บทที่ 82 วิกฤตตระกูลฉิน

หม่าหลันตื่นเต้นจนแทบแย่!

ของขวัญที่เอามาให้พวกนี้คือเงินทั้งนั้น!

วัตถุโบราณมูลค่าเท่าไรเธอไม่รู้ แต่เหล้าหมาวถายระดับคอลเลคชั่นกล่องนั้นหนึ่งขวดมูลค่าสามสี่แสน กล่องนี้มีอยู่ถึงยี่สิบขวดก็เท่ากับหลายแสน!

ยังมีบุหรี่หวงเห้อโหลวระดับคอลเลคชั่นนั่นอีก หนึ่งมวนราคาห้าพันหยวน หนึ่งกล่องมีห้าสิบมวน สองแสนกว่าหยวน ของสองอย่างนี้รวมกันก็มีมูลค่านับล้านแล้ว!

ให้แล้วก็อย่าเสียของ!

อีกอย่าง ถือบัตรรอยัลวีไอพีสองใบนี้ เธอยังมีหน้ามีตาไปอวดต่อหน้าเหล่าเพื่อนสนิทได้ด้วย!

เซียวชูหรันเห็นท่าทีหลงใหลในความมั่งคั่งของหม่าหลัน ก็พูดอย่างจนปัญญาว่า “แม่คะ…..”

หม่าหลันถลึงตาใส่เธอ “ทำไม? คนให้ของขวัญมาฉันจะรับไว้ไม่ได้เหรอ?”

เซียวชูหรันพูดว่า “ความหมายของหนูคือไม่ควรรับนะคะ ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไรกันแน่ จะรับของขวัญชิ้นใหญ่แบบนี้มาได้ยังไงกัน”

ในตอนนั้นเอง เย่เฉินก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ของขวัญขอโทษพวกนี้ ควรรับไว้”

ชายวัยกลางคนถอนหายใจอย่างโล่งอก

ก่อนจะมา เจ้าสำนักได้กำชับเอาไว้ด้วยตนเองว่าถ้าหากคุณชายเย่ไม่รับของพวกนี้ งั้นเขาก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว

เมื่อเย่เฉินหันมองกลับไป ก็เห็นหม่าหลันขนย้ายเหล้าและบุหรี่เข้าห้องอย่างเบิกบานใจ ก่อนจะทั้งดูทั้งลูบคลำแจกันโบราณนั่นอยู่ใต้โคมไฟ เขาทำได้แค่ส่ายหน้าในใจแล้วพูดกับชายวัยกลางคนว่า “พวกคุณกลับไปก่อนเถอะครับ”

“ก็ได้ครับ กระผมขอไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณชายเย่แล้ว”

เย่เฉินปิดประตูแล้วหันหลังกลับ ก่อนจะต้องพูดอย่างอึ้งๆว่า “พวกคุณมองผมทำไมกันครับ”

เขาเห็นคนสามคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับดวงตาหกดวงที่กำลังจ้องเขม็งมาที่เขา

แม่บุญธรรมหม่าหลันไอแห้งๆก่อนแสดงใบหน้าปะรอยยิ้ม แล้วถามขึ้นว่า “เย่เฉิน นายไปผูกมิตรกับสำนักเจินเป่าเก๋อตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมพวกเขาต้องวิ่งเอาของขวัญขอโทษมาให้ถึงบ้านเราด้วยล่ะ?”

เย่เฉินส่ายหน้า “แม่เข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้มีมิตรภาพกับพวกเขาหรอกครับ เหตุผลที่พวกเขามอบของขวัญขอโทษเป็นการชดเชยน่ะ หลักๆคือการให้บริการที่ดีของสำนักเจินเป่าเก๋อ พนักงานของพวกเขาทำผิดพลาด เถ้าแก่เองก็เป็นคนที่ผู้คนสรรเสริญมาก เพราะงั้นถึงได้ชดใช้มามากขนาดนี้….”

หม่าหลันโกรธขึ้นมาอีกในพริบตา เธอตึงหน้าพร้อมพูดว่า “ฉันก็นึกว่าแกจะมีอนาคต ประจบสอพลอคนใหญ่คนโตได้สำเร็จ ไม่คิดเลยว่าที่แท้เป็นพวกเขาบริการดีอยู่แล้ว….”

เซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆมีความสงสัยเล็กน้อย ทางนั้นส่งของขวัญราคาแพงหรูหราขนาดนี้มาแค่เพราะมีบริการที่ดีกับต้องการชดเชยให้เย่เฉินจริงๆเหรอ?

