที่ต้องการซะก่อน อย่างเฉินเซี่ยง เขาใช้พลังสมาธิสแกนสภาพแวดล้อมโดยรอบ

 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก รีบหนีไปเร็วเข้า!” เฉินเซี่ยงเร่งเร้า

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่เฉิน คุณไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลัง”

 

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ผลักสองมือออกไป กำลังภายในอันนุ่มนวล ทว่ามิอาจต้านทาน ปกคลุมรอบกายเฉินเซี่ยง ผลักดันเขาออกไป

 

เพล้ง!

 

เสียงกระจกแตก เฉินเซี่ยงถูกส่งออกไปนอกหน้าต่างทันที

 

วกกลับมามองโดยรอบอีกครั้ง สามคนที่อยู่ใกล้สุด ต่างพยายามค้นหาร่องรอยของฉินเฟิงชนิดหัวชนฝา แม้จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมืด แต่พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป เลยพอจะรู้ตำแหน่งคร่าวๆของฉินเฟิง

 

“มอบแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายมาซะ แล้วชีวิตน้อยๆของแกจะอยู่รอดต่อไป!”

 

“พวกคุณนั่นแหละหยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าตอนนี้ผมยังพอใจดีไว้ชีวิตพวกคุณได้”

 

น่าเสียดายที่ไม่มีใครหยุด อีกทั้งหลังจากได้ยินคำพูดของฉินเฟิง พวกเขาก็สามารถยืนยันตำแหน่งของฉินเฟิงได้ทันที ทั้งหมดโถมโจมตีเข้ามา

 

ฉินเฟิงเมื่อเห็นฉากดังกล่าว ก็อดหัวเราะหยันไม่ได้ กำลังภายในพลุ่งพล่านดั่งพายุเฮอริเคน

 

ปรากฏมีดที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า ขึ้นในมือเขา

 

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

 

แสงจรัสพลันสาดส่อง เพลิงฟ้าเปล่งประกายความงามอันน่าทึ่ง หมอกจากรูนมืดถูกกวาดล้างออกไปโดยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่นี้

 

ผู้ใช้พลังสามคนที่อยู่รอบกายฉินเฟิง เผยโฉมออกมาทันที

 

วูซ วูซ วูซซซ!

 

คมมีดสาดประกายเย็นเยียบ รูปลักษณ์ของดอกไม้ไฟผลิดอกออกมา

 

ฟุบ ฟุบ ฟุบบ!

 

เพียงกระบวนท่าเดียว ระเบิดทั้งสามไปคนละทิศทาง ปากอ้ากระอักเลือดออกมา

 

อ๊ากกกกก!

 

เสียงโหยหวนดังสะท้านลากยาวไม่หยุด ทั้งสามร่วงลงกับพื้น ขอบอกเลยว่าพวกเขาคิดผิดแล้ว ที่เห็นฉินเฟิงเป็นเหมือนเนื้อหวานฉ่ำชุ่มไขมัน

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น กระตุ้นพลังสมาธิ

 

“เทคนิคมังกรไฟ!”

 

กรรรรร!

 

มังกรเพลิงสีแดงดำ พริบตาเดียวขยายตัวไปตลอดทั้งโถงรับรอง ปกคลุมรอบฝูงชน ว่ายวนไปทั่วทั้งห้อง

 

เนื่องจากฉินเฟิงได้ดูดซับแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า ตอนนี้พลังสมาธิของเขาจึงก้าวขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิเช่นเดียวกัน ดังนั้นมังกรไฟตัวจึงร้อนแรง และน่าสยองเกล้ายิ่งกว่าที่แล้วๆมา

 

เหล่าผู้ใช้พลังเลเวล D ปลุกเร้ากำลังภายในทั้งหมดที่มีออกมาต่อต้าน ไม่ก็ใช้พลังสมาธิปกป้องตนเอง

 

ภายใต้มังกรไฟที่แผดคำราม ทั้งหมดฝืนทนพยายามอย่างยากลำบาก

 

ทว่าฉินเฟิง กลับไม่จำเป็นต้องพยายามใดๆ

 

“นี่คือกำลังทั้งหมดที่มีแล้วหรือ? แค่นี้เนี่ยนะ แต่ยังคิดรุมฉัน?”

