ตอนที่ 262 ตกใจตื่น / ตอนที่ 263 นั่นมันเรื่องของฉัน

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 262 ตกใจตื่น

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบชุยหังก็ยังคงนอนไม่หลับ นอนฟังเสียงหายใจของหลูจื้อ

 

 

เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกแบบนั้นของตัวเองว่ายังไง มันซับซ้อนมาก

 

 

ตอนที่เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ของหลูจื้อ เขาก็อดทนที่จะไม่ถามหลูจื้อ จากนั้นค่อยๆ เติมเต็มตัวเองทีละขั้นๆ เพื่อให้กลับสู่เส้นทางปกติ จากนั้นก็ยอมแพ้ไปเอง

 

 

ส่วนเรื่องอื่นๆ เขายังไม่ทันได้รอให้หลูจื้อพูดอะไรตนก็ตัดสินใจไปเองก่อนแล้ว

 

 

อันที่จริงความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคน แม้ว่าเขาจะยอมแพ้เพื่อหลูจื้อก็ตาม ก็ควรจะบอกหลูจื้อสักคำ จากนั้นดูว่าเขามีท่าทียังไงถึงจะถูก

 

 

ถ้าหลูจื้อเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องรักษามันอีกต่อไปแล้วก็ย่อมไม่ควรจะรักษามันอีกต่อไป

 

 

เขารู้สึกว่าตัวเองเสียสละมากแล้วมันก็ยิ่งใหญ่มากด้วย ในการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเขาต้องรับผลกระทบที่ตามมาทั้งหมดโดยตรง แต่ทิ้งปัญหาระเนระนาดไว้ ที่จริงมันเพียงพอที่จะให้หลูจื้อจัดการมันไปอีกสักระยะ

 

 

ประเด็นสำคัญคือทั้งสองคนต่างก็ใช้ใจกันแล้ว จู่ๆ ก็มาหยุดลงกะทันหันแบบนี้ ถ้าสามารถปรับตัวได้ในทันทีสิถึงเรียกว่าแปลกจริง

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ชุยหังยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำลงไปมันไม่ค่อยถูกต้องนัก

 

 

มีปัญหาอะไร หลีกเลี่ยงไปก็ไม่สามารถแก้ไขได้

 

 

สู้สองคนเผชิญหน้าไปด้วยกัน ถ้าหากไม่มีวิถีทางอื่นแล้วจริงๆ เมื่อแยกจากกันแล้วก็คงจะไม่มีภาพลวงตาอะไรติดค้างกันอีก

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าเหงื่อที่คอจะไหลออกมาแล้วเพราะถูกแขนของหลูจื้อกอดเอาไว้ตลอด

 

 

แต่เขาก็ไม่กล้าขยับ เขาไม่ได้กลัวว่ามันจะไปกระตุ้นการตอบสนองที่ติดเป็นนิสัยของเขาจนถูกเขาล็อคคอเอา แต่กลัวว่าจะทำให้หลูจื้อตื่นต่างหาก

 

 

นับตั้งแต่ขาดการติดต่อกับตนไป ไม่มีวี่มีแววอะไร จากนั้นก็คิดหาวิธีการที่ตามหาตนให้เจอ ต่อมาก็ไปบอกเลิกผู้หญิงคนนั้น แล้วยังจะมารู้ของตนจากซ่งไข่อีก ใจของเขาคงจะไม่มีสักวินาทีที่ได้รู้สึกดีเลย

 

 

ส่วนตนก็เป็นผู้ร้ายผู้กระทำผิดเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะตนเขาก็คงไม่ต้องมาประสบพบเจอกับอะไรมากมายขนาดนี้หรอก

 

 

จากเมืองเอ้อถึงไท่อาน [1] หนึ่งคืนเต็มๆ บนรถไฟ ตั้งแต่เขารู้ว่าตนอยู่ที่นี่ก็ไปลาพักกับกองทหารแล้วซื้อตั๋วมาที่นี่ทันที ยืนอยู่บนรถมาตลอดทั้งเส้นทางจนถึงสถานที่แปลกหน้าแปลกตาแห่งนี้ โดยอาศัยเพียงแค่ที่อยู่ที่ตนเคยบอกซ่งไข่ไปก่อนหน้านี้ จนกระทั่งพบชุมชนเหล่าไหวซู่จวี แถมยังไม่รู้ด้วยว่าตนจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไหร่ ทำได้แค่รออยู่ตรงนั้น ความรู้สึกแบบนนั้นใครจะมาเข้าใจ?

