บทที่ 13 หรือนางจะไม่ใช่แม่ของพวกเรา?[รีไรท์]

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 13 หรือนางจะไม่ใช่แม่ของพวกเรา?[รีไรท์] EnjoyBook

บทที่ 13 หรือนางจะไม่ใช่แม่ของพวกเรา?[รีไรท์]

จ้าวเหมิงลู่ตกลงปลงใจแล้วว่าจะยอมทำทุกวิถีทางถึงแม้จะต้องถูกทุบตี ตราบใดที่หลิงตู้ฉิงสามารถแก้ไขปัญหาในการบ่มเพาะของนางได้ การถูกทุบตีเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นอะไรไป?

อย่างน้อยที่สุดถ้าโดนทุบตีในเวลานี้มันก็ยังดีกว่าไปพ่ายแพ้การต่อสู้ในอนาคต ถึงตอนนั้นมันจะไม่ใช่แค่การพ่ายแพ้แต่อาจจะเป็นหนทางไปสู่ความตายได้เลย

“ท่านจะให้การชี้แนะแก่ข้าในตอนนี้ หรือจะรอให้อาการบาดเจ็บของข้าหายดีก่อน?” จ้าวเหมิงลู่ถาม

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เริ่มเลยแล้วกัน เมื่อครู่ข้าพึ่งฝึกกับชานเอ๋อมา พลังของข้ากำลังเต็มเปี่ยม ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะชี้แนะให้เจ้า ถ้าไม่เริ่มตอนนี้อาจจะต้องรอไปอีกพักใหญ่ และอาการบาดเจ็บของเจ้าก็จะดีขึ้นเช่นกันหลังจากที่ข้าแก้ปัญหาการบ่มเพาะให้เจ้าเรียบร้อย”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเลย ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร?” เจ้าเหมิงลู่พูดอย่างหนักแน่น

“เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่เตรียมพร้อมที่จะถูกทุบก็พอ!” หลิงตู้ฉิงพูด “แต่ถ้าเจ้าอยากจะสู้ตอบข้า เจ้าก็ทำได้เช่นกัน ข้าไม่ขัดข้องอะไร!”

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินไปรอบ ๆ เพื่อหาท่อนไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือ เมื่อเจอแล้วก็ลองออกท่าเหวี่ยงมันดู หลังจากออกท่าทางเขาก็คิดว่ามันเล็กเกินไป เขาจึงเดินหาอันที่หน้าตัดขนาดเท่าไข่ไก่

“ข้าไม่เคยขัดใจท่าน แต่ท่านต้องการที่จะตีข้าจนตายเลยหรือไง?” จ้าวเหมิงลู่ถามอย่างกังวล เมื่อมองไปที่ท่อนไม้ในมือของหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงหน้ามุ่ยและพูดว่า “ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 เจ้าคิดว่าระดับแค่นี้มันแข็งแกร่งมากนักรึไง? ถ้าข้าอยากจะฆ่าเจ้าจริง ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ท่อนไม้ใด ๆ ทั้งนั้น! เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะเริ่มแล้ว!”

จ้าวเหมิงลู่รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นนางก็เริ่มที่โคจรพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างกายออกมา อย่างไรก็ตามหลิงตู้ฉิงบอกว่านางสามารถสู้ตอบได้และนางก็อยากจะรู้นักว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน

“เข้ามาเลย ข้าพร้อมแล้ว!” จ้าวเหมิงลู่พูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างประหม่า

เมื่อหลิงตู้ฉิงเริ่มเคลื่อนไหว จ้าวเหมิงลู่ก็รู้สึกว่าสายตานางพร่ามัวและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่หัวของตัวเอง หลิงตู้ฉิงตีหัวนางโดยไม่มีการเตือนและนางเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามาประชิดนางได้อย่างไร

