เสียงหัวเราะแผ่วเบาของลูเซียนไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ใด เพราะพวกเขาเริ่มพูดคุยหารือกันอย่างออกรสออกชาติเกี่ยวกับเปียโนโซนาตาชิ้นใหม่ที่ชื่อ ‘แสงจันทร์’ ซึ่งประพันธ์โดยลูเซียน อีวานส์ นักดนตรีชื่อดัง พวกเขาถกกันถึงทำนองเสนาะไพเราะแสนเงียบสงบที่แหวกประเพณีของการเล่นท่อนแรกด้วยความร้อนแรงเสียงดัง

“ท่านไวส์ ดูเหมือนว่าท่านจะชอบท่อนแรกของ ‘แสงจันทร์’ นะขอรับ ทำไมเราไม่ขึ้นไปห้องเปียโนแล้วลองฝึกเล่นกันดูเล่า” แคสเปอร์เห็นว่าตนเสียมารยาทกับไวส์มากที่ยังยืนอยู่ตรงโถง จึงเชื้อเชิญเขาขึ้นไปชั้นบน

ไวส์พยักหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยน “ท่านแคสเปอร์ช่างเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก ข้ากำลังคิดจะฝึกเล่นเพลง ‘แสงจันทร์’ แสนงดงามปลอบโยนนี้พอดีเลยขอรับ”

เมื่อได้รับความเห็นชอบจากไวส์ นักดนตรีที่รุมล้อมเขาจึงรีบกรูกันขึ้นบันไดตามไป

เบ็ตตี้ส่งยิ้มให้ลูเซียนอย่างขอลุแก่โทษ “ท่านอีวานส์ ข้าอยากจะขึ้นไปฟังท่านไวส์เล่นเพลง ‘แสงจันทร์’ ฉะนั้นข้าคงอยู่เป็นเพื่อนท่านไม่ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นท่านก็อย่าเพิ่งเขียนจดหมายเลย ขึ้นไปฟังด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ นี่เป็นโอกาสหายากมากๆ เลยนะเจ้าคะ!”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านอีวานส์ ขึ้นไปฟังด้วยกันเถอะ” โจแอนนากับไซม่อนจับมือกัน ต่างมีสีหน้าตื่นเต้นสนใจ

ลูเซียนส่ายหน้า “สำหรับข้าแล้ว การเขียนจดหมายสำคัญกว่า”

โจแอนนากับเบ็ตตี้ถอนหายใจพร้อมกัน “น่าเสียดายยิ่งนัก” พวกเขาเริ่มคิดแล้วว่าท่านอีวานส์ตรงหน้า ในฐานะอัศวินของเจ้าหญิง คงจะเคยพบเจอนักดนตรีชื่อดังมามากมาย ดังนั้นจึงไม่ตื่นเต้นเท่าใดกับท่านไวส์

เมื่อเห็นว่าไซม่อนกับคนอื่นๆ เดินตามไวส์ขึ้นบันไดไปอย่างว่องไว มาร์สก็เอ่ยอย่างขอโทษขอโพยกับลูเซียน “ท่านอีวานส์ แหะๆ ข้าเองก็ชอบเพลง ‘แสงจันทร์’ ของลูเซียน อีวานส์เช่นกัน เช่นนั้นข้าขอตัวไปฟังท่านไวส์เล่นเพลงนี้พร้อมกับอ่านโน้ตไปด้วยก่อนนะขอรับ เขานับเป็นนักดนตรีที่เล่นเปียโนได้เก่งกาจกว่านักดนตรีในเมืองคอร์โซมากมายนัก ท่านอีวานส์ เชิญท่านเขียนจดหมายแล้วมอบให้คริสได้เลยนะขอรับ ข้าจะจัดการต่อให้เอง”

“เช่นนั้นเชิญตามสบายเลยขอรับ ท่านมาร์ส” ลูเซียนเฝ้ามองมาร์สเดินจากไปโดยไม่ได้ใส่ใจนัก เนื่องจากในห้องโถงนั้นไม่มีโต๊ะกับเก้าอี้อยู่เลย เขาจึงยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์โดยมีอุปกรณ์การเขียนอยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงเริ่มใช้หมึกเขียน

คริสมองไปทางบันไดด้วยความผิดหวังแล้วถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมข้าถึงต้องอยู่ตรงนี้ด้วยนะ เฮ้อ อดได้ฟังท่านไวส์เล่นเป็นการส่วนตัวเลย” จากนั้นนางก็เดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่หลังเคาน์เตอร์

