“เธอจะตื่นเต้นอะไร?”เรียวจิพูดอย่างเอ้อระเหยลอยชาย“ถึงแม้พวกเธอจะหย่ากันแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้เขามาที่นี่ ก็หมายความว่าพวกเธอยังไม่ชัดเจน”

“ฉันว่านะหลินจือ เธอคงไม่ได้จะทิ้งฉันกับพ่อ แล้วแกล้งทำเป็นหย่ากับเทาเท่ใช่ไหม?”

หลินจือโกรธคำพูดนี้ของเรียวจิจนสั่นไปทั้งตัว เธออ้าปากอยากพูดอะไรอยู่หลายครั้ง แต่เพราะว่าโกรธมากไปเลยพูดไม่ออก

หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องนี้ แต่วินาทีถัดมาเรียวจิก็ทำลายเธอ

ดูตอนนี้สิ พวกตำรวจในที่นี้ต่างรู้หมดแล้ว

เทาเท่เดินเข้ามาจากด้านหลังเธอ ยกมือขึ้นมาแล้วดึงเธอไปด้านหลัง:“ไม่ทะเลาะกับเขาที่มีความรู้ต่ำกว่า”

ที่จริงเทาเท่อยากดึงหลินจือให้ห่างจากเรียวจิหน่อยเท่านั้น แต่พอสัมผัสถึงแขนของหลินจือ เขาก็รู้สึกถึงอาการสั่นทั่วร่างของเธออย่างรุนแรงทันที

เขาเม้มริมฝีปาก นิ้วที่เรียวยาวใช้โอกาสเลื่อนลงมา จับมือที่เย็นและสั่นของเธอไว้ในฝ่ามือ

เรียวจิมองเห็นการกระทำของเขา ก็ยิ้มอย่างพอใจทันที

เขามองไปทางซ้ายและขวาที่ตำรวจสองคนนั้น และพูดอย่างเย่อหยิ่ง:“เห็นยัง?ประธานเทาเท่เป็นน้องเขยผม พวกคุณรีบปล่อยผม ปล่อยผมซะ”

“เรียวจิ!”หลินจือโกรธจนตะคอกออกไปอีกครั้ง

เธอรู้ว่าพี่ชายเธอคนนี้หน้าด้านไร้ยางอาย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าด้านถึงจุดนี้ได้

ก่อเรื่องจนเป็นแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้ชื่อเสียงของเทาเท่มาข่มขู่อีก

เรียวจิใช้สายตาสื่อไปว่าเธอถูกเทาเท่กุมมืออยู่ พูดไปอย่างคลุมเครือ:“จูงมือกันสนิทชิดเชื้อแบบนี้ ยังไม่ยอมรับว่าพวกคุณแกล้งแต่งงานกันอีก?”

หลินจือรีบก้มหน้า จึงเห็นว่ามือตัวเองถูกเทาเท่กุมไว้จริง

เธอสะบัดออกมาด้วยหน้าขาวซีด เมื่อกี๊เธอโกรธเรียวจิจนเกือบหมดสติไป ดังนั้นไม่ทันสังเกตว่าเทาเท่กุมมือเธอไว้

ตำรวจทั้งสองกลับไม่ประนีประนอม จับเรียวจิไว้อย่างแน่น พูดอย่างแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวไปว่า:“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณถูกสงสัยว่าสร้างปัญหา คุณต้องกลับมาที่สถานีตำรวจกับเรา”

เรียวจิยังอยากพูดอะไรอีก เทาเท่จึงพูดกับตำรวจไปตรงๆ:“งั้นก็รบกวนพวกคุณด้วย”

ความหมายก็คือ รีบพาเรียวจิออกไป

เรียวจิโกรธจนพูดออกมาว่า:“หลินจือ แกทำแบบนี้กับพี่ชายแกเหรอ?”

“ไม่มีจิตสำนึกเหรอ?”

“น้องเขย น้องเขย รีบช่วยผมสิ!”

