โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.326 – เหตุฉุกเฉิน

 

พอฉินเฟิงออกจากตึกรับรองผู้ใช้พลัง ไป๋หลีก็เอ่ยถาม “เมื่อกี้มีอะไรรึเปล่า? ทำไมพนักงานถึงได้มีท่าทีหวาดกลัวแบบนั้น”

 

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน “เพราะเขากำลังรู้สึกผิดไง”

 

“ทำไมล่ะ? พวกเราไม่รู้จักเขาสักหน่อย”

 

“แต่เขารู้จักพวกเรา เรื่องเมื่อวานนี้ค่อนข้างเอิกเกริก ทั้งยังทำให้ใครบางคนรู้สึกขุ่นเคือง เลยเป็นธรรมดาที่คนพวกนั้นคิดจะเอาคืน สร้างปัญหาให้แก่ฉัน”

 

ฉินเฟิงชี้ลงบนอุปกรณ์สื่อสาร และกล่าว

 

“กิ้งก่าทรายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่สุดในทะเลทรายทะเลเหนือ พวกมันมีไม่เยอะมาก น่าจะแค่สัก300 – 400 ตัวเท่านั้น ทั้งยังอาศัยอยู่ใต้ดิน”

 

“และพิกัดที่แน่นอนยังยากต่อการค้นหา ฉันรู้จักแค่บางตำแหน่งเท่านั้น พวกมันอยู่ลึกเข้าไปในทะเลทราย ต่อให้พวกเราใช้ฮอลศึก ก็ยังกินเวลานานกว่า 20 นาที ซึ่งที่นั่นไม่ได้อยู่ในเขตคุ้มครองของปราการชาตง”

 

“นับประสาอะไรกับที่พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา อย่าว่าแต่ให้ฆ่า 100 ตัวเลย แค่ฆ่าไปหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นการยั่วยุทั้งเผ่าพันธุ์แล้ว ถ้าไม่กวาดล้างให้หมดในคราวเดียว คงโดนพวกมันไล่ล่าไปสุดขอบโลกแน่ๆ”

 

ฉินเฟิงตระหนักได้ ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นกับดักของใครบางคน!

 

ถึงจะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สำหรับฉินเฟิง นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

 

“มันก็แค่เผ่าพันธุ์หนึ่งไม่ใช่รึไง คุณเป็นถึงระดับจักรพรรดิ ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว!” ไป๋หลีกล่าวอย่างไม่แยแส “จักรพรรดิสมควรเป็นนายผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ฉันบอกได้เลย ว่าขอแค่คุณสั่งมา ฉันจะกวาดกรงเล็บลงไป ถล่มทั้งเมืองชาตงให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

 

“พรืด!” ฉินเฟิงหลุดขำ คว้าจับมือเล็กๆที่ขาวนวล ละเอียดละออราวกับไร้กระดูกของไป๋หลีและกล่าว “งั้นฉันขอจับมือที่ว่านั่นไว้แล้วกัน กลัวว่าถ้าปล่อยไป เธอจะทำลายเมืองนี้ลงจริงๆ”

 

ไป๋หลีเชิดคางขึ้น เอ่ยเสียงเย็นชา “งั้นพวกเขาก็อย่ามายุ่งกับฉัน อย่าคิดเล่นตุกติกสกปรกอะไรแบบนี้อีก! ถ้าฉันโกรธขึ้นมา แม่แต่ฉันยังหวาดกลัวตัวเอง!”

 

“เชื่อ! ฉันเชื่อว่าเธอสามารถทำได้”

 

แต่ในตอนนั้นเอง ระหว่างกำลังหวานเยิ้ม จู่ๆเสียงเตือนสนั่นก็พลันดังขึ้น

 

หวออออ หวอออ!

 

เป็นเสียงไซเรนฉุกเฉิน

 

สีหน้าของผู้คนบนท้องถนนพลันแปรเปลี่ยนไป

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขามิได้ถึงขั้นลนลาน ท่าทียังคงสงบ แค่เร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม

 

ในปราการชาตง สถานการณ์แบบนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

 

ไม่นาน แผนที่บนอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็อัพเดท ปรากฏว่าตำแหน่งหนึ่งใกล้กับปราการชาตง ทางฝั่งตะวันของเมือง มีจุดสีแดงกำลังกระพริบอยู่ ทั้งยังกระจุกกันเป็นกลุ่ม ดูเหมือนว่า พวกสัตว์ร้ายกำลังมุ่งหน้าบุกตรงเข้ามายังปราการ

 

【กระทิงเนินทรายกำลังตรงมายังปราการชาตง ในฝูง มีเลเวล E จำนวน 821 ตัว , เลเวล D จำนวน 161 ตัว และยังตรวจพบนายพลสัตว์ร้ายเลเวล D อีก 1 ตัว】

 

【ขอผู้ใช้พลัง เดินทางไปสนับสนุนโดยเร็วที่สุด!】

 

ฉินเฟิงปล่อยรถสายฟ้าสีเงินออกมา ขึ้นไปนั่งบนมัน และขับรถมุ่งหน้าออกจากเมือง

 

หึ่ง หึ่ง!

