บทที่ 152 เฟลิเปผู้อันตราย

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ในตอนนี้ทุกคนกำลังมองคนแปลกหน้าด้วยความระมัดระวังและเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว พวกเขากำลังกังวลว่าตนเองอาจจะถูกศาสนจักรซุ่มโจมตี

ลูเซียนค่อยๆ หยิบบัตรเชิญออกมาและอธิบายว่า “ข้าได้รับคำเชิญจากท่านไวเคานต์คาเรนเดีย” ท่ามกลางสายตาเย็นชาของเหล่านักเวทและนักเวทฝึกหัด และสายตากระหายเลือดกับน้ำเสียงที่สั่นกลัวที่ลอดไรฟันออกมาของเจ้าอ้วน

เมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่มีอาการตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา ชายชราที่ดูคล้ายมัมมี่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นักเวทฝึกหัดคนหนึ่งก็หยิบบัตรเชิญของลูเซียนมายื่นให้ชายชราตรวจสอบ

สัญลักษณ์รูปหมวกทรงสูงสีดำบนคำเชิญนั้นดูแล้วค่อนข้างเอียงและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ชายชราที่ดูเหมือนเป็นผู้นำมองไปที่นักเวทคนอื่น ๆ “ข้าไม่ได้ส่งบัตรเชิญนี้”

นักเวทคนอื่นๆ ก็มองไปที่บัตรเชิญนั้นและก็ปฏิเสธเช่นเดียวกัน

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของชายชรากระตุกเมื่อเขาพูดว่า “แม้ว่าบัตรเชิญของเจ้าจะไม่ได้มาจากคนอื่นๆ แต่มันก็อาจจะมาจากท่านไวเคานต์ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่นี่ ข้าคิดว่าพวกพวกเราควรรอท่านไวเคานต์คาเรนเดียและนี้ดพ่อบ้านของท่านปรากฏตัว เจ้าเห็นด้วยไหม?”

“ยุติธรรมดี” ลูเซียนยังคงสุภาพ

“เจ้าเรียกข้าว่า เซสซี่ ก็ได้ ข้าเป็นนักเวทระดับสี่” ชายชรากล่าว เขาไม่ต้องการที่จะทำให้ผู้ร่วมชุมนุมลึกลับคนนี้รู้สึกขุ่นเคืองใจก่อนที่เขาจะทราบตัวตนที่แท้จริงเพราะถ้าหากว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่ามันก็อาจจะมีปัญหาภายหลังได้

“ท่านเซสซี่ ข้าเข้าใจความกังวลของท่านและข้าก็ไม่รังเกียจที่จะรออยู่ที่นี่” ลูเซียนพยักหน้า “ท่านเรียกข้าว่าศาสตราจารย์ก็ได้”

“ดี” ชายชราถามว่า” ถ้าอย่างนั้นศาสตราจารย์ เจ้าเป็นนักเวท… หรือเป็นนักเวทฝึกหัด?”

จากการสนทนาและท่าทางของลูเซียน เซสซี่เริ่มรู้สึกมั่นใจนิดน้อยว่าลูเซียนอาจจะเป็นแขกของท่านไวเคานต์

“นักเวท” ลูเซียนตอบอย่างรวดเร็ว

นักเวทฝึกหัดที่ลูเซียนกำลังคุยด้วยรู้สึกประหลาดใจมากที่รู้ว่าศาสตราจารย์เป็นนักเวทตัวจริงเนื่องจากท่าทางของเขานั้นดีกว่านักเวทส่วนใหญ่ที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็นที่มารวมตัวกันอยู่อีกด้านหนึ่ง

“ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการชุมนุมครั้งนี้” ท่าทีของเซสซี่ที่มีต่อลูเซียนนั้นดีขึ้นเล็กน้อย

“อันที่จริงข้าไม่ใช่หมอผี” ลูเซียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ถึงแม้ว่าลูเซียนจะได้อ่านหนังสือเวทมนตร์อย่างคร่าวๆ และมีความเข้าใจในโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถพึ่งพาความรู้ความเข้าใจก่อนหน้านี้ได้