ก่อนที่นางจะสามารถโต้กลับ การโจมตีครั้งต่อไปก็มาถึง เขาฟาดมาที่ปากของนาง ตามด้วยการโจมตีครั้งที่สามที่กลางอกและตามมาติด ๆ ด้วยหน้าอกทั้งสองข้าง จ้าวเหมิงลู่รู้สึกถึงคลื่นแห่งความเจ็บปวดจากหน้าอกทั้งสองของตน น้ำตาแห่งความเจ็บปวดของนางเริ่มไหลออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้

เมื่อถูกตีไปได้หลายทีนางจึงเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

“หลิงตู้ฉิง ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!” จ้าวเหมิงลู่ตะโกนด้วยความโกรธ

นางทั้งอายและโกรธเป็นอย่างมาก หลิงตู้ฉิงไม่สนใจการตอบโต้ของจ้าวเหมิงลู่ เขาทุบท่อนไม้เข้าที่ท้องของนาง

ไม่ว่าจ้าวเหมิงลู่จะพยายามปกป้องตัวเองอย่างไรนางก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากท่อนไม้ของหลิงตู้ฉิงได้เลย เขาฟาดมันอย่างแม่นยำเสมอในจุดที่เขาต้องการ

ท่อนไม้นั้นนั้นเปรียบเสมือนปืนกลที่กระหน่ำทุบตีร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่หยุดหย่อน

“พลั่ก!”

เมื่อท่อนไม้กระแทกเข้าที่ด้านหลังของจ้าวเหมิงลู่ในที่สุดมันก็หัก

“เปราะมาก!” หลิงตู้ฉิงพึมพำ “ท่อนไม้หักไปแล้ว เรามาสู้กันด้วยมือเปล่าดีกว่า แต่เจ้าอย่าคาดหวังว่ามันจะน่าอนาถน้อยลง เพราะหมัดของข้านั้นรุนแรงกว่าไม้นั่นอยู่หลายขุม!”

จ้าวเหมิงลู่ไม่มีกำลังที่จะตอบโต้เลยและสุดท้ายนางก็เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่แต่เพียงผู้เดียว

นางส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน

เมื่อโม่หยูถังเห็นสถานการณ์ในตอนนี้เขารีบบอกหลิงยู่ชาน “นายน้อยรีบพาน้อง ๆ ของนายน้อยไปพักผ่อนที่อื่นก่อน เด็ก ๆ! อย่าไปมองพวกเขา!”

โม่หยูถังรีบอุ้มหลิงไช่หยุนกลับเข้าไปในตัวเรือนอย่างรวดเร็วและบอกให้เด็กคนอื่นตามมา

ภาพของการต่อสู้นั้นชวนสังเวช โม่หยูถังกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ๆ

หลังจากที่เด็กทั้งเจ็ดถูกพากลับเข้าไปในตัวเรือน พวกเขาได้ยินเสียงตูมตามและเสียงกรีดร้องดังออกมาจากลานกลางเรือน เด็ก ๆ หลายคนที่พยายามแอบดู เมื่อเห็นภาพอันน่าหดหู่ของจ้าวเหมิงลู่ พวกเขาก็หดคอกลับเข้าไปด้านในตามเดิม

“ข้าคิดว่านางคงไม่ใช่แม่ของพวกเรา!” หลิงไช่หยุนพูดกับพี่ ๆ อย่างจริงจัง

พวกเขารีบพยักหน้า กับหญิงสาวที่สวยงามแบบนี้ พวกเขาคิดว่ามันก็เป็นไปได้ถ้านางจะมาเป็นแม่ของพวกเขา แต่ทำไมท่านพ่อในตอนนี้ถึงโหดเหี้ยมนัก?

โม่หยูถังทำอะไรไม่ได้นอกจากหัวเราะอย่างขมขื่น เขาคิดกับตัวเองว่า “นายท่านไม่ได้สนใจความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงจริง ๆ มันคงยากเกินไปสำหรับการตามหานายหญิงสักคน นอกจากนี้การเอาชนะหญิงสาวจากสถาบันราชวงศ์อย่างโหดร้ายแบบนั้น มันจะไม่ทำให้สถาบันราชวงศ์คลั่งไปเลยหรือ?”