 

 

เขาถอนหายใจเบาๆ เมื่อสำนึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง เขาไม่อยากทำผิดซ้ำอีกแล้ว

 

 

จากสิ่งเหล่านี้ที่หลูจื้อทำเพื่อเขาทั้งหมด ต่อจากนี้ไปเขาก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปตั้งเงื่อนไขใดๆ กับหลูจื้อแล้ว

 

 

“นายไม่นอนหรอ?” เสียงของหลูจื้อดังขึ้นจากทางด้านหลัง

 

 

ชุยหังตกใจนิดหน่อย ตนปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาหรือเปล่า

 

 

ว่ากันว่าคนที่เป็นทหารเวลานอนหลับก็จะยังตื่นตัวมาก ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง

 

 

ชุยหังพูดด้วยความลำบากใจว่า: “ฉันทำนายตื่นหรือเปล่า”

 

 

“ไม่เป็นไร เดิมฉันก็นอนหลับได้ไม่นานอยู่แล้ว มีเรื่องในใจ” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังถามว่า: “เป็นเพราะฉันหรอ”

 

 

“พูดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนายจะเพราะใคร? ฉันมาทำอะไรที่นี่” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังอยากจะตบตัวเองสักทีจริงๆ ทำไมตอนนี้ไม่ว่าตนจะพูดอะไรถึงถูกคนอื่นๆ โกรธเอาง่ายๆ?

 

 

“ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเอง…”

 

 

“พูดน้องนายสิ หันมา!” หลูจื้อว่า

 

 

ชุยหังพลิกตัวกลับไปอย่างไม่มีทางเลือก มองใบหน้าของหลูจื้อในระยะใกล้ๆ แบบนั้น แล้วก็พูดด้วยความรู้สึกผิดขึ้นมาว่า: “แขนนายชาหมดแล้วใช่ไหม เอาออกไปดีไหม”

 

 

หลูจื้อกลับพับข้อแขนของเขาขึ้นก่อนจะกดท้ายทอยของชุยหังไว้แล้วประทับจูบลงไปแทน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 263 นั่นมันเรื่องของฉัน

 

 

“ฉันนึกว่าลืมตาขึ้นมาแล้วจะไม่เจอนายซะอีก” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังพูดไม่ออก ตอนนี้ตนทำให้หลูจื้อรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือเปล่า?

 

 

ดูเหมือนการจากมาครั้งนี้จะสร้างเงามืดในใจให้หลูจื้อมากเกินไปแล้ว

 

 

จากนี้ต่อไปตนคบหากับหลูจื้อคงจะต้องใส่ใจให้มากกว่านี้แล้ว

 

 

“เรื่องบนเวยป๋อฉันรู้แล้วนะ ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะพูดว่ายังไง ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว” หลูจื้อว่า

 

 

ชุยหังเงียบขรึมไปก่อนจะพยักหน้ารับ

 

 

ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจ แต่มันไม่มีน้ำตาอะไรที่จะไหลให้กับอดีตของตัวเองอีกแล้ว

 

 

ตอนนั้นตัวเองตาบอดไปเอง โทษคนอื่นไม่ได้

 

 

“นายกลับไปจะทำยังไง จะอธิบายกับที่บ้านว่ายังไง” ชุยหังว่า

 

 

“นั่นมันเรื่องของฉัน นายไม่ต้องกังวลให้มากขนาดนั้นหรอก ยังไงฉันก็จะไม่แต่งงาน” หลูจื้อกล่าว

 

 

“เผื่อว่าทางคุณย่าของนายยังคงไม่เห็นด้วยล่ะ?” ชุยหังถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ฉันบอกสาเหตุที่ฉันไม่แต่งงานให้พ่อแม่ฟังแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากให้คุณย่าเป็นอะไรไปก็ย่อมต้องช่วยปกปิดอยู่แล้ว พวกเขาสามารถใช้คุณย่ามากดดันฉันได้ ฉันก็สามารถใช้คุณย่าสร้างความกดดันให้พวกเขาได้เหมือนกัน แต่เดิมนี่มันก็เป็นสิ่งที่ทำร่วมกัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่อยากใช้หรอกเพราะไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวังมากเกินไป แต่ตอนนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว พวกเขาไม่ผิดหวัง นายก็วิ่งหนีไปไม่เหลือแม้แต่เงาแล้ว”

