ถึงแม้ว่าในสองสามวันที่ผ่านมาหลินเสี่ยวเหยาจะได้นั่งลัมโบร์กินีมาหลายครั้งแล้ว

แต่เมื่อเธอนั่งลงในรถลัมโบร์กินีอีกครั้งในวันนี้ เธอก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ และอดที่จะมองไปรอบๆไม่ได้

ห้างสรรพสินค้าหยินซาน อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลชิงเฉิง

ใช้เวลาเพียงสิบนาที หลินฟานก็ขับรถมาถึงที่หมาย

หลินฟานไปซื้อชานมสองแก้ว แล้วจากนั้นก็เดินเล่นรอบๆห้างอย่างสบายๆกับหลินเสี่ยวเหยา

ต้องบอกไว้ก่อนว่า ชิงซี เป็นเพียงจังหวัดเล็กๆที่อยู่ในระดับที่สี่ และมีกระแสเงินหมุนเวียนค่อนข้างต่ำ

ในห้างสรรพสินค้าหยินซานทั้งหมด มีเสื้อผ้าอยู่ไม่เกิน 10,000 ชุด

ก่อนหน้านี้ หลินเสี่ยวเหยาไม่ลังเลเลยที่จะซื้อเสื้อผ้าสักสองสามชุด

แต่เมื่อเธอมาถึงห้างสรรพสินค้าหยินซานจริงๆ เธอกับรู้สึกลังเลอีกครั้งเมื่อมองไปที่เสื้อผ้าที่มีราคาแพงขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า

หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เธอตัดสินใจว่าเธอจะเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีและราคาเองก็ต้องถูกด้วย

ด้วยเป้าหมายนี้ หลินเสี่ยวเหยาก็มีความสุขมากขึ้นเมื่อช้อปปิ้งเสื้อผ้าต่างๆ

ใจนึงเธอก็มีความสุข แต่อีกใจเธอก็รู้สึกทุกข์แทนหลินฟาน

แม้ว่าหลินฟานจะมีทักษะการโจมตีที่สวยงาม ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นอย่างมาก

แต่หลังจากซื้อของมานานนับชั่วโมง ขาของเขาก็เริ่มรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย

เมื่อพวกเขาได้เดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าอีกครั้ง หลินฟานวางถุงเสื้อผ้าและนั่งพักบนเก้าอี้ ตอนนี้หลินเสี่ยวเหยาก็กำลังจะเข้าไปลองชุด

หลินเสี่ยวเหยาหยิบกระโปรงสวยๆขึ้นมา และเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มีหนุ่มสาวคู่นั้นยืนอยู่

“บูม!”

หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปชนผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนนั้น จนทำให้ชานมหกใส่ร่างกายของเธอ

“หนูขอโทษ หนูขอโทษนะคะ…” หลินเสี่ยวเหยารีบขอโทษ แล้วหยิบทิชชู่เช็ดชานมที่ทำหกใส่ผู้หญิงคนนั้น

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดไม่พอใจมาก หน้าของเธอเหมือนกับเสือที่กำลังจะคำราม เธอตะโกนเสียงดัง “เธอไม่มีตาหรือไง ดูชุดของฉันตอนนี้สิ!”

ขณะพูด ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดก็ยกมือขึ้นและฟาดลงบนใบหน้าของหลินเสี่ยวเหยา

“เพรี๊ยะ!”

เสียงตบดังกระหึ่มใปทั้งร้าน

และรอยตบก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสี่ยวเหยาอย่างชัดเจน

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดยังรู้สึกไม่พอใจ ความโกรธของเธอยังคงไม่ลดลง เธอจึงง้างมือแล้วตบหน้าของหลินเสี่ยวเหยาอีกครั้ง

“เพรี๊ยะ!”

หลินเสี่ยวเหยา รู้สึกมึนงงหลังจากถูกตบ และร่างกายที่ผอมบางของเธอก็ล้มลงไปกับพื้น

ชายที่สวมเสื้อลายการ์ตูนด้านข้างพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “กล้าทำให้เสื้อผ้าของแฟนฉันสกปรก นี่เธอตาบอดหรือยังไง!”