จากการอ้างอิงตามหนังสือเวทมนตร์ไม่ว่าจะฝึกสมาธิหรือเรียนรู้เวทมนตร์ หมอผีมักจะต้องใช้เวลาอยู่กับศพเป็นระยะเวลานานๆ และมันง่ายมากที่ผู้ฝึกฝนจะติดเชื่อจากสารพิษหรือสิ่งสกปรก นอกจากนี้การยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นและทำให้ตัวเองไม่ติดเชื่อนั้นมียาเพียงไม่มีไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ทำได้ด้วยโหราศาสตร์และองค์ประกอบที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ทำให้ลูเซียนไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะใช้เวทมนตร์ของพวกหมอผี เขาเพียงแค่คัดลอกโครงสร้างที่น่ารังเกียจน้อยที่สุดออกมาและวิเคราะห์มัน

ใบหน้าที่เหมือนมัมมี่ของเซสซี่ดูประหลาดใจ “แล้วทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? งานฉลองแห่งความตายมันสำหรับพวกหมอผี”

ผู้เข้าร่วมชุมนุมคนอื่นๆ ก็คิดว่ามันแปลก

ก่อนที่ลูเซียนจะทันตอบคำถามของเซสซี่ ประตูของปราสาทเก่าๆ ก็เปิดออกอย่างช้าๆ และนี้ดพ่อบ้านปราสาทก็ปรากฏตัวขึ้น เขายังคงแต่งตัวเรียบร้อยและวางตัวอย่างสง่างาม

“ท่านศาสตราจารย์เป็นแขกพิเศษที่ได้รับเชิญจากท่านลอร์ด” นี้ดอธิบายอย่างจริงจัง

“นั้นทำให้พวกเราวางใจ” เซสซี่ที่เป็นตัวแทนของนักเวทและนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ตอบ

นี้ดพยักหน้าเล็กน้อยและพูดต่อ “ท่านศาสตราจารย์มาจากสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งเวทมนตร์และเขาก็ยังเป็นนักเวทที่ทรงพลังอีกด้วย”

“สภา… แข็งแกร่ง…” ปกติแล้วคำพูดของพ่อบ้านนั้นค่อนข้างจะเย็นชาและเรียบเฉย แต่ตรั้งนี้มันสร้างความน่าประหลาดใจให้เหล่าหมอผีและนักเวทฝึกหัดอย่างมาก พวกเขาเริ่มกระซิบกระซาบและมองลูเซียนอย่างระมัดระวัง

“ทำไมคืนนี้จึงมีนักเวทอีกคนที่จากสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งเวทมนตร์?” เซสซี่สังเกตเห็นคำว่า “ด้วย” ที่นี้ดใช้

“ท่านศาสตราจารย์แวะมาโดยที่พวกเราไม่ทันคาดคิด” แม้ว่าคำพูดพ่อบ้านนั้นยากที่จะเชื่อแต่สิ่งที่เขาพูดนั้นก็เป็นเรื่องจริง “และพลังของท่านศาสตราจารย์นั้นก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ท่านอยู่ในอันดับสามร้อยห้าสิบเก้า บนรายการชำระล้างของศาสนจักร”

“อะไรน่ะ? รายการชำระล้าง!” ครั้งนี้แม้แต่หมอผีที่มืดมนก็ไม่อาจสงบสติได้อีกต่อไป ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าใครคือคนที่อยู่ในรายชื่อ แต่ทุกคนก็ตระหนักถึงความจริงที่ว่า คนที่อยู่ในรายชื่อนั้นมีพลังอำนาจอยู่ในระดับสูงและสามารถส่งผลกระทบหรือแม้แต่ทำลายทั้งประเทศได้

ในประวัติศาสตร์การติดตามเหล่านักเวทผู้มีอำนาจนั้นทำให้ศาสนจักรค่อนข้างจะได้รับชื่อเสียงที่ดี

หมอผีและนักเวทฝึกหัดเริ่มรู้สึกกลัวลูเซียนขึ้นมา เพราะพวกเขาเข้ามาล้อมกรอบและกระทำตัวหยาบคายใส่นักเวทที่ทรงพลังเข้า พวกเขาแค่เดาว่าอย่างน้อยศาสตราจารย์ก็คงเป็นแค่นักเวทระดับสูง

เซสซี่ที่หยุดเพื่อฟังนี้ดพูดกล่าวว่า “ท่านศาสตราจารย์โปรดยกโทษให้กับการกระทำที่หยาบคายของพวกเราก่อนหน้านี้ พวกเราปรารถนาที่จะไปที่สำนักงานใหญ่ของสภาแห่งเวทมนตร์”

เซสซี่เชื่อว่าศาสตราจารย์และเฟลิเปผู้ที่ริเริ่มการฉลองแห่งความตายอาจจะเข้ากันได้ไม่ดีนักและความขัดแย้งของพวกเขาน่าจะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ภายในระหว่างฝ่ายต่างๆ ของสภา ดังนั้นเขาจึงระวังคำพูดถึงสภาแห่งเวทมนตร์อย่างมีสติแทนที่จะสนับสนุนทั้งสองด้าน