 

 

ชุยหังถอนหายใจอีกครั้ง คิดว่าในความเป็นจริงแล้วเรื่องมันก็ยังไม่ง่ายขนาดนั้น

 

 

“ก่อนนั้นนายพูดถูก พ่อแม่ไม่มีทางไม่สนใจลูก อันที่จริงขอเพียงแค่ลูกของตนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขก็พอแล้ว พวกเขาสามารถทำเพื่อนายได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถไปใช้ชีวิตแทนนายได้ อยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่าในใจของฉันรู้ดีอยู่แล้ว ในเมื่อเวลาที่ฉันไปมาหาสู่กับผู้หญิงคนนั้นฉันไม่อยากสัมผัสหล่อนเลย กับหล่อนไม่มีความรู้สึกสนใจเลยสักนิด” หลูจื้อกล่าว

 

 

“ถ้าในอนาคตเจอคนที่ทำให้สนใจขึ้นมาล่ะ?” หัวของชุยหังเหมือนกับถูกไฟฟ้าลัดวงจรยังไงอย่างนั้นถึงได้ถามคำถามแบบนี้ออกไป

 

 

หลูจื้อจับท้ายทอยของชุยหังเอาไว้พลางพูดขึ้นว่า: “นายรู้ไหมว่าคนแบบนายมักจะตายเพราะพูดมาก?”

 

 

ชุยหังรีบหุบปากอย่างเชื่อฟังในทันทีและไม่พูดอะไรอีกแล้ว

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “บางทีระยะนี้ฉันอาจจะต้องเป็นลูกที่ไม่เชื่อฟังกับทางพ่อแม่สักหน่อยแล้วล่ะ แต่ว่าฉันควรทำอะไรก็ยังจะทำอย่างนั้น มันจะไม่เหมือนเมื่อก่อน เส้นทางสายนี้ค่อนข้างยาก ในอนาคตนายเองก็อาจจะต้องเสียใจบ้างนิดหน่อย นายคิดมันชัดเจนดีแล้วใช่ไหม”

 

 

“คิดดีหรือไม่ดีฉันก็พานายเข้ามาแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบไม่ใช่หรอ” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อยิ้มแล้ว พลางพูดขึ้นว่า: “นายรู้ก็โอเคแล้ว เรื่องที่นายหนีมาครั้งนี้ฉันจะจำเอาไว้ก่อน ถ้านายยังมีครั้งต่อไปอีกนายรอดูเลยว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง”

 

 

“ตอนนั้นฉันแค่ไม่อยากให้นายต้องตัดสินใจเลือกอะไร แบบนั้นมันลำบากใจมาก” ชุยหังว่า

 

 

“เรื่องของความรู้สึกมีอะไรที่จะไม่ลำบากใจบ้าง? สามารถคบกันได้ทำไมถึงไม่คบกัน? ฉันแม่งจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี สามารถอยู่ได้พันปีหรือว่าหมื่นปี? นายไม่ต้องหาข้อแก้ตัวแล้ว ฉันไม่เคยพูดว่าไม่ต้องการนาย นายก็หนีไปไม่ได้” หลูจื้อว่า

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “อันนี้ไม่ต้องเน้นแล้ว ฉันเข้าใจหมดแล้ว”

 

 

“ฉันให้เวลานายหนึ่งนาที เพิ่มเบอร์โทรศัพท์กับวีแชทของฉันกลับเข้าไปแล้วให้ฉันตรวจเดี๋ยวนี้” หลูจื้อพูด

 

 

จากนั้นเขาก็โยนโทรศัพท์มือถือมาให้

 

 

ชุยหังพูดว่า: “ไม่ต้องฉันจำได้หมดแล้ว”

 

 

เบอร์โทรศัพท์ของหลูจื้อตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยลืมมันเลย

 

 

ยิ่งกว่านั้นหมายเลขโทรศัพท์แค่ดึงเข้าบัญชีดำไว้เท่านั้น แค่ลากออกมาก็เรียบร้อยแล้ว

 

 

ส่งไอดีวีแชทก็เป็นชื่อของหลูจื้อบวกกับวันเกิด

 

 

“บอกความจริงกับฉันมาว่าถ้าฉันไม่มาหานาย นายยังต้องการฉันอยู่ไหม?”