ขณะพูด เขาก็เตะไปที่หลินเสี่ยวเหยาที่ล้มลงอยู่ที่พื้น

“ตุบ!”

อย่างไรก็ตาม ลูกเตะนี้ ถูกหยุดโดยหลินฟาน

เมื่อตอนผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดตบหน้าของหลินเสี่ยวเหยา หลินฟานก็มองเห็นเช่นกัน

เขาเองก็อยากจะเข้าไปหยุด แต่ด้วยระยะที่ไกลเกินไป

แม้แต่หลินฟานก็ไปไม่ทัน

ชายคนนั้นเห็นว่ามีคนมาหยุดลูกเตะของเขาไว้ เขาจึงตะโกนอย่างโกรธเคือง “นายเป็นใคร เก่งมาจากไหน กล้าดียังไงถึงได้มาหยุดฉัน!”

“บูม!”

หลินฟาน ไม่ได้ตอบเลย แต่เขายกขาขึ้นแล้วเตะชายคนนั้นกระเด็นออกไปสองสามเมตร ร่างของชายคนนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงพร้อมกับเสียงที่ตามมา

“บูมม”

หลินฟาน หันไปช่วยหลินเสี่ยวเหยาก่อนที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเหยา น้องโอเคไหม”

ในตอนนี้ ใบหน้าด้านซ้ายของ หลินเสี่ยวเหยาค่อยๆแดงและบวมขึ้น

หลินเสี่ยวเหยาไม่อยากร้องออกมา เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล และหยดน้ำตาก็เริ่มตกลงมาเหมือนกับสายฝน

หลินเสี่ยวเหยาสะอื้นและส่ายหัวพลางพูดว่า “หนู…หนูโอเค…”

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ และเธอก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้หลินฟาน

หลินฟานมองไปที่ท่าทางที่น่าสงสารของหลินเสี่ยวเหยา เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธมากๆและพูดออกมา”เสี่ยวเหยา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่จะทำให้พวกนั้นชดใช้กับสิ่งที่มันทำอย่างแน่นอน!”

เมื่อหลินฟานพูดจบคำ เขาก็หันกลับมาทันทีและจ้องไปที่ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเมื่อเธอเห็นผู้ชายถูกเตะกระเด็นออกไป แต่เมื่อเธอมองไปที่ดวงตาที่เย็นชาของหลินฟานที่มองมาที่เธอ ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นกลัวโดยไม่รู้

เธอค่อยๆก้าวถอยหลังทีละนิดและพูด “คุณ…คุณกำลังจะทำอะไร”

“ขอโทษซะ!” หลินฟานกล่าวอย่างเย็นชา

หลังจากที่หลินฟานพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็โดนตบเข้าที่หน้า

“เพรี๊ยะ!”

ใบหน้าของหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและบวมขึ้นทันที

“ขอโทษซะ!”

หลังจากหยุดไปสองวินาที หลินฟานก็ตะโกนอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นแล้วตบลงที่หน้าผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด

“เพรี๊ยะ!”

ใบหน้าของหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดก็แดงและบวมขึ้นเรื่อยๆ

“ขอโทษซะ!”

หลินฟาน ตะโกนอีกครั้งและก็ตบเป็นครั้งที่สาม

“เพรี๊ยะ!”

แรงในการตบไม่ได้ลดลงไปเลย มิหนำซ้ำการตบยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาได้แปลงโฉมให้หญิงสาวที่แต่งหน้าจัด ฟันและเลือดได้กระเด็นออกมาจากปากของเธอ

ใบหน้าทั้งหมดของผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดก็บวมขึ้นเหมือนหัวหมู

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว แต่หลินฟานก็ยังไม่หยุดทุบตีเธอ เธอสั่นกลัวไปทั้งตัว เธอนอนคลานอยู่กับพื้นและร้องออกมาด้วยความกลัว: “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ..ฉันผิดไปแล้ว…”

เธอไม่อยากถูกทุบตีอีกแล้ว น้ำมูกและน้ำตาของเธอได้ไหลออกมา

หลินฟาน กล่าวว่า: “ขอโทษฉันทำไม!”