แต่ว่า การได้รับของขวัญกองใหญ่นี่มา ก็ทำให้อารมณ์ของหม่าหลันดีขึ้นมาไม่น้อย ในที่สุดก็เลิกเล็งเป้าเล่นงานเย่เฉิน แล้วคิดวิธีการเอาเหล้าบุหรี่ไปขายด้วยความเบิกบาน

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่เฉินที่กำลังเก็บจานและตะเกียบอยู่ในครัว จู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

สายนั้นที่โทรมา เป็นคนที่เขาเคยเจอมาแล้วสองครั้ง อีกทั้งยังเคยช่วยเหลือฉินกางไว้

กำไลข้อมือหยกจักรพรรดินั่นก็เป็นของขวัญจากฉินกาง

ในสายโทรศัพท์ ฉินกางพูดอย่างนอบน้อมว่า “ปรมาจารย์เย่!”

เย่เฉินเอ่ยเรียบๆว่า “มีธุระเหรอครับ?”

ฉินกางรีบพูดทันทีว่า “ครั้งก่อนต้องขอบคุณท่านเย่ที่ชี้แนะ สองสามวันนี้ตระกูลฉินดีขึ้นมาก ยังต้องขอบคุณคุณชายเย่จริงๆที่แนะนำทางออกให้ ไม่อย่างนั้นหายนะก็คงจะมาถึงตระกูลฉินของเราแน่”

เย่เฉินพูดเรียบๆว่า “ผมว่าคงไม่ดีขนาดนั้นมั้งครับ? ถ้าดีมากขนาดนั้นจริงๆ เวลานี้คุณจะยังโทรมาหาผมเหรอครับ?”

ฉินกางสำลักแล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คุณชายเย่นี่เป็นราวกับเทพพยากรณ์จริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ปิดบังสายตาของท่านไม่ได้เลยนะครับ”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น

เป็นไปตามคาด ฉินกางเริ่มพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “คุณชายเย่ครับ ขอให้ท่านได้โปรดช่วยตระกูลฉินของเราอีกสักครั้งเถอะนะครับ เป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ ตระกูลฉินของเราจะสลักเอาไว้ในใจ”

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ร่างกายสั่นราวกับกำลังตกอยู่ในความกลัวอย่างมาก

เย่เฉินขมวดคิ้วพร้อมพูดอย่างเรียบๆว่า “หยกแตกแล้วเหรอครับ?”

“คุณชายเย่สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ ถูกท่านเดาถูกอีกแล้วนะครับ”

น้ำเสียงของฉินกางเต็มไปด้วยความศรัทธา เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ตอนแรกผมทำตามที่ท่านสั่งกำชับเอาไว้ครับ โดยการนำหยกนั่นมาเซ่นไหว้ แล้วสั่งให้คนในบ้านทานอาหารเจเป็นเวลาเจ็ด ห้ามเจอเลือดและแสง”

“คิดไม่ถึงเลยว่าฉินเอ้าตงหลานชายตัวแสบของผมจะไปแอบกินซุปนกพิราบตุ๋น แถมยังไม่ระวังทำเลือดนกพิราบหยดลงบนฝ้าหยก แล้วฝ้าหยกนั่นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที ผมตีเขาหนักๆไปหนึ่งทีแล้วจับเขาขังไว้ในบ้าน แต่ว่าเรื่องแปลกประหลาดก็ยังเกิดขึ้นไม่หยุด!”

เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เกิดเรื่องแปลกอะไรขึ้นเหรอครับ?”

ฉินกางพูดอย่างหวาดกลัว “เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดพายุฝนกระหน่ำ สายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงที่ในสวนตระกูลฉิน แผดเผาต้นหอมหมื่นลี้อายุกว่าร้อยปีจนดำไหม้”

“ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ ป้ายบรรพบุรุษตระกูลฉินที่ตั้งเซ่นไหว้อยู่ศาลบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลกลับตกลงมาที่พื้นอย่างไร้สาเหตุ หักออกเป็นสองท่อนเลยครับ นี่มันเป็นลางร้ายครั้งใหญ่เลยนะครับ”

เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น จากมุมมองของฮวงจุ้ยแล้ว การปลูกต้นหอมหมื่นลี้ไว้กลางสวนในบ้านนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและโชคดี

แต่การที่ต้นหอมหมื่นลี้ถูกฟ้าผ่าโค่นแบบนี้ ก็ทำนายได้ว่าตระกูลเจียจะล้มละลาย

ส่วนป้ายบรรพบุรุษตกลงมาหักนั้น เป็นลางว่าตระกูลฉินจะมีคนตาย

คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าชี่พิฆาตของฝ้าหยกนี่จะรุนแรงมากขนาดนี้ รุนแรงเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เสียอีก คาดไม่ถึงว่าอาศัยแค่เลือดนกพิราบจะทำให้ชี่พิฆาตของมันพุ่งทะยานได้

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเย่เฉิน ฉินกางก็รู้สึกกังวลใจ เขาเอ่ยอย่างวิงวอนว่า “แม้ตระกูลฉินของผมจะทำธุรกิจแต่ก็มีน้ำใจต่อผู้อื่นเสมอ ทั้งยังไม่เคยทำเรื่องร้าย ขอให้ปรมาจารย์เย่สงสาร ช่วยเหลือตระกูลฉินของผมด้วยนะครับ”