 

เหนือศีรษะของฉินเฟิง ปรากฏฮอลศึกลอยผ่านไป กระทั่งกระสุนก็ยังถูกยิงออกไปล่วงหน้า และเกิดการระเบิดขึ้นในระยะไกล

 

“ดูเหมือนว่า พวกเราจะต้องซื้อฮอลศึกกันจริงๆซะแล้ว ไม่อย่างนั้นกว่าจะไปถึงสนามรบ เนื้อหวานฉ่ำจากเหยื่อคงถูกรีดจนแห้งพอดี!”

 

แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ ฉินเฟิงทำได้แค่เพียงกระทืบคันเร่งมุ่งตรงไปเท่านั้น

 

สิบนาทีต่อมา

 

ฉินเฟิงเพิ่งถึงสนามรบ ปัจจุบันบนเนินทะเลทราย ฝูงกระทิงดุกำลังถูกยิงสกัดกั้น ไม่อาจเคลื่อนทะลวงเข้าสู่ปราการชาตงได้อีกต่อไป

 

“มือปืนเร่งมือหน่อย แยกฝูงพวกมันให้กระจายจำนวนออกไป ส่วนพวกผู้ใช้วรยุทธโบราณก็ฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้าชาร์จมันซะ!”

 

มือปืนระดมกราดกระสุน แยกพวกมันเป็นฝูงเล็กฝูงน้อย

 

กระทิงเนินทรายตัวใดที่ถูกยิงจนแตกฝูง หลุดมาอยู่ลำพัง ก็จะถูกผู้ใช้วรยุทธโบราณปรี่เข้าหาและกำจัดทันที

 

“อ๊าาา!”

 

ผู้ใช้วรยุทธโบราณคนหนึ่งกรีดร้องออกมา เขาถูกเหยียบย่ำโดยกระทิงดุเจ้าถิ่น เม็ดทรายโดยรอบถูกย้อมไปเป็นสีแดงฉาน

 

“เจ้าตัวนั้นเป็นเลเวล D!”

 

“รีบถอยออกมาเร็วเข้า!”

 

ชายในชุดเครื่องแบบเฉพาะคำรามดั่งสายฟ้าฟาด ร้องตะโกนเตือนออกไป

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเลเวล D ที่มาช่วยสนับสนุนในวันนี้ถึงมีน้อยกว่าปกติ”

 

“นายพลหู โวยวายไปก็เท่านั้น คุณไม่รู้หรอว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้นที่ตึกประมูล พวกเลเวล D หลายคนต่างได้รับบาดเจ็บ!”

 

“เป็นฝีมือใครกัน? พวกเราต้องรับมือกับสัตว์ร้ายทุกวัน แล้วตอนนี้จะต้องทำยังไง? หือ? นายบอกมาสิว่าจะให้ฉันทำยังไง!!”

 

แน่นอน คนอื่นๆไม่กล้าที่จะโต้เถียงกับนายพลหูผู้นี้ นั่นเพราะอีกฝ่ายเป็นนายพลแนวหน้าประจำปราการชาตง ความแข็งแกร่งแน่นอนอยู่ในเลเวล D ทั้งยังได้รับคำสั่งจากพันธมิตรมนุษยชาตโดยตรง ว่าให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของปราการแห่งนี้!

 

ผู้ใช้พลังเลเวล D อีกคนหนึ่งเอ่ยเหน็บแนม “ไม่ใช่ว่ามีผู้ใช้พลังเลเวล D คนใหม่เพิ่งมาจากเขตสามเฉิงหรอกหรือ เมื่อวานนี้ก็เป็นเขาที่ทำลายงานประมูล ทำร้ายผู้คนจนบาดเจ็บไปมากมาย แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมโผล่หัวออกมากัน? หรือว่าไม่ได้เก่งจริง”

 

นายพลหูโมโห “รีบไปลากตัวเขามา! แล้วโยนเขาไปกลางฝูงกระทิง แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อซะ!”

 

เอี๊ยดดดด!

 

รถสายฟ้าสีเงินมาจอดลงข้างๆยานบัญชาการ

 

“อะไรนะ พวกคุณกำลังมองหาผมอยู่อย่างงั้นหรอ?”

 

ประตูรถถูกเปิดออก วัยรุ่นคนหนึ่งก้าวออกมาจากข้างใน

 

–เป็นฉินเฟิง!

 

เมื่อครู่ นายพลหูเปล่งเสียงที่เปี่ยมไปด้วยกำลังภายใน ส่วนเลเวล D อีกคนหนึ่งก็ไม่ได้เก็บซ่อนเสียงเอาไว้เช่นกัน ดังนั้นฉินเฟิงที่เพิ่งมาถึง เป็นธรรมดาที่จะได้ยินบทสนทนา

 

ณ เวลานี้ สีหน้าของฉินเฟิงไม่แสดงออกถึงความเคารพแม้แต่น้อย รถศึกหยุดอยู่ข้างกายทั้งสอง เห็นได้ชัดว่ากำลังสร้างความลำบากใจให้แก่พวกเขา

 

หากคิดจะด่าลับหลังผู้อื่น คุณก็ต้องเตรียมรับมือให้พร้อมเผื่อในกรณีที่เขาได้ยินหรือรู้เรื่อง!