ลูเซียนไม่สนใจอีกฝ่ายและค่อยๆ เขียนจดหมายเกี่ยวกับการเดินทางตลอดสองเดือนที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่วิวทิวทัศน์ข้างทาง ขนบธรรมเนียมแปลกแตกต่างในแต่ละอาณาจักร สัตว์ประหลาดและโจรที่เขาพบเจอ ลูเซียนหยุดเขียนก็เมื่อพบว่าตนเองใช้กระดาษไปกว่าเจ็ดแปดแผ่นแล้ว

หลังจากพับจดหมายฉบับนี้ใส่ซอง ลูเซียนก็จ่าหน้าซองถึงจอห์น จากนั้นจึงวางมันลงข้างๆ แล้วเริ่มเขียนอีกฉบับ

ฉบับแรกนั้นรอเพียงให้ลูเซียนลงชื่อและประทับตราด้านหน้าซอง สมาคมนักดนตรีแห่งเมืองอัลโต้ก็จะช่วยส่งไปให้บ้านของจอห์นเอง นี่คือบริการสำหรับนักดนตรี หากว่าเขาไม่ลงชื่อหรือประทับตรา จดหมายที่จ่าหน้าถึงผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกสมาคมก็จะไปอยู่ในถังขยะทันที

จดหมายฉบับที่สองนั้นจ่าหน้าถึงนาตาซา นอกจากกระดาษที่มีเนื้อหาเหมือนกับฉบับแรกแล้ว ลูเซียนยังเพิ่มความรู้เกี่ยวกับเพลงพื้นบ้านที่เขาได้ประสบพบเจอมาจากหลากหลายสถานที่ตลอดการเดินทาง ดังนั้นเขาจึงเขียนไปมากกว่ายี่สิบแผ่น และเมื่อเห็นเช่นนั้น คริสก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ‘สุภาพบุรุษท่านนี้คงจะเพ้อเจ้อเก่งไม่น้อย เขาเขียนได้เยอะจริงๆ’

เมื่อเขียนมาจนจะจบ ลูเซียนก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเขียนเพิ่มด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ‘ฝ่าบาท วันเกิดของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว แต่กระหม่อมกลับอยู่ต่างแดน กระหม่อมจึงทำได้เพียงอวยพรให้ฝ่าบาทล่วงหน้า’

หลังจากใส่จดหมายลงซองเสร็จ ลูเซียนก็เขียนแค่ว่า ‘นาตาซา ไวโอเล็ต’ บนหน้าซอง เพราะที่อยู่นั้นไม่จำเป็นสำหรับเจ้าหญิง และแน่นอนว่าท่านโอเทลโล่ย่อมยินดีที่จะใช้โอกาสนี้เข้าไปในพระราชวังราทาเซีย

แต่ลูเซียนยังไม่เก็บอุปกรณ์ เขากลับเริ่มเขียนจดหมายฉบับที่สาม ฉบับนี้ไม่ได้จะส่งให้เพื่อนคนอื่นๆ เพราะพวกเขาสามารถอ่านได้จากจดหมายฉบับแรกที่ส่งให้จอห์น แต่เขาจะส่งฉบับนี้ให้คริสโตเฟอร์

เมื่อเห็นว่าลูเซียนยังไม่หยุดเขียน คริสก็เม้มปากแน่น สีหน้าของนางนั้นแสดงออกชัดเจนว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี ‘เขาจะต้องเขียนจดหมายกี่ฉบับกันเนี่ย จะเขียนถึงเพื่อนทุกคนเลยหรืออย่างไร ข้าไม่รู้ว่าสมาคมนักดนตรีเมืองอัลโต้จะปฏิเสธหรือเปล่า…’

หลังจากเขียนไปหลายแผ่นแล้ว ลูเซียนก็ยังคงไม่หยุดมือ คริสที่รู้สึกเบื่อหน่ายและเริ่มสงสัยใคร่รู้จึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างๆ แล้วยืดคอและใช้ความสามารถในการสะกดคำกับจดจำคำศัพท์ได้บางคำเพื่อแอบอ่านที่อยู่บนหน้าซองจดหมายสองฉบับแรก

‘จอห์น เลขที่ 154 เขตลิลี่ม่วง… ไม่รู้จักแฮะ’ คริสอ่านตัวหนังสือที่จำได้หลายรอบ จากนั้นจึงเหลือบไปมองอีกฉบับ ‘นาตาซา ไวโอเล็ต นาตาซา ไวโอเล็ต… นาตาซา ไวโอเล็ต เนี่ยนะ’

‘นาตาซา ไวโอเล็ต ผู้นั้นน่ะหรือ?!’