ในเวลานี้ในลานกลางเรือนของตระกูลหลิง ภาพอันน่าสังเวชนั้นยังไม่จบลง

ถึงแม้ว่าจ้าวเหมิงลู่จะหมดสติไปแล้วก็ตาม

หลิงตู้ฉิงไม่ได้ออมมือกับจ้าวเหมิงลู่เพื่อเห็นแก่เพศของนางเลย อันที่จริงคล้ายกับว่าเขาไม่ได้เห็นนางเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ เขาปฏิบัติต่อนางเหมือนเหล็กแผ่นหนึ่งภายใต้การทุบอย่างบ้าคลั่งของช่างตีเหล็ก

เมื่อกระบวนการ ‘ชี้แนะ’ ดำเนินหน้าต่อ พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณโดยรอบเริ่มบรรจบกันที่ลานกลางเรือน ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดพวกมัน จากนั้นพร้อมกับกำปั้นของหลิงตู้ฉิง พลังวิญญาณที่ก่อตัวอยู่รอบ ๆ ก็ถูกบังคับให้เข้าสู่ร่างกายของจ้าวเหมิงลู่

ส่วนจ้าวเหมิงลู่ ซึ่งเดิมนางอยู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 หลังจากถูกโจมตีด้วยหมัดของหลิงตู้ฉิง ระดับการฝึกฝนของนางก็ลดลงและลดลง ในท้ายที่สุดระดับการฝึกฝนของนางก็ลดลงถึงจุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณ หลังจากดิ่งลงสู่จุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณ จู่ ๆ ระดับพลังของนางก็เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 เช่นเดิม แต่พลังงานวิญญาณที่อยู่โดยรอบกลับไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

เมื่อเห็นว่าการบ่มเพาะของจ้าวเหมิงลู่ได้กลับขึ้นมาสู่ระดับ 3 หลิงตู้ฉิงก็คว้าขาจ้าวเหมิงลู่ที่หมดสติโดยไม่ลังเลและเขวี้ยงนางลงบนพื้นเหมือนกับเศษหิน

ยิ่งหลิงตู้ฉิงทุบตีหนักเท่าไหร่ พลังปราณชี่ยิ่งไหลสู่ร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น

จากนั้น จู่ ๆ จ้าวเหมิงลู่ก็ได้บรรลุถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 4 และพลังงานวิญญาณที่รุนแรงยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับการบ่มเพาะยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดอย่างรวดเร็ว

เมื่อเวลายิ่งผ่านไปและขั้นตอนการทุบตียังคงดำเนินอยู่ ระดับการฝึกฝนของจ้าวเหมิงลู่เองก็เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 5 ของขอบเขตประสานทะเลปราณอย่างรวดเร็วเช่นกัน และที่สำคัญมันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ในที่สุดนางก็บรรลุระดับ 6 หลิงตู้ฉิงโยนจ้าวเหมิงลู่ที่เสื้อผ้าถูกฉีกขาดรุ่งริ่งลงบนพื้น จากนั้นโดยไม่ลังเลเขาก้มลงหานางและเริ่มนวดเฟ้นร่างกายจ้าวเหมิงลู่อย่างระมัดระวัง พร้อมกับบีบอัดพลังวิญญาณทุกชนิดเข้าสู่ร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ในที่สุดเขาก็ทำให้การฝึกฝนของนางก้าวหน้าไปอีกหนึ่งระดับ

หลังจากเลื่อนระดับบ่มเพาะถึง 4 ระดับติดต่อกัน พลังวิญญาณที่ก่อตัวอยู่บริเวณรอบ ๆ ก็เริ่มเบาบางลง เมื่อร่างของจ้าวเหมิงลู่ซึมซับพลังวิญญาณทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ หลิงตู้ฉิงจึงอุ้มร่างของนางขึ้นและพาร่างของนางไปยังห้องพักของนาง