 

ฉินเฟิงหัวเยาะหยัน เปิดใช้งานท่าร่างภูติพราย กายเขาหายวับไปจากจุดเดิมทันที

 

ขณะเดียวกัน เนื่องจากการปรากฏตัวของมังกรไฟ หมอกมืดจึงสลายไปโดยสิ้นเชิง ฉินเฟิงวูบไหวมาโผล่หน้าเล่ยชาง อีกฝ่ายเองก็เห็นเขาได้ชัดเจน

 

“ฉินเฟิง คิดจะทำอะไร แกกล้า!”

 

เล่ยชางสาดสีหน้าดุดัน ร้องตะโกน

 

ในความคิดของเล่ยชาง ฉินเฟิงต้องฆ่าเขาแน่ๆ

 

อันที่จริงฉินเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะสังหารเล่ยชาง แต่ถึงไม่ตั้งใจ ก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ

 

“นกยูงไฟ!”

 

วินาทีถัดมา นกยูงสีฟ้าตนหนึ่งพลันโฉบเข้าหาเล่ยชาง ทะลวงผ่านปราณกำลังภายในที่คอยปกป้องทันที

 

เปรี้ยง!

 

นกยูงไฟปะทะเข้ากับเนื้อหนังของเล่ยชาง ส่งเขาเท้าลอยไม่ติดพื้น ปลิวไปอัดเอาเสาต้นหนึ่งในห้องโถง

 

ฉินเฟิงหันกลับมาและยกมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชี้ไปยังตำแหน่งของตี๋เล่ย

 

“เทคนิคแมกมา!”

 

มวลเปลวไฟจำนวนมากกองรวมกันใต้พื้น พื้นหลอมละลายกลายเป็นลาวาเหลวและ–

 

–ตูม!

 

ลาวาปะทุขึ้นมาจากพื้นห้อง ระเบิดเข้าใส่ตี๋เล่ยลอยขึ้นไปกระแทกกับเพดาน

 

โครม!

 

เพดานแตกเป็นเสี่ยงๆ คุณสามารถมองเห็นท้องฟ้าภายนอกที่เต็มไปด้วยแสงดาวได้อย่างเต็มตา

 

ฉินเฟิงมองออกไปรอบๆ และพบว่าทั่วทั้งห้องประมูล มีมากกว่า 20 คนถูกโจมตีโดยอบิลิตี้เขา ทั้งหมดต่างหมอบราบอย่างพ่ายแพ้

 

ฉินเฟิงชี้นิ้วไปที่มังกรไฟ มังกรไฟทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า พุ่งชนทำลายหลังคาอีกครั้ง

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเยือนปราการชาตง ดังนั้นจะไว้ชีวิตพวกคุณสักครั้ง แต่คราวหน้า มันไม่จบง่ายๆอย่างนี้แน่!”

 

ขณะกล่าว เบื้องหลังฉินเฟิง ราวกับปรากฏภาพเสมือนของนกยูง คู่ปีกสีฟ้าสยายออกทันใด นำพาเขาทะยานสู่ฟากฟ้า

 

ฉินเฟิงบินออกไปอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว ภายในโถงรับรอง ฝูงชนช่วยพยุงกันและกัน เดินไปยังหน้าต่างที่แตกร้าว เฝ้ามองฉินเฟิงจนลับสายตาไป

 

ภายนอกตึกประมูลกลุ่มหวันซ่ง คนกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกัน หลังจากเริ่มเกิดการต่อสู้เมื่อครู่ขึ้น พวกเขาก็มาเฝ้ามองเหตุการณ์

 

และในกลุ่มที่ว่า นำโดยเฉินเซี่ยง

 

ในสายตาของพวกเขา มันสะท้อนไปด้วยเปลวไฟสีดำ , แดง และฟ้า ทะลุออกไปจากหลังคาตึกหวันซ่ง

 

“ลูกวัวแรกเกิดไม่หวั่นเกรงพยัคฆ์ วัยรุ่นนี่ช่างมีจิตวิญญาณอันเร่าร้อนและห้าวหาญซะเหลือเกิน!”