ชื่อของนาตาซามักปรากฏใน ‘วิพากษ์ดนตรี’ และ ‘ซิมโฟนีนิวส์’ บ่อยๆ ดังนั้นทุกคนในสมาคมนักดนตรีในแต่ละอาณาจักรจึงรู้จักเป็นอย่างดี นอกจากนี้ นามสกุลไวโอเล็ตยังถือว่าเป็นนามสกุลพิเศษและหายากมากๆ ดังนั้นคริสจึงนึกไปถึงเจ้าหญิงในทันที

‘เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเคาน์เตสไวโอเล็ต เจ้าหญิงแห่งออร์วาริตกันล่ะเนี่ย’ ความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็นทำให้คริสตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวตนของลูเซียน ‘เดี๋ยวนะ เมื่อครู่นี้ท่านมาร์สเพิ่งเรียกเขาว่าท่านอีวานส์นี่นา?! ท่านลูเซียน อีวานส์?!!’

มีหลายคนที่ใช้นามสกุลอีวานส์ คริสเองก็มีคนรู้จักในเมืองคอร์โซมากกว่าสิบคนที่ใช้นามสกุลนี้ ส่วนชื่อลูเซียนนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไร ทั้งสองอย่างรวมกันแล้วดูธรรมดาสามัญ แต่เมื่อเขามีความเกี่ยวข้องกับเคาน์เตสไวโอเล็ต เจ้าหญิงแห่งออร์วาริต ก็มีเพียงท่านอีวานส์เพียงผู้เดียวเท่านั้น!

นางอ้าปากค้าง ในใจมีเสียงมากมายตะโกนขึ้น ‘เขาคือลูเซียน อีวานส์ งั้นหรือ?! นี่คือนักดนตรีคนโปรดของข้างั้นหรือ?!’

คริสค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ลูเซียนที่กำลังเขียนอยู่ทีละก้าวๆ ตั้งใจจะแอบอ่านเนื้อหาในจดหมายเพื่อให้มั่นใจ

นางขยับอย่างระมัดระวัง ขยับก้าวหนึ่งแล้วหยุดนิ่งสามวินาที ยืดคอหรี่ตามอง พยายามสังเกตว่าลูเซียนเห็นการกระทำดั่งโจรของตนหรือไม่ ความระมัดระวัง ความอยากรู้ และความคาดหวังนั้นดูน่ารักน่าขันไม่น้อย

ด้วยพลังจิตและสัญชาตญาณที่มี เหตุใดเขาจะไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของคริส เขารู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่คิดว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องลงชื่อและส่งให้นางอยู่แล้ว จึงไม่ได้หยุดนาง

“โอ้ ท่านไวส์ เพียงฝึกไม่กี่ครั้งท่านก็เล่นท่อนแรกของเพลง ‘แสงจันทร์’ ได้อย่างชำนาญแล้ว ช่างสมกับเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีจริงๆ” เสียงชื่นชมของแคสเปอร์ดังมาจากหัวบันได

เสียงหวานๆ ของเบ็ตตี้ดังตามมา “การเล่นของท่านไวส์ไม่เพียงเก่งกาจเท่านั้น แต่ยังงดงามอีกด้วย ท่วงทำนองเมื่อครู่นี้ช่างอ่อนหวานนุ่มนวลและซาบซึ้งตรึงใจ” นางไม่ได้มีความรู้ทางด้านดนตรีเท่าใด จึงกล่าวชื่นชมได้เพียงไม่กี่คำ

ไวส์แย้มยิ้มรับ “เป็นเพราะบทเพลงของท่านลูเซียน อีวานส์ ไพเราะตรึงใจจนข้าสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ความจริงแล้วข้าเพิ่งจะเริ่มเดินไปบนเส้นทางดนตรีและเปียโนเท่านั้น”

