ตอนที่ 113 ระดับที่เพิ่มขึ้น

ระบบอัพเกรดเทพชาย

ตอนที่ 113 ระดับที่เพิ่มขึ้น

 

กลิ่นหอมของเนื้อและกลิ่นหอมอ่อนๆแผ่กระจายไปทั่วปากของหลิงเซียว

 

เนื้อของสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆานั้นอร่อยเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันมันก็เคี้ยวหนึบมากการยัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปาก มันน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!

 

เมื่อคนอื่นๆเห็นดังนั้น พวกเขาก็รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาทันที และหยิบเนื้อใส่เข้าไปในปากของพวกเขา

 

เพียงเสี้ยววิ ความรู้สึกและรสชาตินี้ก็ทําให้พวกเขากรีดร้องออกมา

 

“อร่อย! มันอร่อยมาก!”

 

“ต่อให้ไม่ได้ใส่เครื่องปรุงรสอะไรก็อร่อยมาก!”

 

“วัตถุดิบแบบนี้ไม่ต้องพึ่งเครื่องปรุงรสใดเลยๆ!”

 

“ใช่ใช่! รสชาติดั้งเดิมของอาหารเพียงอย่างเดียวก็ทําให้ผู้คนรู้สึกเป็นอมตะแล้ว!”

 

หวังไฉ น้ําลายไหลเกือบจะหมดปากอยู่แล้ว หลิงเซียวรีบคืบแล้วโยนเนื้อให้มันทันที

 

ทันทีที่เนื้อชิ้นนั้นเข้าปาก ดวงตาของหวังไฉก็สว่างขึ้น

 

“อาวู้ววว เนื้อนี้… เนื้อนี้อร่อยมาก! ข้าไม่เคยกินเนื้อสัตว์วิญญาณที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน!” หวังไฉรีบกลืนเนื้อลงไปสองสามรอบ

 

จากนั้นห้าคนและหนึ่งหมาป่าก็ต่อสู้กันเพื่อเนื้อ!

 

จนกระทั่งในที่สุดพวกเขาก็กินเนื้อสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาไปจนเกือบหมด

 

หลังจากนําวัตถุดิบที่มีค่าออกจากสัตว์วิญญาณเหยียบเมฆาแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกค้นหาสมบัติอีกครั้ง

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หกวันผ่านไปในพริบตา เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งวันก่อนที่รอบคัดเลือกจะสิ้นสุดลง

 

ในช่วงหกวันที่ผ่านมา หลิว รั่วเหยียน ได้บรรลุถึงขั้นนักรบจิตวิญญาณระดับห้า ในขณะที่ซูเหยาและคนอื่นๆได้มาถึงนักรบจิตวิญญาณระดับสี่

 

ส่วนหวังไฉได้เลื่อนขั้นจากนักรบจิตวิญญาณระดับสามเป็นนักรบจิตวิญญาณระดับห้า

 

หลิงเซียวย่อมเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้เร็วที่สุด ในตอนนี้เขามีพลังอยู่ในขั้นนักรบจิตวิญญาณระดับเจ็ดแล้วและนักรบระดับแปดก็อยู่อีกไม่ไกล

 

แม้ว่าฉิวซ่านและหยางหยู่จะมาหาเรื่อง แต่หลิงเซียวก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้

 

“หลิงเซียว ต่อไปพวกเรากลับไปที่รอยแยกต่างมิติกันดีไหม?” ซูเหยาถาม

 

หลิงเซียวคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวว่า “อาจจะมีคนซุ่มอยู่ตรงนั้น พวกเราควรจะระมัดระวัง”

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังปึกก้องดังอยู่ไม่ไกล

 

กลิ่นอายอันทรงพลังสามสายพัดมาจากทิศทางนั้น

 

หลิงเซียวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “กลิ่นอายนี้… มันเป็นนักรบจิตวิญญาณระดับเก้า!”

 

ซูเหยาและคนอื่นๆได้ยินดังนั้นสีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปทันที

 

หลิงเซียวตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและกล่าวว่า “พวกเธอไปก่อนเถอะ! ซ่อนตัวอยู่ใกล้กับรอยแยกต่างมิติแต่ระวังอย่าให้ใครสังเกตเห็น หากพบว่าสถานการณ์ไม่ดี ให้เข้าไปในรอยแยกทันที! ”

 

“แล้วนายล่ะ?” หลิวรั่วเหยียน ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปากถาม

 

หลิงเซียวเลียริมฝีปากของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกาย

 

“ฉันจะไปดูกับหวังไฉ! พวกเธอไปกันก่อน!” หลิงเซียวกล่าว

 

ทั้งสี่คนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับทันที

 

ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สิ่งที่หลิงเซียวทํา ทําให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวของเขาเป็นอย่างยิ่ง และแน่นอนว่าในเวลานี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

 

หลังจากนั้นหลิงเซียวและหวังไฉก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้สถานที่เกิดการต่อสู้

 

ผ่านไประยะหนึ่งหนึ่งคนกับหนึ่งหมาป่าก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง

 

หลิงเซียวที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจ้องมองไปข้างหน้า

ห่างออกไป 100 เมตรมีคนหนึ่งถือดาบด้วยมือเดียว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล

 

ชายร่างสูงสองคนที่ถือดาบยืนอยู่ตรงข้ามก็มีบาดแผลบนร่างกายเช่นกัน

 

แต่เมื่อเทียบกับชายที่ถือดาบแล้ว อาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งสองดีกว่ามาก

 

“คิดว่าจะหนีรอดงั้นหรือ? มอบทักษะต่อสู้ของเจ้ามาซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ชายถือดาบหัวเราะอย่างเย็นชา

 

ชายหนุ่มที่ถือดาบนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “ต่อให้ข้าต้องตาย!ข้าก็จะไม่ให้ทักษะต่อสู้นี้กับพวกเจ้าทั้งสอง!”

 

ด้วยการมีอยู่ของระบบ หลิงเซียวสามารถเข้าใจภาษาต่างโลกได้ในทันที เขาจึงเข้าใจบทสนทนาของพวกเขา

 

เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนเป็นผู้ฝึกยุทธจากต่างโลก และเหตุผลที่พวกเขาต่อสู้กันก็เพราะทักษะต่อสู้ที่พวกเขาพูดถึง

 

“ชายที่ถือดาบพกทักษะต่อสู้อะไรติดตัวมาด้วย? ความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นทักษะต่อสู้จิดวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับดาบ!”เมื่อหลิงเซียวคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น