เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1170 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (2)

แปลโดย iPAT

 

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพึ่งถูกยึดครองโดยเผ่าไป่ซูไม่นานมานี้ แม้มันจะสามารถใช้งาน แต่มันก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดของเผ่าไห่

 

‘หือ?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเห็นรังอินทรีย์มากมายลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

‘มีทรัพยากรบนพื้นเพียงเล็กน้อยแต่บนท้องฟ้ามีรังอินทรีย์อย่างน้อยร้อยรัง ดูเหมือนกลยุทธ์ของเผ่าไป่ซูคือการพัฒนาจุดแข็งของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก พวกเขาพยายามเลี้ยงอินทรีย์มงกุฎเหล็กและอินทรีย์อื่นๆ’ ฟางหยวนเข้าใจทันที

 

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี

 

การเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายและขายพวกมันในสวรรค์สีเหลืองสามารถทำกำไรมหาศาลให้กับพวกเขา

 

‘คราวก่อนข้าไม่ได้มาที่นี่ ครั้งนี้ข้าจะคว้ารังอินทรีย์เหล่านี้มาทั้งหมด!’ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น

 

เพียงการกวาดตามอง ฟางหยวนก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ารังอินทรีย์คือทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

จุดสำคัญคืออินทรีย์เหล่านี้ใช้งานได้ง่ายไม่เหมือนทรัพยากรอื่นๆ

 

“คนชั่ว หยุด!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตะโกนมาจากด้านหลัง

 

‘ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องกำจัดปัญหานี้’ ฟางหยวนหัวเราะและหันหลังกลับ

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้นี้มีนามว่าไป่ซูเหว่ย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นผู้นำของกลุ่มผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

เขารู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลยุทธ์ของชูตู๋ทำให้เขารู้สึกแย่มาก

 

การโจมตีนี้รวดเร็วเกินไป

 

เมื่อฟางหยวนและคนอื่นๆบุกโจมตี มันเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาที่หัวใจของไป่ซูเหว่ยโดยตรง

 

หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ในฐานะผู้นำ เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกกังวลมากและตัดสินใจว่าจะปกป้องมันด้วยชีวิต

 

ดังนั้นเมื่อเห็นฟางหยวนพุ่งเข้ามา ไป่ซูเหว่ยจึงไม่หลบแแต่พุ่งเข้าปะทะโดยตรง

 

‘โอ้’ ฟางหยวนเห็นร่างกายของฝ่ายตรงข้ามส่องแสงสีทองออกมา

 

‘ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ดูเหมือนเขาจะมั่นใจในการป้องกันของตนเองเป็นอย่างมาก’ ฟางหยวนคิดและบินไปด้านซ้าย

 

ความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เขาไม่ได้สร้างระยะห่างออกจากไป่ซูเหว่ย

 

เขาเปลี่ยนไปใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ไม่ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแม้แต่น้อย

 

‘แม้ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาตลอด แต่พวกเขาก็ไม่อ่อนแอเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้อมตะระดับแปด ให้ข้าดูวิธีการของเจ้า!’

 

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

 

ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น

 

ไป่ซูเหว่ยตกใจและโกรธมาก เขากระตุ้นใช้วิธีตรวจสอบของตน ดวงตาของเขาส่องแสงสีทองออกมาขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ

 

“ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของข้าถูกสร้างขึ้นโดยนายท่าน ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากการตรวจสอบของข้า!”

 

แต่หลังจากนั้นเขากลับตกตะลึง

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ร่างจริงของเขาอยู่ที่ใด ข้ามองไม่เห็นงั้นหรือ?” เขาตกใจมาก

 

ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของเขาค่อนข้างดี แต่ใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวนดีกว่ามาก!

 

หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แล้วจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร

 

“บึม บึม บึม!”