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะผิดหวังมากกว่าหากเจ้าบอกไม่ได้ว่าใครเป็นคนแปลกหน้าท่ามกลางผู้เข้าร่วมการชุมนุม” เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มเคารพเขาเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักเวทที่ทรงพลังเทียบเท่าระดับสูง ลูเซียนได้ฉวยโอกาสนั้นและเริ่มแสร้งทำเป็นว่าเขาเป็นคนสำคัญจริงๆ

“ท่านศาสตราจารย์ นายท่านของข้าต้องการพบท่านที่ห้องหนังสือและท่านเฟลิเปก็อยู่ที่นั่นด้วย” นี้ดกล่าว จากนั้นเขาก็หันไปหาเซสซี่และนักเวทคนอื่นๆ “ท่านเซสซี่ ไม่นานนักจะมีบริกรจะพาพวกท่านเข้าไปในห้องโถง”

แม้ว่าลูเซียนจะไม่ต้องการพูดคุยใกล้ชิดกับเฟลิเป แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดตามนี้ดผ่านความมืดอันน่าสะพรึงกลัวของปราสาทไปตลอดทางจนถึงห้องหนังสือ

การเห็นร่างของศาสตราจารย์ค่อยๆ หายไปในความมืด เจ้าอ้วนก็เปล่งเสียงอุทานออกมาว่า “ว้าว… เจ๋ง! รายชื่อการชำระล้าง”

“ข้าหวังว่าซักวันหนึ่งข้าก็จะอยู่ในรายชื่อด้วยเหมือนกัน” ไวน์กล่าวด้วยความชื่นชมอย่างมาก

ในสายตาของนักเวทและแม้กระทั่งนักเวทฝึกหัดการอยู่ในรายการชำระล้างของศาสนจักรเป็นเป้าหมายที่ดีในการโอ้อวดความสำเร็จของพวกเขา

ในห้องหนังสือท่านไวเคานต์ในเสื้อคลุมสีแดงและดำ กับชายอีกคนที่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าชั้นล่างผ่านทางหน้าต่าง

“ไม่เลว… ท่านศาสตราจารย์” ท่านไวเคานต์แสดงความเห็นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือของเขาด้วยท่าทางผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่ได้แสดงอารมณ์ขุ่นเคืองใดใดต่อเหล่านักเวท

ข้างๆ ไวเคานต์มีชายคนหนึ่งยืนอยู่เขามีผมและดวงตาสีดำ สันจมูกของเขาตรงและสูง และริมฝีปากของเขาก็บางเฉียบ เขาหน้าตาหล่อเหลามากๆ แต่ใบหน้าของเขาดูค่อนข้างซีดราวกับคนป่วย เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำแขนเสื้อแบบพองตรงหัวไหล่ ชายเสื้อถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นมากนักในเมืองแบบนี้ ชายคนนั้นแสดงความคิดเห็นต่อคำพูดของไวเคานต์ด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นมัวและจริงจังว่า “ความคิดเห็นของศาสนจักรที่มีต่อศาสตราจารย์คือ ‘เจ้าเล่ห์และอันตราย’ ท่านจะตัดสินเขาจากการเห็นเพียงครั้งเดียวไม่ได้”

“ข้ารู้ ความจริงคือเจตจำนงแห่งธาตุหรือสำนักเวทมนตร์โฮล์มรอยัลส่งศาสตราจารย์มาก็บอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขามั่นใจว่าศาสตราจารย์มีความสามารถพอที่จะจัดการกับเจ้านะ เฟลิเป” ไวเคานต์คาเรนเดียพูดอย่างง่ายๆ ในฐานะคนนอก “ข้าขอแนะนำว่าถ้าหากเจ้าจะทำอะไรก็ระวังซักหน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะเสี่ยงมาก มันไม่ง่ายอย่างแน่นอน”

เฟลิเปจิบไวน์แดงและมองไปที่คนติดตามของเขา “เจตจำนงแห่งธาตุยังไม่รู้จักพลังของข้าดีพอ แต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าศาสตราจารย์ลึกลับคนนี้ทรงพลังเพียงใด ข้าสงสัยว่าศาสตราจารย์คนนี้เป็นใคร? ลาร์รี่ ทิโมธี หรือยูลิสิส?”