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พาร่างกายที่แสนเหนื่อยล้าของตนเองเข้านอนที่ห้องของเขาเช่นกัน

เขาใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูร่างกายตัวเอง แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะฟื้นพลังวิญญาณของเขาที่ใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง แต่ผลประโยชน์ที่จ้าวเหมิงลู่ได้รับนั้นก็มหาศาลเช่นกัน

หลังจากพัก 1 คืนหลิงตู้ฉิงก็ยังดูเหนื่อย

เขามองจ้าวเหมิงลู่ที่หมดสติก่อนจะหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังสมาคมปรุงยา

จ้าวเหมิงลู่นอนจนไปถึงตอนเที่ยงก่อนจะตื่นขึ้นมา

ทันทีที่นางตื่น นางก็รู้สึกเจ็บปวดทั่วร่างกายและน้ำตาของนางก็ร่วงลงทันที นางสาปแช่งอย่างโกรธเคือง “หลิงตู้ฉิง! ข้าจะกลับไปฟ้องปู่ของข้าให้ฆ่าเจ้าซะ! ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่พ่อข้ายังไม่เคยทำร้ายข้าแบบนี้มาก่อนเลย! นี่เจ้ากลับกล้าที่จะทุบหน้าอกข้าอีก เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์! ข้าไม่เคยทำให้เจ้าขุ่นเคืองอะไร แต่เจ้ากลับทุบตีข้าเอาข้าเอาแบบนี้ หลิงตู้ฉิง เจ้าต้องตาย! มาอ้างว่าจะชี้แนะข้าเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้จริง ๆ เจ้ามันก็แค่ไอ้พวกป่าเถื่อนชอบทำร้ายผู้หญิง เจ้ามันไอ้คนขี้โกหก…”

เมื่อสาปแช่งไปได้สักพักนางก็เริ่มสงบลง

หลังจากนั้นจ้าวเหมิงลู่จึงค่อยลองสำรวจความเสียหายของร่างกายตนเอง แต่จากการตรวจสอบนางก็พบว่านอกเหนือจากความเจ็บปวดบนร่างกายภายนอกแล้ว นางรู้สึกได้ถึงระดับการบ่มเพาะของนางที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7

“ไม่นะ! นี่ข้าหมดสติไปนานแค่ไหนกัน! 7-8 ปีแล้วงั้นเหรอ?” จ้าวเหมิงลู่ร้องอุทาน “มันต้องใช่แน่ ๆ ไม่งั้นระดับการบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มมาได้ยังไงตั้ง 4 ระดับ!”

ในขณะที่นางกำลังพึมพำ หลิงตู้ฉิงเดินก็เข้ามาในห้องและมอบชุดเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นางและพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีเสื้อผ้าสำรองหรือไม่ ตอนนี้ข้าได้เตรียมอ่างยาสำหรับให้เจ้าลงไปแช่แล้ว หากเจ้าลงไปแช่เพียงซักพัก ร่างกายของเจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป”

จ้าวเหมิงลู่ถามด้วยความงุนงงว่า “ข้าหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว ทำไมระดับข้าถึงเลื่อนมาถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7 ได้?”

“เจ้าหลับไปแค่วันเดียว!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สำหรับเหตุผลที่เจ้าเลื่อนระดับมาถึงระดับที่ 7 แน่นอนว่ามันเป็นผลมาจากการที่เจ้าถูกทุบตี! เพื่อที่จะชี้แนะเจ้า สนามของข้าได้ถูกทำลายไปมาก เจ้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมมัน!”

หลังจากพูดจบหลิงตู้ฉิงก็หันหลังกลับและเดินออกไปจากห้อง