เสวียนอี่พลันขยับตัวน้อยๆ จากนั้นดวงตาทั้งสองก็ลืมขึ้นมา สายตาเลื่อนลอยของนางเหลือบไปเห็นเซ่าอี๋เข้า ทันใดนั้นนางก็กัดปลายลิ้นจนแตกพร้อมกับพ่นม่านพลังน้ำแข็งสีดำออกมาทันที นางผลักเขาออกไปไกลหลายจั้ง ตัวนางเองก็ร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง แผลที่หลังและท้องสะเทือนจนเจ็บปวดสุดจะเปรียบ ทำให้นางแทบจะหมดสติไป
เซ่าอี๋ไม่สนใจนาง พิงต้นไม้แล้วนั่งลงพลางกล่าวเสียงเรียบว่า “อย่าขยับตัว แผลจากปราณกระบี่ตระกูลหวาซวีต่อให้มีพลังเทพคืนชีวิตก็ยังต้องใช้เวลานานมากกว่าจะสมานกันได้”
แล้วยิ่งกว่านั้นกระบี่ของฝูชางยังเป็นฉุนจวินอีกด้วย
เสวียนอี่หอบหายใจพลางกล่าวเสียงต่ำว่า “จะเอาข้าไปส่งที่ฝ่ายอาญาเพื่อเอาผลงานหรือ”
สายตาของเขาจ้องไปยังม่านพลังในกลุ่มหมอกที่ลอยวน น้ำเสียงเย็นชาห่างเหินยิ่ง “ฟังดูแล้วน่าสนใจดี”
ฝนของแดนมนุษย์ทำให้ผมยาวและชุดสีเขียวของเขาเปียกชื้น บนแขนเสื้อมีหยาดน้ำฝนมากมายกลิ้งอยู่ เขาใช้มือลูบออกไปแล้วพลันกล่าวว่า “เจ้ายังสู้ดับสูญไปในทะเลหลีเฮิ่นไม่ได้เลย ถูกไอขุ่นมัวในทะเลหลีเฮิ่นเข้าจนกลายเป็นอย่างนี้ ข้าเองก็ไม่มีวิธีแล้ว ดูท่าว่าเจ้าคงได้เป็นราชามารแน่แล้ว”
ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการหรือไรกัน ตระกูลจู๋อินที่เขาเกลียดที่สุด คนรุ่นหลังทั้งสามนั้น สองในสามต่างก็ถูกเขาเอาขนหัวใจมาใส่ไว้แล้ว ส่วนอีกหนึ่งกำลังจะเสื่อมจากเทพกลายเป็นเผ่ามาร เขานี่มันเอาตระกูลจู๋อินที่เก่งกาจยอดเยี่ยมไม่ว่าวิชาใดๆ ก็ไร้ผลมาเล่นบนฝ่ามือเสียราวลูกบอลหิมะจริงๆ
เสวียนอี่หลับตาลงอย่างอ่อนล้า “ร่างมหาเทพนั่นในทะเลหลีเฮิ่นถูกทำลายไปแล้ว หากว่าท่านยืนกรานไม่ยอมรับ จักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มีทางทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นทะเลหลีเฮิ่นกลายเป็นเช่นนี้ จักรพรรดิสวรรค์เองก็มีส่วนด้วย ไม่ต้องเอาขนหัวใจไปควบคุมท่านพ่อกับท่านพี่ข้าแล้ว ความสามารถของท่านยิ่งไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะไปแก้แค้นเลย ขอให้ท่านเก็บขนหัวใจหงส์กลับไปเถอะ”
ขอหรือ นางเองก็ใช้คำนี้เป็นด้วยหรือ
เซ่าอี๋อดมองไปที่นางไม่ได้ ผ่านไปนาน น้ำเสียงของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลลง “เจ้าพูดไม่ผิด ร่างถูกทำลายไปแล้ว ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเจ้าจะพูดอะไรออกไปอยู่แล้ว”
หมายความว่าอะไรกัน เสวียนอี่หรี่ตาจ้องเขาเขม็ง
“จริงๆ แล้วที่ข้าเลือกให้เจ้าเข้าไปในทะเลหลีเฮิ่น หนึ่งเพราะความผิดพลาด สองเพราะว่า องค์หญิงที่ไม่ออกนอกบ้านอย่างเจ้าเกิดเรื่อง ก็ยังสร้างผลกระทบน้อยกว่ามหาเทพกับองค์ชายน้อยเกิดเรื่องมาก”
เสวียนอี่หัวเราะเสียงเย็น “ท่านรู้แต่แรกอยู่แล้วว่าใครไปที่ทะเลหลีเฮิ่น คนนั้นก็ต้องกลายเป็นเช่นนี้เหมือนอย่างข้า”
ดังนั้นเขาถึงได้จงใจรอนางอยู่ที่โลกเบื้องล่าง นิสัยไร้ความหวาดกลัวอย่างนี้ของเขานี่ช่างร้ายกาจเสียจริง
เซ่าอี๋กล่าวเสียงต่ำ “ก็แค่มีความเป็นไปได้อย่างนี้เท่านั้น เดิมข้ายังคิดว่าเจ้าจะดับสูญมากกว่า แต่ว่าในเมื่อเจ้ายังรอดกลับมาได้ ก็ไม่มีทางที่จะไม่เป็นไรได้ สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว แต่ว่าข้าก็ยังดีใจที่เจ้าฉลาดเฉลียวอย่างนี้ กลับไม่ได้ให้ท่านพ่อที่โง่งมนั้นของเจ้าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นคนที่จะซวยก็คือตัวเจ้าเอง”
