ตอนที่ 238 ล้มละลาย

พ่อหยางและหยางหลางที่ยืนอยู่ด้านหน้าร้านสืออี๋ถางก็ตะโกนผ่านโทรโข่งจนเรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาจำนวนมาก

ด้านข้างเต็มไปด้วยผู้ที่เข้ามาดูสินค้า โดยที่ด้านในและด้านนอกมีการยืนซ้อนกันถึงสามชั้น วันนี้เป็นวันที่สองแล้ว วันแรกพวกเขาคิดไว้ว่าจะต้องขายมันออกไปได้สองหมื่นต่อชิ้นเป็นอย่างต่ำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะไม่สามารถขายมันได้เลยสักชิ้นเดียว ซึ่งมันทำให้พ่อของเขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก วันนี้พวกเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่อีกครั้ง

 

เขาทำการตะโกนผ่านโทรโข่ง “โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ ขายแบบขาดทุนไปเลยทุกชิ้นสองร้อยหยวน ทุกชิ้นสองร้อยหยวน! ซื้อไม่ซื้อไม่เป็นไรเข้ามาดูกันก่อนได้! ชิ้นไหนก็สองร้อย จะซื้ออะไรก็สองร้อยเท่านั้น! อยากได้อะไรเอาไปเลยชิ้นละสองร้อยหยวน! ราคาเดิมอยู่ที่หนึ่งพันแปดร้อยหยวน แต่ถ้าซื้อวันนี้เอาไปเลยสองร้อยหยวนเท่านั้น!!!”

“สองร้อยครับสองร้อย! ซื้อชิ้นไหนก็สองร้อยเท่านั้น เชิญเข้ามาเลือกซื้อกันได้ตามสบายเลย ไม่มีทางขาดทุนอย่างแน่นอน ราคานี้หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วอยากได้ของชิ้นไหนหยิบไปได้เลยครับ สองร้อยหยวนเท่านั้น!”

 

แสงแดดที่อยู่กลางหัวเริ่มค่อยๆตกลงเรื่อยๆในขณะที่กลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มจะทยอยเดินออกไป ตลอดทั้งเช้าพวกเขาสามารถขายมันออกไปได้แค่หนึ่งชิ้นเท่านั้น แถมชิ้นนั้นเป็นของที่เขาซื้อมาสามสิบหยวนด้วย ตอนที่หลางหยางซื้อกลับมาพ่อหยางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเขารู้ดีว่าหยกปลอมแบบนี้ชิ้นนึงอยู่ที่ราคาไม่กี่หยวนเท่านั้น

“เก็บแผงลอยนี่ให้หมด”

ทันใดนั้นขณะที่พ่อหยางและหยางหลางกำลังนั่งด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่นั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับคนที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบเดินเข้ามาก่อนที่จะกวาดหยกที่พวกเขาวางเอาไว้บนผ้าไปจนหมด

 

พ่อและหยางหลางพากันตกตะลึงไปในทันที

หัวหน้าเทศกิจหันมามองพวกเขา “พวกคุณมาทำการค้าขายแบบนี้มันขัดขางการจราจรทางเท้าอย่างมาก ตอนนี้เราจะต้องยึดทุกอย่างไปทั้งหมด โปรดเซ็นชื่อรับทราบด้วย”

พ่อหยางยิ่งตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้งเพราะนี่เป็นสมบัติสุดท้ายที่บ้านพวกเขามีเหลืออยู่ ถ้าหากถูกยึดไปจนหมดพวกเขาจะเอาอะไรกิน?!

“พวกคุณจะยึดของพวกนี้ไปไม่ได้นะ” พ่อหยางรีบพุ่งตัวไปด้านหน้า “เอาหยกคืนมาให้ฉัน เออๆๆ ฉันไปจากที่นี่ก็ได้”

“คืนไม่ได้!” เทศกิจปฏิเสธ

 

พ่อหันไปมองกระเป๋าพร้อมกับเตรียมที่จะแย่งกลับมาแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ล็อคตัวเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้พ่อหยางก็รีบล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับตะโกน “ช่วยด้วยมีคนถูกทำร้าย เทศกิจทำร้ายประชาชน โอ้ย!”

หยางหลางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง แต่ทันทีที่เห็นพ่อของเขาลงไปนอนที่พื้นเขาก็รีบวิ่งไปประคองพ่อของเขาขึ้นมาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “เทศกิจทำร้ายประชาชน ช่วยด้วย! เทศกิจทำร้ายประชาชน!”

แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เทศกิจจะยึดของกลางไปแล้วยังเขียนใบสั่งพร้อมกับโยนลงที่พื้นก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจสองพ่อลูก

 

“มีคนถูกตีสาหัส เทศกิจทำร้ายประชาชนจนบาดเจ็บสาหัส!” หยางหลางรีบตะโกน

ในเวลานั้นเทศกิจก็หันกลับมามองสองพ่อลูก แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นที่คนเหล่านั้นหันมาก่อนที่จะเดินหันหลังไปโดยไม่ใส่ใจ

พ่อหยางเริ่มร้อนใจขึ้นมา เขารีบลุกขึ้นก่อนที่จะวิ่งตามไป ทันทีที่มาถึงหน้ารถของเจ้าหน้าที่เขาก็รีบจับขาของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ…พวกคุณเอาของของพวกผมไปแบบนี้ไม่ได้ พวกเราต้องพึ่งพาของพวกนี้เพื่อประทังชีวิต นี่เป็นของชิ้นสุดท้ายที่เรามีเหลืออยู่ ถ้าพวกคุณเอามันไปแบบนี้แล้วพวกผมจะมีชีวิตอยู่กันได้ยังไง”

 

เจ้าหน้าที่เทศกิจ “มีปัญหาก็ต้องแก้ไขปัญหา! แล้วพวกคุณนี่ยังไงกัน? ทำไมถึงไปวางแผงลอยหน้าร้านคนอื่น มันกระทบกับกิจการของเจ้าของร้านมากนะรู้ไหม คนที่โทรมาแจ้งบอกว่าคุณไปใส่ร้ายชื่อเสียงของเจ้าของร้านด้วย ถ้าพวกคุณตามไปที่สถานีตำรวจเราค่อยทำเรื่องประนีประนอมกัน”

พ่อหยางชักงักทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด ทันทีที่เขาเข้าใจความหมายนั้นก็พูดด่าขึ้นมา “ไอ้เด็กเวร! ไอ้เด็กเณรคุณ! ไอ้หยางโปไอ้เด็กชั่ว! ฉันเป็นพ่อของเขานะ ทำไมเขาถึงได้มาแจ้งจับฉันแบบนี้!”

“จะลุกขึ้นได้รึยัง?” คนๆนั้นถามด้วยความร้อนใจ

 

พ่อของหยางหลางเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพบว่ามีคนมายืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าจนแน่นไปหมด เขาจึงตะโกนขึ้นมาอีกครั้งว่า “ผมป่วยเป็นโรคหัวใจ ตอนนี้ผมยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลย แต่เป็นเพราะที่บ้านของผมไม่มีเงินรักษาต่อก็เลยต้องมานั่งเปิดแผงลอยเพื่อหาเงินไปรักษา พวกคุณจะเอาของๆเราไปแบบนี้ไม่ได้นะ ฮือ!”

ระหว่างที่พูดพ่อหยางก็น้ำตาไหลลงมาเต็มหน้า ในขณะที่หยางหลางที่อยู่ด้านหลังก็มาพยุงพ่อของเขาพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความเวทนา

“แล้วทำไมลูกชายของนายไม่ไปทำงานล่ะ? โตขนาดนี้แล้วถ้าไปทำงานก็คงจะได้เงินมาไม่น้อยแล้ว” จู่ๆก็มีคนพูดขึ้น

พ่อหยางชะงักไปก่อนที่จะตบหัวลูกของเขา “เขาปัญญาอ่อนน่ะ ฮือออ”

 

หยางหลางชะงักไปก่อนที่จะแกล้งทำเป็นเด็กเอ๋อด้วยท่าทางติงต๊องขึ้นมาในทันที

“นี่ๆ ตอนที่เขาเก็บเงินยังดีๆอยู่เลยหนิ ทำไมตอนนี้ถึงปัญญาอ่อนขึ้นมาได้ล่ะ?” ชายที่ซื้อหยกไปถามขึ้น