ชื่อเหล่านี้เป็นของคนที่เขารู้จักและอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา แต่กับเจตจำนงแห่งธาตุหรือสำนักเวทมนตร์โฮล์มรอยัลกลับไม่มีใครที่สอดคล้องกับข้อมูลตัวตนที่พวกเขามีต่อศาสตราจารย์เลย เขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ศาสตราจารย์… ศาสตราจารย์… ดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจในระดับอาร์คานาของเขา… แสดงว่าระดับเวทมนตร์ของเขาก็คงจะไม่สูงกว่าระดับอาร์คานาของเขามากนัก… หรืออาจจะระดับเดียวกัน”

เฟลิเปหยุดคิดลง แต่ในดวงตาของเขามีเปลวไฟสีซีดสั่นไหวปรากฏอยู่

ไวเคานต์จิบไวน์พร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา “ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้นักดนตรีลูเซียน อีวานส์อยู่ในจิบูตี ฮา… เจ้าหญิงต้องกังวลอย่างมากเกี่ยวกับคนรักตัวน้อยที่น่ารักของนางที่มาไกลขนาดนี้หรือนางกำลังปกป้องเขาอย่างลับๆ โดยการไม่ส่งเขาไปยังจิบูตี และงานฉลองแห่งความตายของเจ้าก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเสียอีก ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ!”

“ไม่ใช่เรื่องแปลกและข้ามั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อย่างแรกเพราะความสัมพันธ์ของนาตาซากับผู้ชายคนนั้นทำให้การที่จะขอให้ศาสตราจารย์ช่วยนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก ศาสตราจารย์จะต้องใช้วิธีอะไรซักอย่างที่จะพา ลูเซียน อีวานส์ มุ่งหน้าไปสู่จิบูตีเพื่อที่จะให้เขาสามารถอยู่ได้ทั้งสองที่ในเวลาเดียวกัน ไม่อย่างนั้นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นจะไปที่ที่ห่างไกลและยากจนทำไมกันละ ล้อเล่นหรือไง …”

ลูเซียนไม่คิดว่าความมืดของปราสาทจะกลืนกินทุกสิ่งแม้แต่ห้องหนังสือ

มีคนสามคนในห้องหนังสือที่เขารู้สึกคุ้นเคย นอกจากไวเคานต์แล้วยังมีชายหนุ่มที่หน้าตาซีดเซียวและชายวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างแข็งแกร่ง

“ดีใจที่ได้รู้จักศาสตราจารย์ ข้าคือ เฟลิเป” รอยยิ้มของเฟลิเปนั้นมืดมนและซับซ้อน ในดวงตาของเขามีเปลวไฟสีซีดสองสว่างอยู่และเขาก็จ้องตรงไปที่ลูเซียน

ทันใดนั้นลูเซียนรู้สึกตกใจและถูกคุกคามอย่างมากจากออร่าที่รุนแรงของเฟลิเป ครั้งสุดท้ายที่เขามีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้คือเมื่อคามิลมองเขาหลังจากนางใช้พรของนาง

ลูเซียนสรุปได้อย่างรวดเร็วว่าเฟลิเปมีพลังในอยู่ใกล้เคียงกับระดับสูงเป็นอย่างมาก แต่ลูเซียนไม่แน่ใจว่าทำไมเฟลิเปถึงมองเขาเป็นศัตรู

 คำตอบเดียวที่เป็นไปได้คือเจตจำนงแห่งธาตุหรือสำนักเวทมนตร์โฮล์มรอยัลไม่ได้อยู่ในฝั่งเดียวกับเขาในสภา

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดลูเซียนก็ตระหนักว่าแหวนที่นาตาซาให้เขาสวมนั้นเป็นแหวนที่ใส่เมื่อตอนที่เขาพบกับไวเคานต์เป็นครั้งแรกนั้นทำให้เขาได้รับความโปรดปราน แต่ก็ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ลูเซียนพยายามสงบสติอารมณ์ ตลอดมานี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแกล้งทำตัวเป็นคนสำคัญและมีอำนาจ นอกจากนี้ที่เฟลิเปไม่ได้โจมตีเขาโดยตรงเพราะข่าวลือเกี่ยวกับศาสตราจารย์น่าจะเป็นเหตุผลเดียวที่เฟลิเปยังลังเล

เมื่อสมองของเขาเย็นลงหลังจากจับประเด็นสำคัญนี้แล้ว ลูเซียนก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้พบท่านเฟลิเป ข้าได้ยินชื่อของท่านมานานแล้ว”

……………………………………….