แววตาร้อนแรงของเสวียนอี่มองเขาอยู่นาน ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “ความหมายของท่านคือ จริงๆ แล้วท่านเก็บขนหัวใจกลับไปแล้วหรือ”
เขาไม่กล่าวอะไร เพียงลูบไปที่แขนเสื้อช้าๆ
“เก็บหรือว่าไม่ได้เก็บ” นางเค้นถาม
เซ่าอี๋ปรายตามองนาง “เจ้าฉลาดอย่างนี้ ทำไมไม่เดาเอาเองเล่า”
มาแบบนี้อีกแล้ว ราวกับใช่ราวกับไม่ คล้ายมีคล้ายไม่มี เหมือนจะให้ความหวัง แต่ว่าจริงๆแล้วสุดท้ายก็คือหมดหวัง นางไม่สามารถจะเอาคำพูดราบเรียบนี้มาบอกว่าเขาเก็บขนหัวใจไปแล้วจริงๆได้ แต่ว่า กลับไม่สามารถที่จะเชื่ออย่างสนิทใจเหมือนแต่ก่อนว่าขนหัวใจยังคงอยู่ได้
พูดว่านางเหมาะกับราชาเผ่ามารอะไรกัน เขาที่เชี่ยวชาญการทรมานผู้อื่นนั่นแหละถึงจะเหมาะที่สุด
เสวียนอี่ใจลอยไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กัดฟันพลิกตัวขึ้นนั่ง นางผ่อนลมหายใจออกมาแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ข้ากลายเป็นเผ่ามารไปแล้ว ช้าเร็วก็ต้องถูกฆ่า จะอย่างไรก็เหลือหนทางตายเพียงอย่างเดียวแล้ว จะตายตอนไหนไม่สำคัญ วิธีการของท่านเหนือล้ำ ข้าไม่ยินดีจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริงๆ”
เซ่าอี๋หรี่ตาทั้งสองลง แต่กลับเห็นว่ารอบด้านพลันมืดครึ้มลงเหมือนกับทะเลหลีเฮิ่นไม่มีผิดเพี้ยน พลังมืดจู๋อินที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวและพลังเทพคืนชีวิตเข้ามาห้อมล้อมเขาไว้ แสงสว่างสีขาวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเสวียนอี่
ท่าทีของนางกลับนำมาซึ่งความสงบราบเรียบและแปลกประหลาดผิดไปจากปกติ หาได้สนใจแผลบนร่าง นางนั่งคุกเข่าอย่างงามสง่าบนพื้น จับจ้องไปที่เปลวเพลิงแล้วกล่าวช้าๆว่า “กลายเป็นเผ่ามารก็ไม่เลว ปลดปล่อยพลังมืดจู๋อินที่โลกเบื้องล่างก็สบายขึ้นหน่อย”
นางเป่าลมหายใจออกมา มีดน้ำแข็งสีดำมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มหมุนวนไปรอบร่าง เสวียนอี่มองไปที่พวกมันแล้วเหลือบตามองเซ่าอี๋อีกครั้ง รอยยิ้มน่ารังเกียจที่มักจะอยู่บนใบหน้าของเขานั้นหายไปแล้ว ดูอย่างนี้เขาเหมือนกับมหาเทพในทะเลหลีเฮิ่นคนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ใช่สิ เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว
“จริงๆ แล้วท่านกลัวทะเลหลีเฮิ่นมากสินะ” นางกล่าวเยาะหยัน “อยากจะลองทนดูอีกสักหลายล้านปีหรือเปล่า”
เซ่าอี๋มองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ในที่สุดคราวนี้เจ้าก็ไม่สนใจชีวิตของพ่อกับพี่ชายเจ้าแล้วหรือ”
เสวียนอี่ยิ้มเย็น “ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ไม่ยอมเก็บขนหัวใจกลับไป พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะปลอดภัยได้อยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มีท่านดับสูญไปเป็นเพื่อนก็นับว่ามีความสุขไม่น้อย”
ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าการกลายเป็นเผ่ามารถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้ลำบากใจอย่างนั้นแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีขนหัวใจที่เชื่อมโยงกับเขามากักขังไว้ ปล่ายให้ดับสูญไปกับเขาแบบนี้ในพื้นที่อันดำมืดไร้ที่สิ้นสุดนี่แล้วกัน!