ตอนที่ตำรวจทั้งสี่พาเรียวจิที่โห่ร้องออกไป เทาเท่มองควีนที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ควีนเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง เลยตามหลังตำรวจลงไปด้วยกัน

เทาเท่กำลังชี้แนะเธอ ให้เธอลงไปกับพวกตำรวจเพื่อกำชับเล็กน้อย เรื่องเหล่านี้ในวันนี้ อย่าให้คนอื่นรู้

อยู่กับเทาเท่มาหลายปี ควีนมีความเข้าใจเหล่านี้

ประตูรักษาความปลอดภัยถูกปิด เสียงร้องของเรียวจิหายไปจากในหัว ร่างหลินจืออ่อนไปทั้งตัว ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยเสียงดังตุ้บ

เทาเท่ที่ปิดประตูรักษาความปลอดภัยลง พอหันไปก็เห็นสภาพเธอแบบนี้ เวลานั้นก็ทั้งโกรธและตลก

เขาเดินเข้ามามองเธอจากมุมสูง ส่งเสียงอย่างเยือกเย็น:“ขี้ขลาด?หรือว่ากลัว?”

หลินจือกัดปากตัวเองแน่น หัวซุกไปเกือบจะชิดเข่าตัวเองแล้ว

ที่เรียกว่าเงยหน้าไปตรงหน้าคนไม่ได้ ก็เป็นสภาพเธอในตอนนี้

เธอรู้ว่าเขาจะเยาะเย้ย รู้ว่าเขาจะตลกเธอ

ข้างหูก็มีเสียงของชายหนุ่มเข้ามา:“ลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟา”

หลินจือไม่ขยับ

เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีก:“จะให้ผมอุ้มคุณขึ้นมา?”

หลินจือกัดริมฝีปากก็ยังก้มไม่ส่งเสียงพูด แล้วลุกขึ้นมา

แต่เธอยังไม่ถึงโซฟา ตรงหน้าก็หมุนไป แล้วจากนั้นหมดสติอย่างควบคุมไม่อยู่

ตอนที่ใกล้จะหลับตา เธอได้ยินเทาเท่ที่อยู่ข้างๆร้องอย่างร้อนรน:“หลินจือ!”

เธอยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ยตัวเอง ทำไมเธอดูเหมือนฟังความตื่นตระหนกและกังวลจากน้ำเสียงเขาออก?

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงภาพลวงที่เกิดขึ้นเมื่อหมดสติ เทาเท่จะใส่ใจเธอได้อย่างไร

เมื่อคืนหลินจืออดนอนเขียนบท ตอนเช้าในขณะที่ยังสู้เขียนบทอยู่นั้น ก็ตกใจอย่างมากกับเสียงเคาะประตูดังๆ

“หลินจือ แกออกมาเดี๋ยวนี้!”ตอนที่เสียงของเรียวจิดังขึ้นด้านนอกประตู ลึกลงในใจของหลินจือมีแต่ความตกใจกลัว

เธอรู้จักคุณธรรมของเรียวจิดี วันนี้ถ้าเธอเปิดประตู เรียวจิได้เอาของมีค่าในนี้ไปหมดแน่

ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเธอกลับประเทศแล้วไม่ติดต่อเรียวจิกับชาร์ลี กลัวพวกเขาจะหาเธอเจอ

กลัวว่าพวกเขาจะมาเอาเงินกับเธอไม่รู้จบ หรือเอาเธอไปแลกกับเงิน

เคยถูกทำร้ายไปครั้งหนึ่ง เธอมีปมในใจแล้ว

ดังนั้น เธอเผชิญหน้ากับคำด่าของเรียวจิ ก็ยังไม่พูด และไม่เปิดประตู

เรียวจิเห็นเธอไม่ตอบ ก็เริ่มใช้คุณธรรมมาโจมตีเธอ:“หลินจือ อย่าคิดว่าแกล้งตายแล้วจะจบ แกไม่เลี้ยงผู้มีพระคุณ เชื่อไหมว่าฉันเอาแกเข้าศาลได้!”