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด มองไปที่หลินเสี่ยวเหยาอีกครั้งและรีบพูด “ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน…ฉันไม่ควรตบคุณ ไม่ควรที่จะผลักคุณ … ”

ในขณะนั้น พนักงานในร้านรู้สึกกลัวมากจนต้องซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

หลินเสี่ยวเหยาตกใจกับสภาพของผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนนั้นและพูดว่า “พี่ชาย…พี่ชาย ลืมๆมันไปเถอะ”

ในเวลานี้ ชายที่ใส่เสื้อลายการ์ตูนก็ลุกขึ้นมาจากพื้น

เขาจับท้องและชี้ไปที่หลินฟาน แล้วตะโกนอย่างโหดเหี้ยม “มีคนใจถึง แกใจกล้ามาก! ไม่เคยมีใครกล้าทุบตีฉันแบบนี้มาก่อน รอฉันอยู่ตรงนั้นอย่าได้หนีไปไหน!”

หลังจากพูดเสร็จ ชายคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว

“เซินเหว่ย นี่ผานเจิ้งหยาง” ชายคนนั้นกล่าวว่า

“โอ้ เจิ้งหยาง เกินอะไรขึ้น?” เสียงที่ผ่อนคลายของเซิ่นเหว่ย ดังออกมาทางโทรศัพท์

“เซินเหว่ยแฟนของฉัน ซุนเสี่ยวหงและฉันถูกทำร้ายอยู่ที่ทางเข้าร้านเสื้อผ้า KK ในห้างสรรพสินค้าหยินซาน! พาคนมาช่วยที!” ผานเจิ้งหยางกล่าวอย่างชัดเจน

เซินเหว่ยอุทาน “อะไรนะ? มีคนกล้ามาทำร้ายคุณในเขตของฉัน อย่าให้เขาหนีไปไหน ฉันจะพาคนไปที่นั่นทันที!”

ผานเจิ้งหยางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซินเหว่ย

ถ้าแค่ผานเจิ้งหยางถูกทุบตี เซินเหว่ยก็คงไม่โกรธมากนัก

แต่สำหรับซุนเสี่ยวหง มันต่างออกไป

เพราะเซินเหว่ย เป็นผู้จัดการแผนกของห้างสรรพสินค้าหยินซานในจังหวัดชิงซี

และพ่อของซุนเสี่ยวหงเป็นประธานบริษัท ขนม เจียซิง

ทุกๆปีบริษัทขนมเจียซิง จะให้ติดสินบนเซินเหว่ยเป็นเงินจำนวนมากเพื่อให้ขนมของพวกเขาเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าหยินซาน

อาจกล่าวได้ว่าพ่อของซุนเสี่ยวหง คือเทพแห่งความมั่งคั่งของเซินเหว่ย

ตอนนี้ลูกสาวของเทพแห่งความมั่งคั่งถูกทำร้ายในห้างสรรพสินค้าหยินซาน แล้วนี่จะไม่ทำให้เซินเหว่ยโกรธได้ยังไง

หลังจากวางสายแล้ว เซินเหว่ยก็เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 30 คนมาอย่างรวดเร็ว และเดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้า KK

หลินฟาน ไม่สนใจว่าผางเจิ้งหยางจะโทรเรียกใครมา

เนื่องจากหลินฟานมี ‘ทักษะการโจมตีที่สวยงาม’ แม้ว่าเขาจะต้องไปจัดการกับคนหลายร้อยคนพร้อมกัน ก็คงจะไม่เป็นปัญหา

วันนี้ หลินฟานอยากจะสั่งสอนผู้ที่กล้ามารังแกน้องสาวของเขา

หลินเสี่ยวเหยาเองก็เริ่มเกลี้ยกล่อมหลินฟานให้ไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่มีความคิดที่จะออกไปเลย

หลินเสี่ยวเหยา นึกถึงสายที่ผานเจิ้งหยางพึ่งจะโทรออกไป ความกังวลและความกลัวในใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลินเสี่ยวเหยาก็เดินไปที่มุมห้องอย่างเงียบ ๆและโทรเรียกตำรวจ