“ท่านก็นับว่าเป็นนักดนตรีมากสมารถแล้วขอรับ ฮ่าๆ ท่านอีวานส์ได้ประพันธ์ท่อนแรกขึ้น ทำไมท่านไม่ลองแต่งอีกสองท่อนต่อเล่า ท่านไวส์ ผลงานที่ท่านเคยสร้างสรรค์นั้นไพเราะไม่ต่างกับท่านอีวานส์เลย” แคสเปอร์เป็นขุนนางตกอับ และทักษะด้านดนตรีของเขาก็มีอยู่จำกัด เขาทำได้เพียงพึ่งพาการเป็นผู้อำนวยการสมาคมในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองคอร์โซ การได้พบกับไวส์ผู้เป็นนักดนตรีชื่อดังของเขตการปกครองนี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งยวด หากเขาได้รู้จักกับขุนนางชั้นสูงผ่านทางไวส์ เช่นนั้นความหวังที่จะกอบกู้วงศ์ตระกูลก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ไวส์ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน “ผลงานเพลงทุกชิ้นมีความสร้างสรรค์ของผู้ประพันธ์อยู่ หากว่าข้าฝืนตัวเองให้แต่งต่อ ก็จะประสานกับท่อนแรกให้ไพเราะได้ยากลำบาก ท่านแคสเปอร์ขอรับ ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้นอีกเลย”

“โอ้ ท่านไวส์นี่ช่างถ่อมตนเสียจริง” แคสเปอร์พูดกับคนอื่นๆ จากนั้นจึงเดินนำไวส์กลับมาที่ห้องโถง ก่อนจะชี้ไปด้านนอก “ข้าได้เตรียมบ้านพักไว้ให้ท่านแล้วขอรับ เพื่อที่ท่านจะได้เตรียมคอนเสิร์ตโดยไม่มีอะไรมารบกวน”

“การเตรียมการของท่านตรงใจข้าทุกครั้งเลย ขอบคุณขอรับ ท่านแคสเปอร์” ไวส์ไม่ปฏิเสธ แล้วกลุ่มของพวกเขาก็เดินตรงไปยังประตูหน้า

ตอนนั้นเอง คริสที่ไม่ได้สนใจไวส์เลยสักนิด ในที่สุดก็ขยับไปใกล้ลูเซียนและแอบอ่านสิ่งที่เขาเขียนได้สำเร็จ

เครื่องหมายแสนซับซ้อนพลันทำให้คริสมองตะลึงตาค้าง และนางก็โพล่งออกมาเสียงแหลม “ลูเซียน ท่านคือลูเซียน อีวานส์!” น้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความทึ่งและตะกุกตะกักเล็กน้อย

การที่เขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงนาตาซา และใช้นามสกุลอีวานส์ ทั้งยังยืนเขียนโน้ตเพลงอยู่ คริสจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าสุภาพบุรุษผู้หล่อเหลาตรงหน้านี้คือนักดนตรีชื่อดัง ลูเซียน อีวานส์!

ภายในห้องโถงโล่งเงียบ เสียงร้องแหลมของคริสดังก้องเข้าสู่หูของไวส์และทุกผู้คนในที่นั้น

พวกเขาพลันนิ่งงัน ชื่อลูเซียน อีวานส์ นั้นไม่ใช่ชื่อที่แปลกประหลาดอะไร แต่การพูดถึงลูเซียน อีวานส์ ในสมาคมนักดนตรีนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้ผู้คนนึกถึงนักดนตรีชื่อดัง สุภาพบุรุษผู้ที่ขุนนางทุกๆ อาณาจักรต้องการตัวมากที่สุดในตอนนี้!

มาร์สหันขวับกลับมาถาม “คริส เจ้าพูดอะไรกันน่ะ”

คริสที่ท่าทางคล้ายกำลังจะลอยขึ้นไปในอากาศชี้ไปทางลูเซียนแล้วกล่าวเบาๆ “เขา เขาคือท่านลูเซียน อีวานส์ ลูเซียน อีวานส์ แห่งอัลโต้!”

คล้ายกับว่านางกลัวจะรบกวนลูเซียน จึงพยายามพูดเสียงเบา แต่ภายใต้บรรยากาศเงียบงันนี้ เสียงของนางก็ยังคงดังชัดเจน

“เจ้าจะบอกว่าท่านอีวานส์คือท่านอีวานส์ผู้นั้นอย่างงั้นหรือ?!” เบ็ตตี้มีสีหน้าเหม่อลอยอึ้งทึ่งขณะถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นางได้พูดแทนความคิดของทุกคนในที่นั้น แล้วทันใดนั้นแคสเปอร์กับไวส์ก็ตวัดสายตาไปทางเคาน์เตอร์ จดจ้องไปที่คริสกับลูซียนที่ยังคงเขียนไม่หยุด