“พ่อเลี้ยงแกโตมาขนาดนี้ ตอนนี้แกมาทำตัวเหมือนหายไป?”

“กลับประเทศมาก็ไม่รู้จักไปดูที่บ้าน ไม่มีจิตสำนึกเลยเหรอ?”

หลินจืออดนอนทั้งคืน จิตใจร่างกายเหนื่อยล้า เรียวจิตะโกนและกรีดร้องอย่างไม่รู้จบ ทันใดนั้นเธอก็เริ่มปวดหัว

เรียวจิบอกว่าเธอไม่มีจิตสำนึก แต่ไม่ใช่พวกเขาเหรอที่ไม่มีจิตสำนึก?

เธอแต่งงานกับเทาเท่สามปี ไม่รู้ว่าพวกเขาสองพ่อลูกเอาเงินมาจากเทาเท่มามากมายแค่ไหน

แต่จากปกติที่พวกเขาใช้ชีวิตแล้ว เงินเหล่านั้นมากพอที่พวกเขาจะใช้ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องกังวลอะไร และเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะช่วยบริษัทที่กำลังจะล้มลงได้

และเงินที่เธอให้พวกเขาเมื่อปีที่แล้ว ก็หลายแสนได้

นั่นล้วนเป็นเงินที่มาจากหยาดเหงื่อแรงกายของเธอที่ทำพาร์ทไทม์เขียนบท ซึ่งเธอเองยังไม่กล้าจะใช้

แต่เรียวจิยังกล่าวหาว่าเธอไม่เลี้ยงพ่อแม่ ยังจะให้เธอเลี้ยงอย่างไรล่ะ?

หลินจือหดตัวลงไปในเก้าอี้คอม น้อยใจจนตาแดง

แต่ต่อมาเรียวจิก็ยังโห่ร้องต่อไป จนเสียงดังถึงข้างบ้าน หลินจือจึงแจ้งความอย่างไม่เกรงใจอีก

พอตำรวจมาเธอก็ต้องเปิดประตู แต่ใครจะไปรู้ว่าเรียวจิจะพุ่งเข้ามาถีบเธอแรงๆอย่างไม่สนคำห้ามของตำรวจ

ขานั้นเตะไปที่เอวเธอ เจ็บจนหน้าปากเธอเหงื่อออก

ที่เธอเพิ่งทรุดตัวลงกับพื้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความแข็งแกร่งทางร่างกายของเธอถึงขีดจำกัด ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป

เทาเท่ยังบังคับให้เธอลุกขึ้นไปที่โซฟาอีก เธอไม่หมดสติสิแปลก

ด้านล่าง ควีนขอให้ตำรวจเก็บเรื่องวันนี้เป็นความลับ และยังไปส่งพวกเขาอย่างมีมารยาท

กำลังจะหันกลับขึ้นไป สุดท้ายเงยไปก็เห็นเทาเท่อุ้มหลินจือออกมา

“รีบไปขับรถ พาไปโรงพยาบาลทันที”เทาเท่สั่งเธออย่างรีบร้อน

ควีนเห็นหลินจือที่อยู่ในอ้อมแขนเทาเท่มีสีหน้าซีดขาว ก็ไม่สนอะไรอีก รีบไปที่รถที่อยู่ด้านข้าง ขับรถพาหลินจือไปที่โรงพยาบาล

ที่นั่งด้านหลังของรถ เทาเท่หลับตาลงและจ้องไปที่ใบหน้าที่ไร้เลือดของหลินจือ

สักพักเขาก็สั่งควีนด้วยน้ำเสียงหม่นลง:“ให้จอนห์ไปสืบที ใครเอาเรื่องที่หลินจือกลับประเทศมาไปบอกเรียวจิ”

หลินจือกลับประเทศมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่เรียวจิกับชาร์ลีไม่รู้เลย

ทำไมจู่ๆเรียวจิ ก็รู้เรื่องนี้ในตอนนี้ด้วยล่ะ?