 

ฟางหยวนโจมตีรังอินทรีย์อย่างเต็มกำลัง

 

ในรังอินทรีย์เหล่านี้มีอินทรีย์อายุน้อยหรือไข่ที่ยังไม่ฟักนอนอยู่

 

เมื่อบ้านของพวกมันพังพินาศ อินทรีย์หนุ่มส่งเสียงกรีดร้องและพุ่งออกมาต่อสู้กับภูตมนุษย์ของฟางหยวน

 

ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีคุณภาคต่ำ พวกมันไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดาย อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนที่มากกว่า พวกมันสามารถโจมตีจากทุกทิศทาง นั่นทำให้อินทรีย์หนุ่มไม่สามารถปกป้องรังของมัน

 

ในไม่ช้ารังอินทรีย์มากมายก็ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

 

“ไม่!” ไป่ซูเหว่ยตะโกน เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวทะยานร่างออกไปและพยายามคว้ารังอินทรีย์ที่ตกลงมา สุดท้ายจึงวางมันลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง

 

ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ใช้กำปั้นยักษ์คว้ารังอินทรีย์ยัดเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา

 

ดวงตาของไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นฉากนี้ เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่! หัวขโมยคืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”

 

หลังกล่าวจบคำ เขาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความดุร้าย

 

ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งงอขึ้น เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและซ่อนตัวอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล

 

ไป่ซูเหว่ยตะลึงอีกครั้ง

 

วิธีการตรวจสอบของเขาไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าที่คุ้นเคย เขาสามารถโจมตีแบบสุ่มเท่านั้น แต่โชคของเขาจะเหนือกว่าฟางหยวนที่ครอบครองวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและยังเชื่อมโยงโชคกับผู้โชคดีทั้งสี่ได้อย่างไร?

 

ไป่ซูเหว่ยเพียงผู้เดียวไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวนและทำได้เพียงบินไปทุกหนทุกแห่ง

 

ฟางหยวนใช้โอกาสนี้โจมตีรังอินทรีย์และเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธแต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด “หัวขโมยไร้ยางอาย! หากเป็นลูกผู้ชายก็ออกมาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมและเปิดเผย!”

 

ฟางหยวนไม่สน

 

ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องอีกครั้ง “เจ้าคนขี้ขลาด เจ้าทำได้เพียงวิ่งหนีไปรอบๆเหมือนหนูสกปรก เจ้ากล้าบุกเผ่าไป่ซูของข้าได้อย่างไร?”

 

ฟางหยวนเก็บรังอินทรีย์ต่อ

 

ไป่ซูเหว่ยตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าจะไม่มีชีวิตที่สงบสุขอีกหากทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขุ่นเคือง! แม้เจ้าจะวิ่งไปสุดขอบโลก พวกเราก็จะตามไปและกำจัดเจ้า!”

 

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังและนับกำไรที่ได้รับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด… รังอินทรีย์อยู่ในมือของข้า ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะทำสิ่งใดได้?”

 

“พรวด!”

 

ไป่ซูเหว่ยกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

 

ในความเป็นจริงรังอินทรีย์เหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากไป่ซูเหว่ย เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากกับรังอินทรีย์แต่ละรัง

 

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเชื่อใจและมอบอำนาจให้ไป่ซูเหว่ยจัดการ แต่เผ่าไป่ซูไม่มีทรัพยากรมากนัก ไป่ซูเหว่ยจึงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดกับรังอินทรีย์และหวังว่าพวกมันจะช่วยแก้ปัญหาการเงินให้กับเผ่าไป่ซู

 

แต่ความหวังที่สวยงามของเขากลับถูกทำลายลงโดยฟางหยวน

 

“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะตาย!” ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องด้วยความเกลียดชัง น้ำเสียงของเขาทำให้หวังอู๋หมิงที่พึ่งมาถึงรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก

 

‘หลิวกวนซื่อผู้นี้นำรังอินทรีย์ไปมากเท่าใด เหตุใดไป่ซูเหว่ยจึงโกรธถึงเพียงนี้’ หวังอู๋หมิงตอบสนองด้วยความรู้สึกอิจฉา เขาต้องการให้คนที่ไป่ซูเหว่ยสาปแช่งเป็นตัวเขาเอง!

 

ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนยังต่อสู้อยู่กับผู้อมตะเผ่าไป่ซู

 

“หวังอู๋หมิงอยู่ที่ใด?”

 

“เขาเข้าไปข้างในแล้ว สุนัขตัวนี้เดินอ้อมไปทางด้านหลัง!”