พ่อของเขาอึ้งไปก่อนที่จะรีบตอบ “ก็เวลาเห็นเงินเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติของเขา”

“ที่แท้ก็ถูกเงินครอบงำ ทุกคนอย่าไปฟังคำโกหกของคนพวกนี้ ฉันเคยเห็นคนนี้ที่โรงพยาบาล แถมยังอยู่ในห้องพิเศษด้วย มีแต่คนป่วยที่มีเงินเท่านั้นแหละที่จะอยู่ที่นั่นได้”

เสียงของใครอีกคนดังขึ้นมาอีกแล้ว

ทันใดนั้นสายตาและความสงสารของทุกคนก็เปลี่ยนไป พร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังขึ้น

 

“ตาแก่นี่เป็นคนรวยแถมยังพักอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ คนที่มีปัญญาออกมาวางแผงลอยได้แบบนี้ เป็นโรคจริงๆเหรอ?”

“เป็นโรคสิ ไม่น่าจะเบาๆด้วยแหละ”

เสียงผู้คนที่อยู่แถวนั้นเริ่มดังขึ้น แถมยังมีแต่คนยืนชี้นิ้วด่าพ่อหยางอย่างไม่หยุด ตอนที่เขาบอกว่าหยางหลางปัญญาอ่อนทุกคนก็ดูออกกันหมดว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งนั้น

ยังไม่ทันที่พ่อหยางจะได้ตั้งตัวพวกเขาทั้งสองคนก็ถูกล็อคตัวเอาไว้ก่อนที่ของของพวกเขาจะถูกย้ายไปไว้บนรถ

พ่อหยางเริ่มเกิดอาการกระวนกระวายใจขึ้น “เอาของคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ! เทศกิจทำร้ายประชาชนนนนน!”

 

ทุกคนที่ยืนอยู่แถวนั้นไม่ได้รู้สึกสงสารอีกต่อไป หลังจากที่เห็นพ่อหยางกำลังพูดเรื่องโกหกทุกคนก็เพิกเฉยและแยกย้ายกันออกไปคนละทิศคนละทางราวกับพวกเขาเป็นเพียงแค่อากาศ

พ่อหยางและหยางหลางนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าประตูร้านของหยางโปพร้อมกับถอนหายใจออกมาราวกับหมดหนทาง

“พ่อ พวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?” หยางหลางถาม

พ่อหยางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมาเปลี่ยนประเด็น “เสี่ยวหลาง…ทำไมแกถึงไม่ทำงาน?”

หยางหลางชะงักไป “พ่อพูดอะไรเนี่ย? นี่พ่อเต็มใจให้ผมออกไปทำงานเหรอ?”

 

“เต็มใจ!”

หยางหลางอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ “พ่อ พวกเรายังไม่ได้ลำบากถึงขั้นนั้นไหม?”

“ถึงจะยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็เกือบจะถึงแล้ว!” พ่อหยางพูด

“แต่ผมไม่มีแรงที่จะทำงานอะไรเลยนะพ่อ? ยังไงก็ทำเงินได้ไม่มากหรอก”

“แล้วตอนที่แกกินข้าว แกไปเอาแรงมาจากไหน?”

หยางหลางได้ยินแบบนั้นก็หมดคำพูดที่จะโต้เถียงในทันที

แผนการทำธุรกิจของพ่อหยางได้มาถึงจุดที่สาหัสในที่สุด ของของเขาถูกยึดไปหมดแล้วแถมยังต้องไปเสียค่าปรับอีก ตอนนี้พวกเขาไม่มีเงินแม้แต่จะไปเสียค่าปรับเสียด้วยซ้ำ พ่อหยางหลางจึงตัดสินใจที่จะล้มเลิก

 

ในที่สุดพ่อหยางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่จะกดโทรศัพท์ไปหาหยางโป

“ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางที่ท่านเรียก….”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กดโทรอีกครั้ง “ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายที่ท่านเรียก….”

พ่อหยางโกรธจนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโยนมันลงพื้นด้วยความโมโห

แต่จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองโทรศัพท์ก่อนที่จะหันไปหาหยางหลาง “เอาโทรศัพท์ไปขายแล้วกัน จะได้มีข้าวเย็นกิน”