 

ฉินเฟิงเบนสายตาไปยังคนข้างกายของนายพลหู เอ่ยเสียงเย็น “ก็ดูไม่ได้เจ็บอะไรมากมายนี่ เมื่อวานสงสัยผมจะมีเมตตามากเกินไปหน่อย”

 

“แก!!!” ใบหน้าของชายคนนั้นกลายเป็นแดงก่ำ

 

“หยุด! นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน!” นายพลหูโกรธจัด

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น แนวสายตาเบนมองไปยังสนามรบ

 

หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็วูบไหวทันใด

 

เทคนิคก้าวมังกร!

 

กำลังภายในอัดฉีดลงบนสองขา เสริมความว่องไวให้แก่กายา ทะยานออกไปเช่นเดียวกับมังกรยามเหินบิน

 

นี่คือวิชาตัวเบาที่ได้รับมาจากสุสานเทพสงคราม ยามใช้งานและพุ่งไปข้างหน้าเป็นเส้นตรง จะรวดเร็วมาก

 

ฉินเฟิงพุ่งเข้าหากระทิงเนินทรายเลเวล D มันกำลังควบวิ่ง แต่ละย่างก้าวส่งเม็ดทรายสาดกระเซ็น ร่างกายของมันใหญ่โตสูงถึง 3 เมตร ช่วงลำตัวราวกับรถบรรทุกขนาดใหญ่

 

“นกยูงไฟ!”

 

เปลวเพลิงสีฟ้าผุดขึ้นมาจากอากาศที่บางเบา พริบตาเดียว ร่างเสมือนนกยูงก็พลันปรากฏขึ้น

 

“กูววว … ”

 

นกยูงเปล่งเสียงร้องคำหนึ่ง ดิ่งไปข้างหน้า ปะทะเข้ากับกระทิงเนินทรายในบัดดล

 

ตูม!

 

กระทิงเนินทรายถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงฟ้า เปลวเพลิงนี้ทรงอำนาจมากเกินไป เพียงสัมผัสก็เกือบจะทะลวงหน้าอกของศัตรูได้ในทันที

 

กระทั่งกระทิงเนินทรายที่เปี่ยมไปด้วยพลังป้องกัน ชนิดกระสุนของมือปืนยังทำได้เพียงเปิดเนื้อหนังมันเท่านั้น ทว่าภายใต้เปลวไฟนี้ มันกลับถูกเผาเป็นขี้เถ้าในทันที ราวกับกระดาษก็มิปาน!

 

ผู้ใช้พลังเลเวล E ที่ถูกกระทิงกระทืบสามารถรอดพ้นจากความตาย เขาอ้าปากตาค้าง ไม่อาจทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

ฉินเฟิงมองไปทั่วทั้งสนามรบ ชูมือขึ้นสูง เปลวเพลิงสีครามผุดขึ้นบนฟากฟ้า

 

“ฝนเพลิง!”

 

เพลิงกลายพันธุ์ของนกยูงเพลิงฟ้าน่ะร้อนแรงมาก ยามเมื่อมันตกลงจากเบื้องบนภายในรัศมี 100 เมตร ตามตัวของกระทิงดุนับร้อยก็เริ่มลุกไหม้ โหยหวนน่าเวทนา

 

“มอออออ!”

 

ฝูงกระทิงเนินทรายแตกตื่น

 

ในช่วงเวลานั้นเอง ตัวที่เหมือนจะแกร่งกว่ากระทิงอื่น ครอบครองความสูงกว่า 4 เมตร พลันวิ่งออกมาจากฝูง ตรงมายังทิศทางของฉินเฟิงอย่างดุเดือด

 

“นั่นนายพลสัตว์ร้าย!”

 

“นายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ใช่ไหม รีบหลบเร็วเข้า!”

 

ผู้คนเริ่มร้องตะโกน

 

นายพลกระทิงดีดตัว ย่ำสองขาของมันลงบนผืนทราย พริบตานั้นมังกรดินขนาดใหญ่พลันผุดขึ้นมาจากเบื้องล่างฝ่าเท้ามัน อ้าปากกวาดกลืนผืนทราย ทำลายทุกสิ่งเป็นเส้นตรง

 

ผลพวงจากมัน ส่งผลให้ภายในรัศมี 50 เมตร เกิดพายุคลั่งอันน่าสยดสยองก่อตัวขึ้น

 

กระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล D ณ ที่นี้ ยังมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป

 

แต่ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงที่กำลังเฝ้ามองมังกรดินแสดงท่าทีคุกคาม ก็พลันระเบิดพลังสมาธิสำแดงออกมาบ้างเช่นกัน

 

“เทคนิคมังกรไฟ!”

 

มังกรเพลิงตัวใหญ่ยักษ์ โถมเข้าปะทะศัตรู!