 

ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสามสนทนากัน พวกเขาทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยว

 

พวกเขาต้องการเข้าไปเพื่อฉกชิงทรัพยากรเช่นกันแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาเอาไว้

 

ขณะที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถถูกสังหาร

 

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ห่าวเจิ้นและคนอื่นๆเข้าใจเช่นกันแต่พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

เผ่าไป่ซูพึ่งก่อตั้ง พวกเขามีผู้อมตะไม่กี่คนและทั้งหมดอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

 

หากผู้อมตะเผ่าไป่ซูเสียชีวิต กลุ่มของฟางหยวนจะกลายเป็นศัตรูที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและยากที่จะประนีประนอม หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่แก้แค้น เขาก็จะไม่มีใบหน้าอยู่ในภาคเหนืออีกต่อไป!

 

การโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กและทำให้เผ่าไป่ซูสูญเสียทรัพยากรบางอย่างหรือแม้แต่สังหารผู้อมตะเผ่าไห่เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถตาย ชูตู๋เน้นย้ำเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ

 

ชูตู๋ไม่ต้องการเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

 

ในแง่ของความแข็งแกร่ง ผู้อมตะเผ่าไป่ซูด้อยกว่าห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้ทำให้ผู้อมตะทั้งสามกลายเป็นฝ่ายถูกผลักดัน

 

หลี่ซื่อจุนตะโกน “ถอยก่อน!”

 

อีกสองคนตอบสนองทันที

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไล่ตามพวกเขา แต่ผู้อมตะทั้งสามแยกย้ายกันไป

 

“กลับ! นี่คือโลกภายนอก ที่นี่เราไม่ได้รับการปกป้องจากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก กลับไปช่วยท่านเหว่ยกันเถอะ!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตัดสินใจกลับแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

ผู้อมตะทั้งสามมองเห็นโอกาสและบินกลับทันที

 

ท่ามกลางพวกเขา หลี่ซื่อจุนบินไปยังทางเข้าที่หวังอู๋หมิงสร้างไว้และประสบความสำเร็จในการเข้าสูแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกำลังตื่นตระหนก พวกเขาจึงไม่สามารถปิดกั้นศัตรูได้อีกต่อไป

 

สุดท้ายผู้อมตะทั้งสามก็สามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

“ไปหาท่านเหว่ยก่อน!”

 

นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

 

“เร็ว พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้าย”

 

“ไปดูว่ามีทรัพยากรใดเหลือบ้าง!”

 

ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋รีบร้อนเดินทาง

 

ผู้อมตะทุกคนล้วนต้องการทรัพยากรเพราะมันคือรากฐานของบ่มเพาะ!

 

โดยปราศจากทรัพยากร พวกเขาจะไม่สามารถทำสิ่งใด

 

การบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กครั้งนี้ของพวกเขาก็มีจุดประสงค์อยู่ที่การแสวงหาผลประโยชน์

 

“เอาล่ะ หยกอ่อนเหล่านี้เป็นของข้าทั้งหมด!” หลี่ซื่อจุนเลียริมผีปาก

 

หาดหยกอ่อนเป็นแหล่งทรัพยากรที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเผ่าไป่ซู

 

น่าเสียดายที่มันยังมีหยกอ่อนอยู่ไม่มาก มันยังไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับหลี่ซื่อจุน

 

“นี่เป็นทรัพยากรที่สามที่ข้าพบ แต่พวกมันมีน้อยมาก บัดซบ! เผ่าไป่ซูช่างยากจนนัก พวกเขาพยายามเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ด้วยสิ่งเหล่านี้งั้นหรือ?” หลี่ซื่อจุนเย้ยหยัน

 

“โอ้ เดี๋ยว ไม่! ” เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นประกายแสงแลบลั่นอยู่บนท้องฟ้า

 

“บัดซบ! เหตุใดข้าถึงลืมเรื่องนี้?” เขาตบหน้าผากของตนและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

รังอินทรีย์เหลือเพียงสามรังที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของฟางหยวนบินอยู่รอบๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย

 

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ไม่ว่าไป่ซูเหว่ยจะสบถสาปแช่งเพียงใด เขาก็ไม่เผยตัวออกมา