เป็นท่านลูเซียน อีวานส์ ผู้นั้นจริงๆ หรือ

คริสพยักหน้าหงึกหงักด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ขณะที่ริมฝีปากของนางขยับเป็นคำว่า “ท่านอีวานส์กำลังเขียนโน้ตเพลง”

ฟิ้ว เบ็ตตี้วิ่งผ่านทุกคนไป แล้วมองจดหมายที่ลูเซียนกำลังเขียนอย่างใจเย็น แม้ว่านางจะไม่เข้าใจสัญลักษณ์แสนซับซ้อนบนนั้น แต่ก็รู้สึกว่ามันช่างทรงพลัง นางยกมือขึ้นกุมอกแล้วถามด้วยความตื่นเต้นจนพูดแทบไม่รู้เรื่อง “ท่านอีวานส์ ท่านคือท่านอีวานส์จริงๆ หรือเจ้าคะ”

“ข้าไม่ได้บอกให้เร็วกว่านี้ แต่ข้าเคยรับใช้เจ้าหญิงมาก่อนน่ะ” ลูเซียนตอบยิ้มๆ จากนั้นจึงเขียนตัวโน้ตสุดท้ายลงไป

เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันจากปากลูเซียน เบ็ตตี้กับคริสก็คล้ายกับจะเป็นลม ในขณะที่โจแอนนากับไซม่อนรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันไป พวกเขาไม่เคยคิดเชื่อมโยงท่านอีวานส์ผู้แข็งแกร่งกับนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่มาก่อนเลย

ใบหน้าไวส์เดี๋ยวซีดเซียวเดี๋ยวเขียวคล้ำ แม้ว่าเขาจะถ่อมตนและทำตัวไม่โดดเด่นจนเป็นนิสัย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาช่างกล้าหาญที่เล่นดนตรีต่อหน้านักดนตรีผู้โด่งดังเช่นนี้

แคสเปอร์เลิกให้ความสนใจไวส์แล้วตรงดิ่งมาหาลูเซียน “ท่านลูเซียนขอรับ มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือไม่ โปรดบอกมาได้เลยขอรับ!” บุรุษตรงหน้านี้คือผู้ที่ขุนนางใหญ่กำลังถกเถียงกันและต้องการตัวมากที่สุด

“ข้าขอลงทะเบียนโน้ตเพลงนี้ก่อนส่งได้หรือไม่ขอรับ” ลูเซียนกล่าว เขาต้องทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไว้ เผื่อมีใครลอบเปิดจดหมายของเขากลางทาง

“ได้แน่นอนขอรับ ไม่มีปัญหา!” แคสเปอร์ประจบเอาใจอย่างยิ่ง

มาร์สเองก็เข้ามาพร้อมรอยยิ้มกระตือรือร้น “ข้านี่ช่างโง่เขลาและกล้าหาญยิ่งนักที่พูดเรื่องดนตรีต่อหน้าท่านอีวานส์ ฮ่าๆ เมื่อครู่นี้ท่านแต่งท่อนที่สองและสามของเพลงแสงจันทร์ใช่หรือไม่ขอรับ” เขาเห็นว่ากระดาษหน้าแรกนั้นมีตัวโน้ตคุ้นตาอยู่

“ข้าเพียงบันทึกในสิ่งที่เขียนไว้แล้ว” ลูเซียนเขียนชื่อเพลง จากนั้นจึงเขียนลงท้ายว่า ‘ท่านคริสโตเฟอร์ขอรับ กรุณาเตรียมการตีพิมพ์บทเพลงนี้ลงใน “วิพากษ์ดนตรี” ฉบับเดือนกรกฎาคม และได้โปรดตีพิมพ์ในวันที่สามสิบ กรกฎาคมด้วยนะขอรับ’

เมื่อเห็นว่าลูเซียนเขียนเสร็จแล้ว แคสเปอร์ก็รีบเอ่ยขึ้น “กระผมจะรีบให้คนเอาไปลงทะเบียนเดี๋ยวนี้เลยขอรับ ว่าแต่ว่า ท่านอีวานส์ ขอรับ ข้าจะขอเชิญท่านมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองคอร์โซแห่งนี้ได้หรือไม่”

“ข้ายังมีธุระที่ต้องไปทำ และคงจะเดินทางเร็วๆ นี้ขอรับ” ลูเซียนกำลังจะไปจากเมืองคอร์โซ และแอบเดินทางกลับไปร่วมงานฉลองความตาย

……………………………………….