เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1167 เนินมังกรผลาด

แปลโดย iPAT

 

ภาคเหนือ เนินมังกรผงาด

 

ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากนิกายชูกล่าวต่อ “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับข้อมูลของผู้อมตะเผ่าไป่ซู พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาตลอดและแทบไม่เคยปรากฏตัวที่ภาคเหนือ หือ?”

 

เขายังกล่าวไม่จบแต่ฟางหยวนบินออกไปแล้ว

 

“รีบกลับมา!”

 

“เรายังไม่ได้วางแผน!”
“อย่ารีบร้อน!”

 

“เราอาจมีคนมากกว่าแต่พวกเขามีความได้เปรียบด้านสถานที่ เนินมังกรผงาดมีการป้องกันที่หนาแน่น”

 

ผู้อมตะนิกายชูเร่งถ่ายทอดเสียงไปหาฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง

 

ฟางหยวนไม่ตอบแต่ตะโกนเสียงดัง “เผ่าไป่ซูออกมา นิกายชูของข้ากำลังจะยึดครองเนินมังกรผงาด!”

 

“นิกายชูอันใด? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน! เจ้ากล้าบุกรุกอาณาเขตของเผ่าไป่ซูงั้นหรือ?” ผู้อมตะวัยเยาว์ปรากฏตัวขึ้นบนเนินมังกรผงาดและแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

“พวกเราจบสิ้นแล้ว!” ผู้อมตะนิกายชูแสดงออกราวกับพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว “เหตุใดท่านอาจารย์ถึงเชิญคนเช่นนี้มา เขาใจร้อนเกินไป!”

 

“ก่อนหน้าสถานการณ์ยังดีอยู่…เห้อ…” ผู้อมตะนิกายชูส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง

 

ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโจมตีโดยตรง

 

ผู้อมตะนิกายชูเร่งติดตามฟางหยวนไป

 

“บึม!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่กำปั้นยักษ์พุ่งออกมาบดขยี้เนินเขาด้วยพลังทำลายล้างที่ไม่น่าเชื่อ

 

ผู้อมตะนิกายชูและผู้อมตะเผ่าไป่ซูต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตอบสนองเป็นคนแรกด้วยการกรีดร้องเสียงหลง “พลังการต่อสู้ระดับเจ็ด! เจ้า! เจ้า! เจ้าเป็นผู้อาวุโสแต่แสร้งทำตัวออกแอ ช่างไร้ยางอายนัก!”

 

หลังกล่าวจบคำเขารีบกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญาณปกป้องเนินมังกรผงาด

 

ฟางหยวนใช้กำปั้นยักษ์ทุกค่ายกลวิญาณอย่างต่อเนื่อง

 

“บึม บึม บึม บึม!”

 

ค่ายกลวิญญาณพังทลายลงโดยไม่สามารถต่อต้าน

 

มันไม่สามารถคงอยู่ได้ถึงห้าลมหายใจก่อนจะถูกบดขยี้โดยฟางหยวน

 

ใบหน้าของผู้อมตะเผ่าไป่ซูกลายเป็นซีดเผือด เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาไม่สามารถต่อต้านฟางหยวน เขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากกล่าวสิ่งใดอีกและรีบจากไปทันที

 

ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่า เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือเนินมังกรผงาด

 

แม้เนินมังกรผงาดจะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แต่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถใช้มันต่อหน้าคนนอก ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้วิญญาณอมตะอีกดวง

 

วิญญาณอมตะยกภูเขา!

 

“ครืน…”

 

ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้อมตะนิกายชู ฟางหยวนยกเนินมังกรผงาดขึ้นจากพื้นและยัดมันเข้าไปในมิติช่องว่างของตนอย่างรวดเร็ว

 

“เขา…เขา…เขานำเนินมังกรผงาดไปจริงๆ!” ผู้อมตะนิกายชูกลายเป็นพูดตะกุกตะกัก

 

เมื่อถึงจุดนี้ในที่สุดเขาก็เขาใจว่าคำกล่าวก่อนหน้าของฟางหยวนไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อยกขวัญกำลังใจ

 

“ผู้น้อยคารวะผู้อาวุโส” ผู้อมตะนิกายชูลดศีรษะลงคารวะฟางหยวนอีกครั้ง

 

เขารู้สึกประหม่ามาก

 

ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมาแต่ผู้อมตะนิกายชูรู้สึกว่าฟางหยวนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่แสร้งทำตัวอ่อนแอ

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและมองไปทางถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

 

เขาไม่ได้ทำสิ่งใดอีก

 

การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากพอแล้ว เผ่าไป่ซูจะต้องออกมาแก้แค้นอย่างแน่นอน

 

การถอยถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตอนนี้

 

นอกจากนั้นเขาก็ได้รับเนินมังกรผงาดมาแล้ว

 

สำหรับผู้อมตะเผ่าไป่ซู แม้พวกเขาจะมีไม่กี่คน พวกเขาก็ไม่สามารถถูกสังหาร หากฟางหยวนสังหารผู้อมตะเผ่าไป่ซู เขาจะทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูโกรธจริงๆ

 

นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด

 

ในไม้ช้าข่าวนี้ก็ไปถึงหูของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

 

“โอ้ ดูเหมือนชูตู๋จะมีกำลังพลไม่น้อย” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตกใจ

 

“ผู้อมตะทั้งแปดล้วนบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ชูตู๋ เจ้ามีแผนการและแรงจูงใจที่ไม่ธรรมดาจริงๆ” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก

 

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้ต้องยอมรับว่าเขาประเมินชูตู๋ต่ำเกินไป

 

เขาไม่เพียงประเมินชูตู๋ต่ำแต่ยังประเมินกองกำลังของชูตู๋ต่ำเกินไปอีกด้วย

 

เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป โลกผู้อมตะของภาคเหนือที่พึ่งสงบลงตกลงสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง

 

เผ่าไป่ซูถูกโจมตีโดยกองกำลังที่ไม่รู้จัก พวกเขาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะเนินมังกรผงาดที่กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่

 

เผ่าไป่ซูเป็นเหมือนราชสีห์ที่กำลังโกรธและพร้อมขย้ำเหยื่อ

 

แต่ผู้อมตะนิกายชูมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พบความสูญเสีย

 

ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนอ่านรายงานการต่อสู้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

‘นี่หมายความว่าอันตรายองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังไม่ได้รับการแก้ไข’

 

‘นิกายชูโจมตีเต็มกำลังแและทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ แต่เผ่าไป่ซูยังไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เนินมังกรผงาดไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดขณะที่ผู้อมตะนิกายชูมีความแข็งแกร่งไม่มากและสามารถสร้างความเสียหายให้กับแหล่งทรัพยากรของเผ่าไป่ซูได้เพียงเล็กน้อย’

 

‘โดยรวมแล้วมันส่งผลกระทบไม่มาก ไม่แปลกใจเลยที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟานโดยไม่ย้อนกลับ’

 

วิธีนี้ทำให้สถานการณ์กลายเป็นไร้ทางออกอีกครั้ง

 

การต่อสู้เพื่อยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกแบ่งออกเป็นสองสนามรบ

 

หนึ่งคือชูตู๋ป้องกันถ้ำสวรรค์ไห่ฟานขณะที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยายามบุกเข้าไป

 

อีกหนึ่งคือนิกายชูโจมตีแหล่งทรัพยากรของเผ่าไป่ซูขณะที่เผ่าไป่ซูพยายามปกป้อง

 

‘สรุปแล้วฝ่ายของชูตู๋ยังอ่อนแอกว่า’ ฟางหยวนถอนหายใจ

 

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แข็งแกร่งมาก แต่การบุกถ้ำสวรรค์ของผู้อมตะระดับแปดเป็นเรื่องยาก เขาต้องเผชิญหน้ากับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากที่แตกต่างออกไป หากพยายามบุกเข้าไป ถ้ำสวรรค์อาจระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

ด้านเผ่าไป่ซู แม้พวกเขาจะถูกสร้างขึ้นไม่นานมานี้ แต่พื้นฐานของพวกเขาไม่อ่อนแอ โดยรวมแล้วสมาชิกของเผ่าไป่ซูยังแข็งแกร่งกว่าสมาชิกนิกายชู

 

ข้อได้เปรียบของนิกายชูคือพวกเขาลอบโจมตีอย่างลับๆเพื่อขับไล่เผ่าไป่ซูก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

 

หากอีกฝ่ายระวังตัวมากขึ้น มันจะกลายเป็นเรื่องยาก

 

‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จในการยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแต่ชูตู๋ยังมีไพ่อยู่ในมือ’

 

ฟางหยวนตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไป

 

ไม่กี่วันต่อมาผู้อมตะนิกายชูต้องการบุกโจมตีฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งและส่งข้อความมาเชิญฟางหยวน

 

แต่ฟางหยวนปฏิเสธและบอกพวกเขาว่าอย่าใจร้อน

 

ผู้อมตะนิกายชูไม่ฟังฟางหยวน ในไม่ช้าชูตู๋จึงต้องส่งจดหมายมาหาฟางหยวนเพื่อขอให้เขาหยุดผู้อมตะนิกายชู

 

แม้ชูตู๋จะติดอยู่ในการต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด เขาก็ยังมีสติและสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวนี้เป็นกลยุทธ์ที่ดี เขาต้องรักษารากฐานของนิกายชูเอาไว้

 

สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

 

‘ต่อไปมันขึ้นกับว่าชูตู๋จะตอบโต้อย่างไร?’

 

ฟางหยวนไม่เชื่อว่าจักรพรรดิอมตะที่ยิ่งใหญ่จะหยุดอยู่เพียงเท่านี้

 

ตอนนี้เขาสามารถลืมเรื่องนี้ไปก่อน ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าผ่านไปแล้ว  เขาต้องพัฒนามิติช่องว่างของตน

 

ฟางหยวนวางเนินมังกรผงาดไว้ที่ภาคใต้น้อย

 

แม้เนินมังกรผงาดจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่ในแง่ของคุณค่า มันกระทั่งเหนือกว่าภูเขามรดกอมตะและเป็นรองเพียงภูเขาแสงห้าสีเท่านั้น

 

ทะเลทรายตะวันตกน้อยมีหนองน้ำสีดำที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดถูกทิ้งไว้ ฟางหยวนใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองกำจัดเจตจำนงสวรรค์ออกไป

 

นอกจากนี้ทะเลตะวันออกน้อยยังมีทะเลสาบเลือดแห่งใหม่เพิ่มขึ้น

 

ทะเลสาบเลือดแห่งนี้มีเลือดของสัตว์อสูรเดียวดายและผู้อมตะผสมอยู่ ฟางหยวนวางวิญญาณอมตะสมบัติเลือดไว้ที่นี่

 

วิญญาณอมตะดวงนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้มันยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

 

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของมัน

 

‘ท่ามกลางร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้า สิ่งที่เหมาะกับข้ามากที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด แต่ข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเพียงดวงเดียวคือวิญญาณอมตะสมบัติเลือด หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต…’

 

ฟางหยวนรู้สึกต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นครั้งคราว

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมขาว ทวีปผมเหลือง และทวีปผมดำติดอยู่ในสงครามมานานหลายปีแล้ว

 

“อดทนไว้ กำลังเสริมกำลังมา!” หัวหน้าผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำพยายามปลุกขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา

 

ในสนามรบเหลือกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมดำเพียงเล็กน้อย พวกเขาถูกล้อมกรอบเอาไว้โดยกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองที่เป็นพันธมิตรกัน

 

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่พวกเขามีกำลังพลที่จำกัดและยังลดน้อยลงเรื่อยๆ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงคางคกดังขึ้นในสนามรบราวกับเสียงฟ้าผ่า

 

กระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลบ่าเข้ามาในสนามรบและกวาดกองกำลังเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองออกไป

 

ในครั้งเดียวกองกำลังพันธมิตรพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

 

“ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเผ่าผมดำ โอ้ ไม่! มันคือวิญญาณคางคกของฟางเจิ้ง!” กองกำลังพันธมิตรผมขาวและผมเหลืองตกลงสู่ความโกลาหล

 

“พวกเรารอดแล้ว เขาคือฟางเจิ้ง…” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำเกิดความรู้สึกซับซ้อน

 

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ฟางเจิ้งยืนอยู่บนแผ่นหลังของคางคกกลืนกินแม่น้ำและเข้าสู่สนามรบด้วยกระแสน้ำไหลเชี่ยว

 

หลังจากนั้นเขาก็อาละวาดไปทั่วสนามรบ กองกำลังพันธมิตรผมขาวและผมเหลืองรู้สึกราวกับวันโลกาวินาศ