เย่เฉินเอ่ยขึ้นว่า “ฉินกาง ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยคุณนะครับ แต่เพราะชี่พิฆาตของฝ้าหยกนั่นแรงกล้ามาก ถูกฉินเอ้าตงพกติดตัวอยู่ก็หลายปี ชี่พิฆาตนั่นครอบงำบ้านตระกูลฉินเอาไว้นานแล้ว อาศัยใช้แค่อักษรรูนธรรมดาจัดการกับมันไม่ได้อยู่ครับ”

“ง…งั้นต้องทำยังไงดีครับ? ตระกูลฉินของเราเกิดเรื่องหายนะแบบนี้ ช่างโชคร้ายจริงๆ!”

ฉินกางสูดหายใจยาวแล้วถอนหายใจ น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ

เย่เฉินครุ่นคิด “ชี่พิฆาตเมื่อเจอกับเลือดก็จะดุดันขึ้น อีกทั้งยังเป็นเลือดนกพิราบที่มีคุณสมบัติร้อน ถ้าตอนนี้ต้องการควบคุมชี่พิฆาตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ล่ะก็ เกรงว่ามีแค่ต้องขอยืมพลังจากสมบัติที่มีจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินเท่านั้นครับ”

“ได้ครับ ไม่ว่าปรมาจารย์เย่อยากได้ของอะไร ต่อให้ผมสิ้นเนื้อประดาตัวก็จะหามาให้ได้ครับ”

เย่เฉินพูดอย่างนิ่งเรียบว่า “อย่างนี้แล้วกันครับ พรุ่งนี้ผมจะไปร่วมงานประมูลของสำนักเจินเป่าเก๋อพอดี ผมจะไปดูที่งานประมูลว่ามีสมบัติที่มีจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินอยู่บ้างหรือไม่ แต่จะประมูลมาได้ไหมนั้น ก็ต้องดูโชคชะตาของคุณนะครับ”

“ครับ งั้นผมต้องรบกวนปรมาจารย์เย่ด้วยนะครับ” ฉินกางดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าโอกาสนั้นจะน้อยนิดก็ตาม เขาพูดขอบคุณเย่เฉินไม่หยุด

พูดจบ เขาก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “คุณชายเย่ครับ พรุ่งนี้ผมจะส่งแบล็กการ์ดไปให้ท่าน ถ้าหากท่านต้องการใช้เงิน ท่านแค่รูดบัตรก็พอครับ!”

เย่เฉินส่งเสียงอืมออกไป ยังไงซะก็เป็นการช่วยตระกูลฉิน จะให้ตัวเขาเองเป็นคนจ่ายเงินตลอดก็คงไม่ได้

ทันใดนั้น เย่เฉินก็พูดว่า “ถ้าให้ดีคุณก็เผื่อใจเอาไว้ด้วยนะครับ สมบัติที่มีจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มา พบเจอได้แต่ร้องขอไม่ได้ เกี่ยวกับว่าในงานประมูลจะมีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคของตระกูลฉินของคุณนะครับ”

ฉินกางยังคงแสดงจุดยืนของเขา “ครับ ผมเองก็จะไปสอบถามเพิ่มเติมเป็นการส่วนตัว แต่ว่าคงยังต้องรบกวนปรมาจารย์เย่ด้วยครับ”

หลังจากเกิดเรื่อง เขายังได้หาปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน แต่คนพวกนั้นมาดูได้แค่หน้าประตูบ้านตระกูลฉินก็รีบโบกมือลากันไปทันที แม้แต่ประตูก็ไม่กล้าเข้า รีบจากออกไปราวกับกำลังหนี

จนถึงตอนนี้ความหวังเดียวในการช่วยชีวิตของฉินกางก็อยู่ที่เย่เฉินแล้ว

เย่เฉินถอนหายใจในใจ

อนุมานตามหลักโหราศาสตร์แล้ว ชีวิตนี้ของฉินกางน่าจะไม่เคยทำเรื่องผิดร้ายอะไร ควรจะอยู่อย่างสงบสุขไปจนแก่เถ้า

คิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้ง ให้ที่บ้านดันมีตัวซวยอย่างฉินเอ้าตงทำให้ครอบครัวอยู่ไม่สงบสุข ถ้าหากตัวเขาไม่ช่วยล่ะก็ ภายในหนึ่งปีนี้ ตระกูลเจียของจะต้องล้มและมีคนตายแน่นอน

ไม่เพียงแค่เขากับฉินเอ้าตงเท่านั้น ยังมีฉินเอ้าเสวี่ยนสาวงามจอมร้ายกาจคนนั้นเองก็เกรงว่าจะต้องล้มหายตายจากไปเหมือนกัน!