มีดน้ำแข็งสีดำสนิทลอยขึ้นแล้วแทงที่หัวใจอย่างไม่ลังเล หลังจากนางฆ่าตัวตายแล้ว ทะเลหลีเฮิ่นที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำผืนที่สองก็ต้องอยู่ที่โลกเบื้องล่างนี้อีก แต่ว่านางไม่สนใจเลยสักนิด ในเมื่อจะต้องเป็นราชามาร ก็เป็นเสียให้สุดๆ ไปเลย ตอนนี้นางจะสร้างความวุ่นวาย และจับเจ้าตระกูลชิงหยางที่น่าแค้นใจนี่ขังไว้ในหมอกสีดำของทะเลหลีเฮิ่นจนตายอีกครั้ง
ไหล่ถูกคว้าเอาไว้ เสวียนอี่รู้สึกว่ามีพลังรุนแรงสายหนึ่งโจมตีเข้ามา ผลักนางเสียจนล้มลงไปกับพื้น กลิ้งไปกับเขาหลายตลบ แล้วข้อมือก็ถูกมือสองข้างจับกดลงไปบนพื้นอย่างแรง บาดแผลที่หลังและท้องทั้งสองเจ็บปวดเสียจนนางหน้ามืด นางจะต้องอดทนไว้ จะหมดสติไปไม่ได้เด็ดขาด!
มีดน้ำแข็งสีดำมากมายเทลงมาราวกับฝน เซ่าอี๋มีสีหน้าเย็นชา เขาอุ้มนางเอาไว้ ร่างเคลื่อนหลบอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าท่ามกลางความมืดมิด ที่อกนางพลันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา เขาลงมืออย่างรวดเร็ว แล้วเอามีดน้ำแข็งที่เกือบจะเข้าไปในอกของนางมากุมไว้ในมือ
ใครจะรู้ว่าพริบตานั้นเอง กลับมีมีดน้ำแข็งอีกอันหนึ่งแทงลงไปในหัวใจของนางอย่างแรง เซ่าอี๋ขมวดคิ้วแน่น อัญมณีสีแดงเพลิงที่หน้าผากเปล่งแสงสว่างบาดตาขึ้นมาในพริบตา เขาพ่นลมหายใจออกมา ไอที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยรอยดำมืดเล็กๆทั้งหมดนั่นก็หลอมละลายมีดน้ำแข็งที่ปกคลุมเต็มพื้นทั้งหมดไป เขารีบบีบคอของเสวียนอี่ทันทีแล้วนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น แขนทั้งสองก็กักนางเอาไว้ในอ้อมอกของตน
“ปลาดุกอุยน้อย” เสียงเขาฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใด“ดับสูญไปอะไรก็ไม่เหลืออีกแล้ว”
ลมร้อนที่เขาพ่นออกมายังคงอยู่ มีดน้ำแข็งไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง นางคิดจะกัดปลายลิ้นพ่นม่านพลังออกมา มือที่ค้างอยู่ที่คอนางก็รีบมาปิดปากนางไว้ก่อนหนึ่งก้าว นางออกแรงดิ้นรน แผลที่หลังและท้องมีเลือดสดๆ ไหลออกมาอีกครั้ง แขนทั้งสองของเขากลับรัดแน่นขึ้นจนแทบจะทำให้นางหายใจไม่ออก
ความมืดราวกับฝันร้ายนั้นกลับมาอีกครั้ง หน้าผากของเซ่าอี๋มีเหงื่อผุดพรายขึ้นมา ดวงตากลอกไปมา แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับหัวเราะเบาๆ ออกมา “มีเจ้าดับสูญไปด้วยกัน ดูแล้วก็เป็นเรื่องที่มีความสุขไม่น้อย ต่อให้ต้องเข้าไปในทะเลหลีเฮิ่นอีกก็ไม่เป็นอะไร อืม พวกเรารอดับสูญกันเถอะ ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปก่อนหนึ่งก้าวหรอก”
ระหว่างดิ้นรน ก็มีเกล็ดมังกรมากมายร่วงลงไปที่พื้น มันถูกไอขุ่นมัวแทรกเข้าไป พริบตาเดียวก็กลายเป็นหมอกสีดำ เลือดที่เยือกเย็นของนางก็ซึมไปในชุดและค่อยๆจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง
พลังเทพคืนชีวิตสีดำสลับทองบนฝ่ามือส่งออกมาอีกครั้ง ช่วยสมานแผลที่ปริแตกออกของนางอีกครั้ง เซ่าอี๋ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นโค้งมนระหว่างคางกับแก้มของนางไว้ เขาคิดแผนการต่างๆนานาและใช้วิธีการมากมายเพื่อที่จะผลักให้นางขึ้นไปบนทางแห่งความตาย นางเองก็มีใจมั่นคง มุ่งมั่นดื้อดึงที่จะมลายสิ้นไปพร้อมกับเขา
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้าปลาดุกอุยน้อยนี่ เทพทั้งสวรรค์พิภพที่ไม่ชอบเจ้านั้นมีมากมาย ที่ชอบเจ้าก็เอาแต่ทำร้ายเจ้าตลอดเวลา เจ้ามันโชคไม่ดีเอาเสียเลย ช่างเหมือนกับข้าจริงๆ คนที่ชอบข้า ข้าก็ล้วนแต่ไม่ชอบ คนที่ข้าชอบ ข้าก็รักและทะนุถนอมไม่ได้”